
รามเกียรต์ 168
ราชาแห่งโรมคัลน้ำตาคลอเพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาของพระเจ้าลุงที่ถามถึงทุกข์สุขของตนและเมืองหน้าด่านอย่างโรมคัล “อันเสด็จแม่ของกระหม่อมและชาวประชานครโรมคัลมีความสถาพรดีครบถ้วนเนื่องด้วยพระบารมีของเสด็จลุงอันเป็นร่มเงาให้หลานได้พึ่งพิง เสียดายแต่เสด็จพ่อพญาขรผู้พลาดท่าเสียชีพด้วยน้ำมือมนุษย์ฤษีพี่น้อง”
เมื่อได้ยินชื่อของ “พญาขร” น้องชายที่รักหน้าทั้งสิบของพญาทศกัณฐ์สลดลงทันที “ที่ลุงด่วนเรียกเจ้ามาในวันนี้เพราะมีศัตรูกรีฑาหมายจะย่ำยีกรุงลงกา กองทัพอธรรมนั้นนำโดยพี่น้องรามลักษณ์ตัวการที่ฆ่าพ่อของเจ้า ฆ่าเหล่าอาของเจ้า เจ้าสองมนุษย์ร้ายได้รับการสนับสนุนจากเหล่าลิงป่า พวกมันเข้ารุกรานลงกาของเราไม่เว้นแต่ละวัน ลุงกุมภกรรณของเจ้ายกทัพออกไปก็พลาดท่าตายในสนามรบ ขนาดอินทรชิตยังมิอาจเอาชนะมันได้โดยง่าย จนตอนนี้อินทรชิตผู้พี่ของเจ้าต้องออกไปชุบศรนาคบาศที่ยอดเขาอากาศ… ลุงเห็นว่าหลานเป็นผู้เก่งกล้าเป็นสามารถพอที่จะออกไปขัดทัพเหล่าศัตรู แต่คะเนดูแล้วด้วยความสามารถของเจ้า ลุงว่าหลานนะจะชนะศึกนี้อย่างมิยากเย็น” ฝ่ายมังกรกัณฐ์ก้มลงกราบเสด็จลุงแล้วทูลว่า “หลานนี้แค้นเจ้ารามลักษณ์ยิ่งนัก อยากจะบดขยี้มันให้แหลกคามือ ขอให้เสด็จลุงอย่าห่วงหลานจะทำการกิจนี้ให้สำเร็จตามพระบัญชา… เสด็จลุงหม่อมฉันขอลา” พญาทศกัณฐ์หัวเราะอย่างชื่นใจ “ฮะ ฮะ ฮะ มังกรกัณฐ์หลานรักของลุง หัวใจเจ้านี้กล้าหาญยิ่งไม่ต่างอะไรจากพญาขนน้องข้า มิเสียแรงที่เกิดร่วมวงศ์พรหมเป็นหน่อเนื้อเชื้อสุริย์วงศ์… นี่เปาวนาสูร เจ้าจงออกไปเตรียมข้าวปลาอาหารพร้อมสิ่งบันเทิงเลี้ยงรับรองกองทัพแห่งโรมคัล อย่าได้ขาดตกบกพร่องให้เสียชื่อนครลงกา” นางในแห่งราชสำนักลงกาจัดแต่งเครื่องสำรับคาวหวาน สุรา เครื่องกับแกล้มเพื่อถวายมังกรกัณฐ์ผู้เป็นทั้งพระนัดดาสืบสายโลหิต เป็นพระราชาต่างเมืองที่มาช่วยสงครามอันยืดเยื้อครั้งนี้ นางในที่คัดสรรมาอย่างดีเฝ้าดูแลพระราชอาคันตุกะมิบกพร่อง ทั้งพัดวี ครวญขับเพลงกล่อมให้มังกรกัณฐ์หย่อนพระวรกาย
ฝ่ายนางบำเรอก็ครวญขับ ร้องรับรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน
โหยหวนโอดพันบรรเลงลาน ฉิ่งกรับประสานจังหวะกัน
