รามเกียรติ์ 192
ข้าจะขึ้นสวรรค์ไปแก้แค้นพระอินทร์ให้จงได้” พิเภกผู้รู้รีบแจ้งหนุมาน “นี่บุตรแห่งพระพาย ผู้ที่ทำร้ายท่านมิใช่องค์อินทร์แต่เป็นอินทรชิตแปลงตนมาลวงและลอบทำร้ายพวกท่าน ข้าผิดเองที่ทิ้งนายทิ้งเพื่อนไปหาเสบียงจนเกิดเรื่องขึ้น…เวลานี้เราออกตามหานายเรากันเถอะ” อีกครู่เดียวทั้งขุนยักษ์พญาลิงพบร่างของพระรามนอนกอดน้องอยู่ ทั้งสองต่างโทษตัวเองที่เป็นต้านเหตุ พิเภกสะอื้นไห้ระบันว่าไม่น่าทิ้งนายไปเลย หนุมานน้อยใจในความสามารถของตนที่ไม่สามารถอารักขานายได้ เสียงร้องไห้ของทั้งสองทำให้ชมพูพานและเหล่าทหารฟื้นจากอาการสลบ ดีใจยิ่งนักเมื่อเห็นทั้งหนุมานและพิเภก พระรามเริ่มได้สติฟื้นองค์และถามพิเภกว่าเหตุใดพระอินทร์จึงเข้าโจมตีกองทัพธรรมของตน พิเภกเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดจนพระรามเข้าใจว่าน้องตนเสียกลศึกยักษ์ซะแล้ว พิเภกกราบทูลต่อว่า
บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชณาสัย
น้อมเศียรกราบทูลสนองไป อันยาแก้ศรชัยอสุรี
ข้าบาทก็แจ้งประจักษ์อยู่ แต่ไม่รอบรู้ถ้วนถี่
เหมือนชมพูพานเสนี พระศุลีได้ใช้ให้ตรวจยาฯ
พิเภกยอมรับว่าตนพอรู้วิธีการแก้พิษจากศรพรหมาสตร์เพียงเคล่าๆเท่านั้นเอง ทูลอ้างถึงชมพูพานผู้ใหญ่ว่าน่าจะเป็นผู้รู้ในเรื่องยามากที่สุด (พิเภกอาจจะอยากให้ชมพูพานวานรชราทำผลงานบ้างเพราะเป็นลิงตัวแรกของโลกเป็นผู้เก็บประวัติศาตร์ หรืออีกถ้ามองอีกมุมหนึ่งภาระกิจครั้งนี้เสี่ยงถึงชีวิตพระลักษณ์และเงาหัวของตน พิเภกจึงปัดไปให้ผู้อื่นให้คำแนะนำพระรามแทน) ชมพูพานผู้ที่เกือบลืมความสามารถทางยาของตนเห็นโอกาสจะได้ถวายงานจึงรีบคลานเข้าใกล้พระราม กราบทูลว่า “อันพญาพิเภกทูลนั้นมิผิด ครั้งกระหม่อนถวายงานเบื้องบาทพระอิศวร ทรงให้ตรวจยาชนิดต่างๆทั่วทั้งสี่ทวีป ยาที่แก้พิษศรพรหมมาสตร์อยู่ยังเขาอาวุธ ณ บุพพวิเท่ห์ทวีป อันไกลโพ้น แถมยังมีพายุจักรกรดพัดไม่หยุด อย่าว่าแต่นำตัวยาออกมาเลย ชีวิตใดๆก็ไม่สามารถรอดจากเขาลูกนี้ได้
แต่พระอิศวรตรัสไว้ว่าหากพระนารายณ์อวตารลงมาปราบมาร พระอนุชาจะต้องศรพรหมาสตร์แล้วพระอวตารจะใช้ขุนกระบี่ชื่อหนุมานมาเอายาแก้พิษที่ภูเขาอาวุธ ทรงมีโองการให้ลมหยุดพักจีกรหยุดหมุน อำนวยสะดวกแก่วายุบุตรแต่โดยดี” พระรามมิรอช้าหันไปตรัสสั่งหนุมานให้เดินทางไปยังเขาอาวุธโดยด่วน หนุมานกราบลาแปลงกายให้ใหญ่โตดั่งพระพรหมแล้วเหาะตรงไปยังอาวุธคีรีอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่มาหยุดที่ยอดเขาแต่ด้วยแรงลมกระชากของตัวหนุมานทำให้ทั้งภูเขาสั่นสะเทือน เหล่าเทพบุตร นักสิทธิ์ที่ดูแลเขาอาวุธเคยอยู่อย่างสงบต่างแตกตื่น ยิ่งเห็นลิงเผือกร่างยักษ์ลอยอยู่เหนือยอดเขายิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก หนุมานจึงชิงแนะนำตัว “ข้าแต่นักสิทธ์เทพาพิทักษ์อาวุธคีรี ตัวข้าคือหนุมานทหารในองค์รามแห่งอโยธยา บัดนี้นายท่านได้บัญชาให้มาขอยาที่ภูเขาอาวุธเพื่อนำไปแก้พิษให้แก่พระอนุชาลักษมันณ์ ขอทวยเทพผู้รักษาโปรดกรุณาด้วยเถิด” เหล่าเทวดาผู้คุ้มครองภูเขาต่างเข้าใจว่าบัดนี้ถึงกาลที่พระอิศวรเคยดำรัสไว้ จึงร้องสั่งหนุมานให้รีบกระทำการ “อันภูเขาอาวุธแห่งนี้บริสุทธิ์นัก ท่านไม่สามารถนำตัวยาชนิดใดชนิดหนึ่งออกจากที่นี่ได้ จึงขอให้ท่านวายุบุตรจงช้อนเขาทั้งลูกไปยังลงกาอย่าได้ช้า”
ทันใดนั้นพายุกงจักรก็สงบลงเพื่อหนุมานจะได้ช้อนเขาอาวุธอย่างสะดวก เพียงชั่วครู่หนุมานแบกเขาอาวุธมาถึงเกาะลงกา จึงออกปากถามเทพาว่าจะให้วางเขาไว้ที่ใดจึงเหมาะควร นักสิทธิ์อาวุโสแนะว่า “อันมหาอาวุธคีรีมีความบริสุทธิ์ยิ่งนัก มิสามารถปนเปื้อนทุลีของเมืองมารได้ ขอให้ท่านนำอาวุธคีรีไปทางทิศอุดรแล้วให้พระพายโบกโชยกลิ่นสมุนไพรจากเขาไปต้องพระลักษณ์และกองทัพวานร”
หนุมานเหาะไปทางทิศเหนือของเกาะ แล้วเภาวนาให้พ่อช่วยพัดกลิ่นของยาชนิดต่างๆบนเขาอาวุธโชยคลุ้งไปทั่วสนามรบ เพียงชั่วลมโชยพระอนุชาและเหล่าพลวานรก็ฟื้นคืนสติกลับมา ทวยเทพพิทักษ์เขาพากันอวยพรให้องค์อวตารมีชัยต่อการศึกนี้ แล้วหนุมานแบกอาวุธคีรีกลับคืนที่เดิม