รามเกียรติ์ 75
พระรามเริ่มรู้สึกกังวลตามที่สุครีพชี้แจง พร้อมเบือนหน้ากึ่งขอความเห็น พญาสุครีพทูลต่อว่า “ณ เมืองชมพู (ปัจจุบันน่าจะอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย) มีท้าวมหาชมพูเป็นราชา (ท้าวมหาชมพูมีอายุยืนยาวถึวหนึ่งกัลป์ มีชายาชื่อนางแก้วอุดร) อันท้าวเธอมีกองทัพที่เข้มแข็งพอๆกับกำลังแห่งขีดขิน แต่ด้วยความที่ท้าวเธอเป็นสหายรักกับพญาพาลี อย่าว่าแต่ขอกำลังเลย หากท้าวเธอรู้ว่าพาลีเสียชีวิตและสาเหตุการตายของสหายรักเกี่ยวข้องกับสุครีพ
พญามหาชมพูจะพาลเกรียดข้าจนนำกองทัพมาบดขยี้ขีดขินแบบถอนรากถอนโคน สิ้นเผ่าพันธุ์วานรแห่งสุริยวงศ์แน่นอน” ขณะที่ฟังสุครีพอยู่นั้นพระรามไม่มีสีหน้ากังวล กลับยิ้มน้อยๆอย่างมีความหวัง “ท่านลูกพระสุรีย์ อย่ากังวลไปเลย โปรดนำสารของเราไปถวานแด่ท้ามมหาชมพูเถิด” พระรามพูดจบและเบือนหน้ามาทางน้องชายอันเป็นที่รักและบอกให้พระลักษณ์ร่างราชสารและส่งต่อให้พญาสุครีพ สองน้าหลานรับราชสารด้วยความมั่นใจเหาะตรงไปยังเมืองชมพูทันที เมื่อถึงพระท่านที่ท้าวมหาชมพูประทับหนุมานไม่พูดพร่ำทำเพลง กางราชสารออกอ่านทันที
ราชสารพระบรมจักริศร์ องค์พระอิศรภาพทรงสังข์
เอาภุชงค์เป็นอาสน์บัลลังก์ ยังเกษียรสมุทรคงคา
ฝูงทวยเทวศอัมรินทร์ พรหมินทร์นักสิทธิ์ทุกทิศา
ประชุมเชิญให้ไวกูณฐ์มา ในวงศ์มหาจักรพรรดิ
ทรงนามพระรามราเมศ โลเกศเกล้าร่มดังเงาฉัตร
เสด็จยังคันธมาทน์คิรีรัตน์ จะไปอ้างสัตย์ในลงกา
บัดนี้จะประชุมโยธี จึงมีสารศรีให้หา
องค์ท้าวชมพูเจ้าพารา ไปเฝ้าบาทาพนะภูธรฯ
เมื่อท้าวมหาชมพูได้ยินนามพระนารายณ์เท่านั้น ด้วยความเกรงพระเดชถึงขนาดเป็นลมสลบลงทันที พอได้สติจึงตั้งตัวถามว่าทั้งสองวานรน้าหลานมาจากไหน สุครีพจึงชิงตัดบทว่า “เราทั้งสองคือทูตแห่งพระนารายณ์ มีโองการให้ท่านไปเผ้าที่เขาคันธมาทน์โดยด่วน” สังเกตว่าสุครีพไม่แนะนำตัวเลยว่าตนเป็นใคร มีความเกี่ยวข้องกับพาลีอย่างไร อ้างแต่ชื่อแห่งพระนารายณ์
ถึงท้าวมหาชมพูจะเคารพรักพระนารายณ์ขนาดไหนแต่ด้วยประสบการณท้าวเธอก็มิได้เชื่อซะทีเดียว “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ใช้ท่านมาคือพระนารายณ์อวตาร มนุษย์ผู้นั้นมีลักษณะอย่างไร” สุครีพรีบตอบอย่างมั่นใจว่า “องค์นารายณ์มีผิวเขียวดั่งมรกต มีศรสามเล่มที่มีฤทธิ์ที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง”