รามเกียรติ์ 222
บัดนี้มูลพลัมทั้งโกรธและทั้งงงว่ายอดฝีมือยักษ์แพ้ลิงป่าได้อย่างไร จึงกระชับหอกสุรกานตร์บริกรรมคาถาแล้วซัดตรงเข้าปักอกพระลักษณ์ ด้วยแรงซัดแห่งหอกวิเศษส่งพระหน้าทองลงนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น หนุมานรีบเข้าไปประคองนายพยามดึงหอกให้หลุดออกจากอกองค์ลักษณ์แต่ก็ไร้ค่า จะกระชากแรงกว่านี้ก็เกรงว่านายจะเจ็บองค์ จึงสำรวมท่องคาถาได้เจ็ดคาบแล้วเป่าลงทั่วทั้งองค์พระอนุชา หอกนั้นพลันหลุดออกอย่างง่ายดาย เพียงครู่เดียวพระลักษณ์สามารถทรงกายขึ้นเงื้อศรสิทธิ์พร้อมจะรบต่อเพื่อชำระแค้น
หนุมานรีบเข้ากราบทูล “บัดนี้พระองค์มิได้ทรงรถศึก อยู่ตำแหน่งต่ำกว่ารถยักษ์มูลพลัม เพื่อให้สมพระเกียรติขอเชิญเสด็จประทับบนบ่าของข้าบาทเถิด…” จากนั้นหนุมานเสกร่างกายให้ใหญ่โตจนมีความสูงเท่าราชรถของมูลพลัม พระลักษณ์เสด็จขึ้นบ่าวายุบุตร จนทุกชีวิตในสนามรถต้องหยุดชมภาพอันงดงามเพราะบัดนี้พระลักษณ์งามสง่าดั่งพระนารายณ์ทรงสุบรรณ
มูลพลัมชักรถเข้าต่อสู้กับพระลักษณ์อย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างชำนาญในการโจมตี ต่างหลบหลีกอย่างรู้ทันกลศึกของกันและกัน จนองค์ลักษณ์ได้โอกาสแผลงศรเข้าสังหารสารถีคู่ใจมูลพลัม และทำลายรถทรงของมูลพลัมจนพังไม่มีชิ้นดี อสูรนักรบตกลงจากรถแต่ก็ยังทรงกายไว้ได้ มูลพลัมขว้างจักรอันเป็นอาวุธลับประชิดตัวหมายตอบโต้ แต่พระลักษณ์ผู้ว่องไวพาดสายศรยิงเข้าทำลายจักรกรดแตกละเอียดกลายเป็นผง ศรสิทธิ์แห่งองค์ลักษณ์แล่นเข้าสังหารทหารแห่งมูลพลัมตายทุกนาย
บัดนี้ท้าวมูลพลัมสิ้นรถ สิ้นพลโยธา องค์อุปราชเริ่มถอดใจไม่อยากสู้ต่อ เพราะจริงๆแล้วศึกนี้ไม่ใช่กิจอะไรของปางตาลเลย การนี้มิได้เกี่ยวข้องกับตนแม้แต่น้อย แต่เพื่อให้สมกับเป็นชายชาติกษัตริย์และเพื่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อทศกัณฐ์เพื่อนรัก มูลพลัมจำต้องแข็งใจสู้ สู้ต่อเพื่อชื่อเสียงของตน ของนักรบแห่งปางตาล
บัดนี้มหาอุปราชแห่งปางตาลเหมือนหมดทางจะต่อกรต่อไป เจ้าชายอสูรรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ทะยานขึ้นไปหักยอดเขาที่ใกล้ที่สุด แล้วทุ่มก้อนหินใหญ่ลงมาอย่างสุดแรงหมายจะสังหารพระลักษณ์ แต่น้องพระอวตารเตรียมง้างธนูรอไว้แล้ว ทรงปล่อยพระแสงศรเข้าเสียบทะลุร่างมูลพลัม อุปราชแห่งปางตาลถูกทิ้งให้ตายอย่างอนาถ ณ กลางป่านั้นเอง
เมื่อมูลพลัมตาย พระลักษณ์นำเหล่าวานรกลับมาเฝ้าพระราม เล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาและได้กล่าวชื่นชมหนุมานที่ได้ช่วยชีวิตตนไว้และไว้พระเกียรติโดยการให้ขึ้นประทับบ่าในการต่อสู้จนได้รับชัยชนะ พระรามทรงชื่นชมพระอนุชาว่าถูกอาวุธหนักถึงสึ่ครั้งแต่ก็ไม่เป็นไร ชมเชยหนุมานว่าคือยอดขุนพล และเหล่าเสนาวานรและสิบแปดมงกุฎว่ามีฝีมือเกินจะหาใครเทียบได้ หากเสร็จศึกแล้วจะมีรางวัลให้
พญาพิเภกผู้ยังมีสีหน้ากังวล เข้ากราบทูลว่า “อันการศึกกับทัพปางตาลยังมิได้เริ่มต้น เพราสหาเดชะผู้ปรีชาคือสิ่งที่ข้าบาทกังวลเป็นที่สุด…”