รำมะนาท้าทัยสลับเสียง สำเนียงดั่งหนึ่งเพลงสวรรค์
กระจับปี่สีซอนี่นัน บำเรอกุมภัณฑ์ผู้ทรงฤทธิ์ฯ พระราชนพนธ์ในร.1
หลังจากที่ทั้งมังกรกัณฐ์และไพร่พลอิ่มหนำสำราญจนเมามายแล้วถึงเวลาที่จะต้องทูลท้าวราพณาสูรผู้เป็นลุงออกรบหมายทำลายกองทัพของพี่น้องรามลักษณ์ให้ราบเป็นหน้ากอง
พระรามตื่นจากบรรทมแล้วลงสู่พลับพลาแล้วได้ยินเสียโหวกเหวกจากทัพอสูร จึงถามพญาพิเภกว่า “ดูก่อนท่าพิเภกผู้รู้ จงบอกเราเถิดว่าบัดนี้ใครยกทัพมา และเราควรจะใช้ใครให้ออกไปรับศึกครานี้” พิเภกทดเลข คำนวณ
ฤกษ์ยามจนแน่ใจแล้วทูลว่า “บัดนี้นายทัพอสูรที่ยกมาคือมังกรกัณฐ์เจ้าเมืองโรมคัลบุรี ผู้เป็นบุตรขุนมารพญาขร เป็นผู้ชำนาญในการธนูยิ่งนัก หม่อนฉันเคะเนดูเห็นว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับมือกับขุนมารตนนี้ได้ จึงขอเชิญพระองค์ออกไปรับศึกด้วยพระองค์เอง” เมื่อพระรามได้ฟังดังนั้นก็มิได้มีสีหน้ากังวลใดๆ สั่งให้พญาสุครีพขุนกระบี่จัดทัพหลวงให้พร้อม ทั้งสองกษัตริย์ออกจากพระที่เพื่อเตรียมองค์ออกสู่สนามรบ ก้าวขิ้นรถทรงที่บังคับโดยสารถีสวรรค์
พอมาถึงสนามรบทั้งสองจอมทัพต้องมีปราศัยกันตามประเพณี โดยมังกรกัณฐ์ชี้หน้าร้องหยามก่อน “ไอ้พวกมนุษย์ไร้สมองคิดบังอาจมาเทียบตนกับเหล่ามาร กูคือมังกรกัณฐ์เจ้ากรุงโรมคัล เสด็จลุงพญาทศกัณฐ์ตามกูมาให้มากุดหัวพวกมึงทิ้ง” พระรามขยับองค์เอ่ยวาจาโต้ตอบ “มังกรกัณฐ์ขุนยักษ์ อย่ามาอวดอ้างว่าเก่งกว่ากู ขนาดพ่อมึงยังตายด้วยศรของกูแล้วน้ำหน้าอย่างมึงจะเหลืออะไร” มังกรกัณฐ์เดือดดาลเมื่อพระรามกล่าววาจาจาบจ้วงพญาขรผู้เป็นพ่อ กระทืบบาทชี้หน้าพระรามแล้วสั่งให้พหลพลมารโจมตีศัตรูทันที เพียงครู่เหล่ายักษ์และวานรต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ดูเหมือนว่าทัพเมืองโรมคัลจะประเมินความสามรถของเหล่าพลลิงต่ำไปมาก มารู้ตัวอีกทีก็ถูกฝูงลิงไล่ฉีกขาฉีกแขน กัดหูควักตาจนพลอสูรวิ่งหนีกันโกลาหล มังกรกัณฐ์เห็นว่าไพร่พลของตนตายเกลื่อนบ้างก็หนีทัพเข้าป่าดง จึงสั่งให้โลทัน (ยักษ์หัวโล้น หน้าสีฟ้า เคยขับรถทรงให้กุมภกรรณมาก่อน) สารถีประจำองค์ชักรถเข้าตีฟันเหล่าวานรด้วยตัวเอง จนเหล่าทหารลิงตายเกลื่อนด้วยแรงฟาดของศรมังกรกัณฐ์