เมื่อไม่นานมานี้ทั้งสองมนุษย์ได้ส่งทหารมาเผากรุงลงกาซะย่อยยับ ขณะนี้พญาทศกัณฐ์ป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งเพื่อความปลอดภัยของประชาราช โอกาสนี้จึงขอเชิญพระองค์เสด็จไปปัดเป่าเพทภัยให้พ้นจากนครลงกาด้วยเถิด” ไมยราพได้ฟังแล้วโมโหกระทืบเท้าสั่นสะเทือนไปทั่ววัง “อะไรนี่ เจ้ามนุษย์เดินดินสามารถฆ่าขุนมารยอดฝีมือทั้งสามได้ด้วยหรือ… เห็นทีเราต้องช่วยพระญาติ พญาทศกัณฐ์ของเรา…นี่เจ้ากุมารทั้งสอง เจ้าจงรีบล่วงหน้าไปทูลเสด็จทศกัณฐ์ว่าข้าจะตามขึ้นไปช่วยกำจัดศัตรูในวันพรุ่งนี้”.
เมื่อสองม้าเร็วแห่งลงกาออกนอกท้องพระโรงบาดาลไป ไมยราพก็หันมาปรึกษาเสนาผู้ใหญ่อย่างจิตรกูฎและจิตรไพรี “ท่านทั้งสองได้รับใช้กษัตริย์แห่งเมืองบาดาลมาหลายชั่วอายุ เมืองบาดาลของเราเคยช่วยลงการบมาก่อนหรือไม่” ทั้งสองอำมาตย์ส่ายหน้า “ข้าพระเจ้าทั้งสองก็มีอายุมากเป็นโกฎปีแล้วก็จริง แต่ก็ยังมิเคยเห็นกษัตริย์ของทั้งสองนครช่วยเหลือร่วมรบกันเลย” พระยาไมยราพจึงรีบเสด็จเข้าเฝ้าพระชนนีถามว่าอันบาดาลและลงกาเคยมีเรื่องบาดหมางหรือเป็นมิตรระหว่างนครกันหรือไม่ นางจันทรประภาผู้มารดานึกสงสัย
“เมื่องครั้งเสด็จปู่ของเจ้าท้าวสหมลิวรรณยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ร่วมรบกับพระสหายรักท้าวลัสเตียนแห่งลงกา แต่เมื่อสิ้นบุญท้าวลัสเตียนเมืองลงกาก็ผ่านมายังมือของพญาทศกัณฐ์ผู้ที่ไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม เบีบดเบียนใครต่อใครจนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ก่อนที่ปู่ของเจ้าจะสิ้นใจท่านได้ผ่านเมืองบาดาลแก่ท้าวมหายมยักษ์ผู้บิดาและทรงกำชับว่าอย่าได้คบหากับขุนมารทศกัณฐ์เด็ดขาด และขอให้ลูกหลานอย่าได้ข้องแวะกับลงกาเพื่อหลีกเลี่ยงพิบัตที่จะตามมา….แต่เจ้าถามแม่เพราะอะไรหรือลูก” ไมยราพขยับองค์เข้าหามารดาบอกว่า
“ท่านแม่ ทศกัณฐ์ได้ใช้ให้นนยวิกและวายุเวก ลงมาเชิญข้าให้ลูกไปร่วมทัพ กำจัดรามลักษณ์หลานท้าวอัชบาลแห่งอโยธยา สองพี่น้องเข่นฆ่าเหล่าอสูรอย่างมากมาย ขณะนี้ยังยกทัพวานรมาบุกจะยึดลงกาอีก ข้าเห็นว่ากองทัพบาดาลควรยกขึ้นไปช่วยศึกลงกาในครั้งนี้” นางจันทรประภาหน้าถอดสี “เจ้าหมายถึงองค์ราม แห่งสุริยวงศ์ใช่หรือไม่ … ท่านคืออวตารจากพระนารายณ์ลงมาปราบอธรรม ทศกัณฐ์คือราชาแห่งอธรรมผู้ที่จะสยบแด่ศรของพระองค์ในไม่ช้า
แม่ว่าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวตามคำของเสด็จปู่เถิด” ไมยราพเดินออกจากท้องพระโรงโดยไม่ว่ากระไร แต่นางจัทรประภาใจหายวาบเหมือนจะไม่ได้พบลูกอีก “โชคดีจงมีแก่เจ้า พิศที่กษัตริย์แห่งบาดาลเคยทำไว้จงคุ้มครองให้ลูกแม่ปลอดภัยด้วยเถิด”