รามเกียรติ์7
บริวารกาอสูรของนางกากนาสูรได้หนีรอดกลับไปลงกาพร้อมรายงานการตายของนายแก่ทศกัณฑ์ ตลอดจนลูกๆของนางคือมารีศและสวาหุผู้ทั้งเศร้าทั้งแค้นที่แม่มาด่วนตายด้วยน้ำมือมนุษย์ตัวเล็กๆสองคน ราชาทศกัณฑ์ผู้เป็นหลานยายของนางกากนาสูรก็ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าลูกๆของนางเท่าไหร่ “ท่านยายคอยดูแลข้าจนได้เป็นจอมราชา… ท่านต้องตายเพราะภารกิจในราชการแท้ๆ… มารีศ สวาหุ ข้าสัญญาแก่เจ้าทั้งสองว่าข้าจะล้างแค้นให้แก่กากนาสูรผู้เป็นแม่ของเจ้าและยายของข้า อย่างแน่นอน”
joker123
จบสิ้นภารกิจขององค์ราม ลักษณ์ซะที ถึงเวลากลับอโยธยา วสิษฐ์ฤาษี และสวามิตรฤาษีพาสองพี่น้องเดินกลับตามเส้นทางที่มา การเดินทางขากลับเหมือนจะไม่รีบเร่งดั่งขามาแต่ทุกคนรู้สึกหนื่อยล้าต่อการเดินทาง ทันใดที่พระอาจารย์และเจ้าชายทั้งสองถึงอโยธยา ทหารมหาดเล็กคุกเข่าแสดงความเคารพทุกคนในคณะ พร้อมกับแจ้งว่าท้าวทศรถมีประสงค์ให้เจ้าชายทั้งสองเข้าเฝ้าโดยด่วน องค์ราม ลักษณ์จึงรีบรุดไปสู่ท้องพระโรง ลูกทั้งสองสัมผัสเท้าจอมราชาและรายงานผลงานที่เพิ่งสำเร็จไป ท้าวทศรสรู้สึกภูมิใจจนโผเข้ากอดองค์รามโดยไม่รู้ตัว และหันมาจุมพิตองค์ลักษณ์ ช่างเป็นภาพที่ชาวอโยธนาปราบปลื้มยิ่งนัก อารามตื่นเต้นที่ได้พบลูกองค์ทศรถเกือบลืมที่จะทำความเคารพมหาฤาษีทั้งสอง วันนี้เหมือนท่านมหาฤาษีจะอารมณ์ทั้งคู่และไม่ถือพิธีรีตองมากมายนัก
สล็อต
“กราบนมัสการท่านมหาฤาษีวสิษฐ์ มหาฤาษีสวามิตร ครูแห่งเทพและกษัตริย์ พระชนกกษัตริย์เมืองมิถิลาได้ส่งสารมาเชิญให้เจ้าชายแห่งอโยธนาเข้าร่วมพิธียกมหาธนูโมลีเพื่อเสี่ยงทายหาราชบุตรเขยแห่งมิถิลา หรืออีกนัยคือหากใครยกคันธนูโมลีได้ ผู้นั้นจะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงสีดาผู้ที่งานที่สุดในชมพูทวีป รามพ่ออยากให้ลูกเข้าร่วมพิธีนี้ อย่างน้อยเจ้าคือตัวแทนที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่อโยธยามีอยู่ พร้อมกราบนมัสการเชิญท่านราชครูให้…..” ท้านทศรสยังพูดไม่ทันจบปะรโยค ฤาษีวสิษฐ์พยักหน้าเหมือนรู้ด้วยญาน “อาตมายินดีพาองค์ชายรามแห่งโยธยาเข้าร่วมพิธียกศรมหาธนูโมลีเอง อาตมาจะได้มีโอกาสเยี่ยมเยียนสหายเก่าอย่างพระชนกก็คราวนี้… ไปราม เราไปกัน องค์ลักษณ์เจ้าจะไปด้วยหรือไม่” ท่านอาจารย์ถามเหมือนรู้ใจ
