รามเกียรติ์ 148
หนุมานเห็นพระพรตและพระสัตรุดออกว่าราชการอยู่ จึงลงจากอากาศเข้ากราบแทบบาทน้องพระจักราผู้เป็นนาย สองกษัตริย์และมุขมนตรีรู้สึกแปลกใจว่าลิงเผือกตัวนี้มาจากไหน มาทำอะไรที่นี่ พระพรตเห็นท่าทางของหนุมาน ทรงมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ลิงธรรมดาแน่ๆจึงถามว่า “ตัวท่านมีนามว่ากระไร เป็นเชื้อวงค์เผ่าไหน แล้วมีใครเป็นนายใช้ให้มาเพื่อการใด” หนุมานก้มกราบแนะนำตัว “อันตัวข้าบาทเป็นทหารขององค์รามมีชื่อว่าหนุมาน ทศกัณฐ์เจ้าแห่งอสูรบังอาจมาลักเอาพระแม่สีดาไปขังที่ลงกา ขณะนี้องค์รามลักษณ์ได้กรีฑาพลลิงจากขีดขินและเมืองมหาชมพูเข้าโจมตีเมืองลงกาหมายชิงพระมเหสีคืน แต่พระลักษณ์พลาดท่าต้องหอกจากกุมภกรรณในสนามรบจนสิ้นสติ จะดึงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถดึงหอกนั้นออกได้ องค์รามจึงบัญชาให้หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าเพื่อขอปัญจนทีจากพระองค์ เชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไปผสมยาใช้แก้ไขให้พระลักษณ์ฟื้นก่อนอรุณรุ่งที่จะถึง” เมื่อพระพรตและพระสัตรุดได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะหลังจากกันที่กลางป่าใกล้เขาสัตกูฏ นี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองพระอนุชาและชาวอโยธยาได้ยินข่าวความเป็นไปของพระราม…
โอ้อนิจาพระทรงจักร เป็นปิ่นปักสามภพจบสวรรค์
หรือมาต้องเดินป่าอารัญ ตามกันทั้งสามเสด็จจร
ได้ยากลำบากแล้วมิหนำ ซ้ำจากอัคเรศดวงสมร
จนต้องข้ามมหาสาคร ตามไปราญรอนปัจจามิตร
เสียแรงตัวน้องเอากำเนิด เกิดร่วมสุริย์วงศ์พระจักรกฤษณ์
มิได้ตามเสด็จพระทรงฤทธิ์ อาชีวิตสนองพระบาทา
ดั่งไม่จำนงจงรัก ภักดีต่อองค์พระเชษฐา
ได้แต่พระลักษณ์อนุชา ไปร่วมชีวาพระจักรี
เป็นเพื่อนรณรงค์ยงยุทธ์ จนต้องอาวุธยักษี
ร่ำพลางต่างทรงโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะวายปราณ พระราชนิพนธ์ในร.1
พระพรตน้ำตานองหน้า ตีบตันในลำคอแต่ต้องฝืนองค์เข้มแข็งเป็นดั่งเสาหลักของอโยธยาต่อไป “พี่รามต้องเดินดงถึงสิบสี่ปีตามสัจจะ แล้วนี่ต้องมาพลัดพรากจากสีดาองค์มเหสีสุดที่รัก ขนาดต้องยกพลข้ามน้ำข้ามทะเลเสี่ยงอันตรายเพื่อทวงนางคืน แถมครานี้เคราะห์กรรมซ้ำเติม น้องลักษณ์ที่ทรงถนอมดั่งลูกมาต้องหอกของพวกยักษ์ร้ายอีก… เสียแรงที่ข้าเป็นหน่อเนื้อร่วมสายโลหิต เป็นอนุชาลำดับถัดจากพระองค์ ข้ามิอาจช่วยเหลือตามถวายงานอะไรได้เลย.. เพราะข้าคือข้าบาทแห่งองค์อวตารที่ต้องปกครองอโยธยาแทนองค์ท่านตามพระราชบัญชา…”
พอสองพี่น้ององค์พรตและสัตรุดได้สติคืนก็พระราชทานขวดแก้วที่บรรจุปัญจานทีส่งให้พญาลิงและฝากข้อความถึงพี่ชายคนโตว่า “หนุมานท่านจงกราบพระบาทพระอวตารแทนเราสองพี่น้อง จงทูลว่าถึงเราสองพี่น้องจะสำเร็จราชการปกครองอโยธยาแทนพระองค์ แต่เราก็ไม่เคยได้สนใจในพระราชบันลังค์อันเป็นของกรรมสิทธิขององค์รามเลย หลังจากที่ไกลเสด็จพี่ที่แสนดีของน้อง เราสองคนยังไม่เคยพบกับความสบายใจแม้แต่วินาทีเดียว
ข้าไม่เคยหายใจอย่างทั่วท้องเลยตั้งแต่วันที่ต้องบอกลาพระองค์ที่กลางป่า หากไม่กลัวผิดพระราชบัญชา เราพรตและสัตรุดคงจะกรีฑาทัพลงไปพระองค์ท่านช่วยรบกับหมู่มารอีกแรง เราและประชาชนแห่งอโยธยาเฝ้ารอวันที่ทั้งสามกษัตริย์คืนกลับสู่นครอย่างปลอดภัย….จงรีบไปเถิดหนุมาน ทหารกล้าแห่งองค์ราม”