
รามเกียรติ์ 106
ทศกัณฐ์ก็ยังไม่เชื่อ ยังตามจีบ รุกเร้าต่อไป
โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์ยอดฟ้ามารศรี
เจ้าอายเหนียมเรียมไยนะเทวี เสียแรงพี่จงรักไปลักมา
หวังจะเสกสาวสวรรค์ขวัญเนตร เป็นเอกองค์อัคเรศเสนหา
ครองสมบัติพัสถานทั้งลงกา พี่มิให้แก้วตาอนาทร
อันพระรามฤาษีสามีน้อง ไม่ควรครองคู่เคียงเรียงหมอน
พี่จะยกไปสังหารราญรอน ให้ม้วยมรณ์สิ้นเสี้ยวศัตรูเรา
ว่าพลางทางขยับจับต้อง เลียมลองเล้าโลมโฉมเฉลา
ฉวบชายสไบทรงนงเยาว์ นิจจาเจ้าอย่าสลัดตัดเยื่อใย…
ทศกัณฐ์ทั้งหยอดคำหวาน ทั้งเสนอยศศักดิ์ให้ครองลงกาคู่กัน ทั้งขู่เข็ญว่าจะยกทัพไปกำจัดพระรามให้พ้นๆ จนสุดท้ายประชิดเนื้อถึงตัว จนเบญกายอับอายเป็นอย่างมากจึงแปลงกายกลับสู่ร่างยักษ์สาวอย่างเดิม ทศกัณฐ์เห็นว่าเป็นนางเบญกายหลานสาวจริงๆก็ยืนบิดผ้า เอียงเขินทำอะไรไม่ถูก หันไปก็เห็นนางกำนัลพากันหัวเราะคิดคัก จึงแก้เก้อ “ขอโทษทีหลานรัก ไม่มีผู้ใดในลงกามีฝีมือการจำแลงกายเก่งเท่าเจ้าอีกแล้ว รีบไปเถอะหลานรัก
เดี๋ยวจะเสียฤกษ์ เสียยาม เสียการเปล่าๆ โชคดีจงมีแก่เจ้า เบญกายวีรสตรีแห่งลงกา” นางเบญกายกราบลา เหาะข้ามมหาสมุทร ลดลงที่เขาเหมติรัน เดินมายังริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆค่ายของพระรามแล้วถือจิตรอธิฐานกลายร่างเป็นนางสีดาทำเป็นตายลอยไปใกล้บริเวณที่พระรามลงสรงน้ำ
เวลานั้นตรงกับเวลาเช้าที่พระรามเพิ่งตื่นบรรทมพอดี จึงชวนพระลักษณ์ลงสรงน้ำเพื่อชำระองค์ให้สดชื่น พอมาถึงที่ท่าน้ำเห็นศพนางสีดาลอยมา พระรามแทบจะขาดใจตายตาม รวมสติลงน้ำช้อนร่างสีดาแปลงขึ้นวางที่ตัก องค์รามลักษณ์สองพี่น้องทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ โหยหายถึงแต่วิญญาณของสีดา “โถสีดาน้องพี่ ทำไมเจ้ามาด่วนจากพี่ไป พี่ยกทัพฝ่าอันตรายมาเพื่อมารับตัวน้องกลับสู่อโยธยา หากอยู่ในบ้านเมืองพี่จะชักศพเข้าเมรุทอง
จัดงานเพื่อระลึกเจ้าอย่างสมเกียรติองค์ราณีแห่งอโยธยา แต่ตอนนี้พี่อยู่อย่างขัดสนยิ่งนัก สีดาคนดีจงคิดซะว่า ป่าเขาคือเมรุ ต้นไม้สูงเตี้ยคือธิวธงรับเสด็จศพเจ้า คิกซะว่าเสียงจักจั่นคือเสียสังข์เบิกขบวนพระศพ เสียคลื่นคือดนตรีฆ้องกลองกล่อมเจ้า เมื่อขาดสีดา ต่อแต่นี้นามองค์รามแห่งอโยธยาจะมีความหมายอะไร….”