รามเกียรติ์ 146
พระรามร้องไห้รำพรรณจนขาดสติฟูมฟายไม่รู้สึกองค์ จนพญาพิเภกเห็นท่าไม่ดี กลัวจะเสียนายไปอีกคนจึงต้องฝืนกฎของตนกราบทูลก่อนที่ท่านจะทรงถาม เพราะตามปกติพญาพิเภกจะไม่บอกอะไรก่อนที่องค์รามจะถาม บางครั้งเหตุการณ์เกือบบานปลายจนจะแก้ไขไม่ได้ พญาพิเภกก็ไม่ปริปากเพราะนายไม่ถาม แต่คราวนี้โหรประจำกองทัพทูลว่า (นักเรียนไทยรุ่นคุณแม่ คุณอาต้องท่องกลอนบทนี้อย่างขึ้นใจ เพราะท่านเคยท่องก่อนโรงเรียนเลิก รุ่นผมไม่ทันครับ… เชิญท่องอาขยานออกเสียงตามเพื่อระลึกถึงความหลังนะครับ)
บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษมณ์สุริยวงศ์ ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี ต้องแสงพระรวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพรายเทวัญ ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร ข้ามยุคธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา ทั้งยาชื่อสังกรณี
ยังเขาสรรยาบรรพต ปรากฎอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัจมหานที สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา พระราชนิพนธ์ใน ร.1
(กลอนบนนี้ใช้ประกอบโขนพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาท ผู้ชมร้องตามกันสนั่นโรง เห็นคุณย่าคุณยายซับน้ำตา หัวเราะกันใหญ่ ปรบมือให้กันและกัน เป็นความรู้สึกที่น่าชื่นชมจริงๆครับ)