
รามเกียรติ์ 132
ไมยราพถูกหนุมานตีด้วยกระบองท่อนตาลจนขาดใจตาย… แต่ในตาราของไทยดั่งเดิมบอกว่า หนุมานตีไมยราพจนจมดินแล้วฟันแขน ขาของไมยราพขาด แต่แขนขานั้นกลับก็งอกออกมาคงเดิมจนหนุมานต้องเยียบร่างกายเจ้าเมืองบาดาลไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมาได้ นางพิรากวนตะโกนบอก “พ่อหนุมาน…. ไมยราพถอดดวงใจฝากไว้กับแมลงภู่ ใส่กล่องแก้วซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฎ” หนุมานเสกร่างกายให้ใหญ่เท่าภูเขา เหยีบร่างไมยราพไว้แล้วคลำหากล่องแก้วบนเขาตรีกูฎจนเจอและบีบแมลงภู่หัวใจไมยราพแหลกคามือ ถึงคราวอวสานของพญาไมยราพอย่างเด็ดขาดซะที
ทหารยักษ์ของทัพบาดาลชื่อตรีพัทเมฑ ยังจงรักภักดีต่อไมยราพจึงฝ่าด่านหนีไปกรุงลงกา กราบทูลทศกัณฐ์ว่า “พระนัดดาไมยราพถูกหนุมานสังหารซะแล้ว แถมยังตัดหัวติดมือกลับไปอีก ช่างหยามพระเกียรติเหล่าอสูรเหลือเกิน ตอนนี้ไอ้ลิงป่ายังถือดีตั้งไวยวิกให้ผ่านเมืองบาดาลแทน ขอพระพันปีโปรดพิจารณา” ทศกัณฐ์หัวใจสลาย แทบจะครองสติไม่อยู่ “ไมยราพหลานเรา เจ้าต้องมาตายเพราะหมายกอบกู้ศักดิ์ศรีของอสูรวงศ์แท้ๆ ลุงจะแก้แค้นแทนเจ้า…”
เจ้าแห่งลงกาน้ำตานองหน้า ถอนใจยาวเพราะยังหาทางออกต่อการศึกนี้มิได้ จึงสั่งนางกำนัลให้ไปตามกุมภกรรณน้องชายคนโปรดมาหาเพื่อหารือข้อราชการนี้ …
ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับภุมภกรรณก่อนนะครับ กุมภกรรณเป็นน้องลำดับต่อจากทศกัณฐ์ เป็นยักษ์ถือศีล รักความสะอาดอย่างยิ่ง นิยมความยุติธรรมแต่ก็ซื่อสัตย์ต่อพี่เป็นที่สุด มิได้ชื่นชมในยศศักดิ์จึงเป็นยักษ์ที่ไม่มีมงกุฎหรือชฎายอดสูงเหมือนอสูรใหญ่ตนอื่น
หน้าสีเขียว เคี่ยวโง้ง เป็นอุปราชเมืองลงกาเพราะมีความสามารถไม่เป็นรองใคร ร่างกายใหญ่โตกว่ายักษ์ปกติ แต่ในฉบับของอินเดียบรรยายว่าเป็นยักษ์ตัวใหญ่มาก ชอบนอนจะหลับลึกยาวติดต่อกันถึงแปดเดือน ขณะหลับจะมีสาวงามคอยพัด คอยใช้น้ำมันหอมนวดทั้งร่าง นางงามเหล่านั้นจะผลัดกันป้อนอาหารมิได้ขาดเช่นช้างทั้งตัวย่าง วัวหัน เวลาปลุกให้ตื่นยากเย็นยิ่งนัก ชอบดื่มสุรามีความโหดเหี้ยมไม่แพ้พี่ จึงออกจะแตกต่างจากของไทยอยู่มาก
เมื่อกุภกรรณทราบว่าผู้เป็นทั้งพี่และเจ้าชีวิตเรียกหาจึงแต่งตัวรีบเข้าเฝ้าโดยด่วน เมื่อถึงท้องพระโรงกุมภกรรณคลานเข่าเข้าถวายบังโคม ทศกัณฐ์ยินดียิ่งนักเมื่อเห็นน้องผู้จะเป็นทางออกยามคับขันอย่างนี้ จึงตรัสว่า “น้องพี่ มามะ มานั้งข้างพี่มา เจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้ลิงไพร่ข้ามนุษย์มันฆ่าไมยราพหลานเราตายเสียแล้ว พี่นี้แสนแค้นยิ่งนัก เห็นว่าเจ้าเป็นผู้ที่จะล้างอายเราชนเผ่าอสูรวงศ์ จะชนะสองพี่น้องรามลักษณ์อย่างมิยากเย็นนัก…”