รามเกียรติ์ 138
เมื่อกุมภกรรณเห็นยอดชฎาของลูกพระอาทิตย์ก็รู้เลยว่าเป็นสุครีพผู้เคยหักฉัตรประจำลงกามาแล้ว “วานรตัวนี้มีเรี่ยวแรงมากนัก หากจะสู้กันเราคงจะไม่สามารถต้านทานแรงมันได้ ต้องออกอุบายอะไรซักอย่างเพื่อตัดทอนกำลังของมัน” เพียงสุครีพและกุมภกรรณประจันหน้ากันครั้งแรกก็ปะทะคารมกันตามธรรมเนียม โดยพระอนุชาแห่งลงกาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “นี่สุครีพน้องพญาพาลีหรือนี่ ดูดีน่าเกรงขาม เคยได้ยินว่ารักพาลีเหมือนพ่อ แต่ทำไม๊….ทำไม มาพึ่งพามนุษย์ผู้ฆ่าพี่… อ๋อคงเพื่อหวังจะแย่งชิงขีดขินนี่เอง….ไม่เกรงกลัวเวรกรรมหรือไร”
พญาสุครีพตบมือแล้วหัวเราะ “โถไอ้ยักษ์โง่ เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา… ไม่รู้เลยหรือว่าพระรามคือองค์นารายณ์อวตารลงมาปราบยุคเข็ญ อันพญาพาลีนั้นเคยสาบานแต่กาลก่อนว่าหากผิดคำสัญญาขอให้ตายด้วยศรพระนารายณ์ กูไม่ใช่ผู้คิดชั่วอย่างมึงว่าหรอก….แต่มึงพูดไปเถอะเดี๋ยวหัวมึงก็จะหลุดจากบ่าแล้ว” กุมภกรรณเจ็บใจที่ถูกพญาลิงต่อคำ แต่ก็ไม่ลืมว่าสุครีพมีกำลังมหาศาลจึงออกอุบายว่า “สุครีพ….หุบปากซะ ตัวกูกับมึงนั้นเทียบวรรณะกันไม่ได้หรอก ถ้ากูทำอะไรก็จะหาว่ารังแก มึงจะพานอายไพร่พลเปล่าๆ เอาอย่างนี้มึงไปที่ป่าหิมพานต์แล้วถอนต้นรังใหญ่มาให้กูดูซะต้น จะได้เห็นว่ามึงมีฤทธิ์พอกูจะลดตัวไปสู้รบด้วย”
สุครีพเคี้ยวฟันโกรธยิ่งนัก หน้าแดงขึ้นจากเดิมอีก พญาลิงไม่พูดอะไรเหาะข้ามชมพูทวีปไปทางทิศเหนือสู่ป่าหิมพานต์ ภายในเพียงอึดใจก็มาถึง ถลาลงที่เชิงเขากาลจันทร์รวบรวมสรรพกำลังถอนต้นรังใหญ่กลางป่ารัง
เท้ายันบ่ายันมือกระชาก สะเทือนรากดินลั่นหวั่นไหว
โยกฉุดด้วยกำลังว่องไว ก็ถอนขึ้นได้ดั่งจินดา
จากนั้นสุครีพเหาะกลับยังพระลานพร้อมควงต้นรังอย่างสนุกมือ “เจ้ายักษ์กุมภกรรณ ดูซะว่านี่ต้นอะไร…” เมื่อกุมภกรรณเห็นว่าสุครีพเสียรู้จึงทะยานออกจากราชรถควงคทาทองเข้าต่อตี สุครีพมีต้นรังเป็นอาวุธใช้ฟาดที่ลำตัวพญายักษ์ ต้นรังใหญ่แหลกละเอียดคามือขุนกระบี่ แต่กุมภกรรณก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ เรี่ยวแรงยังเหลือเฟือพร้อมง้างตีสุครีพด้วยคทาไปหลายชุด จนลูกพระอาทิตย์ซวนเซจากความเจ็บปวด หมดเรี่ยวแรงที่เสียไปจากการถอนต้นรังใหญ่ก่อนหน้านี้ สุครีพทั้งเจ็บทั้งมึน ตกลงสู่พื้นดิน มารู้ตัวอีกทีก็ถูกกุมภกรรณหนีบไว้ที่รักแร้พาเหาะมุ่งหน้าสู่นครลงกา
ขณะนั้นพลวานรที่ติดตาพญาสุครีพจอมทัพออกมาสู้รบ เห็นนายเพลี่ยงพล้ำต่อศัตรูจึงรีบกลับเข้าค่ายแล้วทูลพระราม “บัดนี้พญาสุครีพพ่ายแพ้ต่อภุมภกรรณ โดนจับไปลงกาซะแล้ว ขอพระองค์ทรงคิดการแก้ไขด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ” พระรามนั่งไม่มีเวลาตรองทรงตรัสสั่ง “หนุมานท่านรีบออก ไปช่วยสุครีพโดยเร็ว….เร็วเข้าเดี๋ยวจะเสียการ” หนุมานหลานสุครีพถวายบังโคมเพียงครึ่งวงก็เหาะขึ้นฟ้าตรงดิ่งสู่ตัวนครลงกา
ขณะจวนจะถึงประตูเมืองลงกาพลางเหลือบเห็นกุมภกรรณหนีบน้าสุครีพไว้ที่เอว บุตรพระพายจึงกระโจนเข้าถีบที่กลางหลังยักษ์ใหญ่ บีบคอกุมภกรรณจนคอแทบหลุด เป็นจังหวะที่สุครีพสลัดหลุดจากวงแขนจอมอสูรออกมาได้พอดี ทั้งน้าหลานเข้ารุมกุมภกรรณผู้ที่ยังตั้งตัวไม่ติด ทั้งกัดหู กัดจมูกวุ่นวายไปหมด อุปราชแห่งลงกาได้แต่ปัดป้องเหาะหนีเข้าเมืองในที่สุด