“ศิษย์จะอยู่ทุกที่ที่ท่านพี่รามอยู่” องค์ลักษณ์ตอบอย่างไม่ต้องคิด ทั้งอาจารย์และศิษย์ไม่มีโอกาสใด้พักให้หายเหนื่อยก็ต้องเดินทางไปมิถิลาต่อเลย เนื่องจากพิธียกพระมหาโมลีใก้ลเข้ามาอีกไม่กีวันข้างหน้า
สล็อตออนไลน์
ขอเล่าเรื่องพิธียกมหาธนูโมลี หรือเรียกสั้นๆว่า พิธียกศร กล่าวคือ มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่าตรีบุรัม ครองเมืองโสฬส เก่งมากพอตัวแต่ก็อยากเป็นอมตะ เลยนั้งเฉยๆอยู่ท่าเดียวไม่ขยับเขยื้อนอยู่ริมแม่น้ำสาระภูนานถึงเจ็ดปีกับอีกเจ็ดวัน จนะรอิศวรร้อนตัว ร้อนใจ ต้องมดูว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามว่า “ตรีบุรัม เจ้าต้องการอะไร” ตรีบุรัมขอให้ไม่มีใครสามารถฆ่าได้แม้แต่พระนารายณ์ พระอิศวรจึงอวยพรแต่มีข้อแม้ว่าตรีบุรัมต้องครองในทศพิธราชธรรม แต่เพียงไม่กี่วันที่มีฤทธิ์ตรีบุรัมเริ่มคิดอยากได้นางฟ้าเป็นเมีย จึงเหาะขึ้นไปรวนรามนางฟ้าในสวรรค์ชั้นต่างๆ จนเดือดร้อนกันท้งสวรรค์ พระอิศวรจึงต้องออกมาแก้ปัญหาโดยทรงนำทัพเอง เข้าโจมทีเมืองโสฬส โดยให้ขันทกุมารนำทัพเทวดาล้อมเมืองไว้ (ขันทกุมาร เป็นบุตรชายของพระอิศวรและพระอุมา เป็นน้องชายของพระพิฆเนศ) พระอิศวรและพระพรหมสละพลังเพื่อสร้างเกราะเพชร นำพลังของเขาพระสุมรมาเป็นคันธนูที่ชื่อว่า “มหาโลหะโมลี” สายธนูสร้างโดยพลังของอนันตนาคราชอันเป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์ องค์พระนารายณ์ใช้พลังของท่านเพื่อสร้างลูกศร
jumboslot
พระอิศวรหรือที่บางคนเรียกว่า “มหาเทพ” หรือ “พระศอดำ” ทรงโคนนทิสีขาวดั่งนม นำทัพสวรรค์ฝ่าเข้าไปในเมืองโสฬร ตรีบุรัมตกใจ ถามว่า “ยกทัพมานี่ ข้ามีความผิดอะไร” พระอิศวรจึงแจ้งว่าพญายักษ์ผิดสัญญาไม่ได้ครองอยู่ในธรรม ตรีบุรัมโมโหสั่งให้ทหารเข้าโจมตีกองทัพเทวดาของนันทกุมาร ทัพสวรรค์ฆ่ายักษ์ล้มตายจำนวนมาก พระอิศวรจึงคว้าศรนารายณ์ประทับมหาโลหะลี หมายยิงตรีบุรัม แต่ยิงอยู่สามครั้งศรก็ไม่ออกจาธนู เพราะศรจากองค์พระนารายณ์หลับ ไม่ยอมทำงาน พรอิศวรโมโหจึงโยนศรทิ้ง และถามว่าเหตุใดพราะนารายณ์จึงหลับไม่ทำงานให้สำเร็จ พระนารายณ์กล่าวว่า “มหาเทพ ท่านลืมแล้วหรือว่าท่านเคยอวยพรให้ไม่มีใครฆ่าตรีบุรัมได้ แม้แต่พระนารายณ์” พระอิศวรเข้าใจจึง หันหน้าไปที่ตรีบุรัมและเปิดตาที่สามกลางหน้าผาก ร่างกายตรีบุรัมไหม้เป็นขี่เถ้าในพริบตาด้วยไปบรรลัยกัลป์
slot