รามเกียรติ์ 237
ฝ่ายยักษ์ เคยเชื่อว่าตนคือวงศ์แห่งองค์พรหม ไม่มีวันตาย มีอำนาจล้นฟ้า มีฤทธิ์มากกว่าชนเผ่าใดในโลกจนอาจจะมากกว่าชาวสวรรค์ซะด้วยซ้ำ จึงมีความเชื่อว่า “ผู้ที่มีอำนาจสามารถครอบครองได้ทุกอย่าง จะได้มาอย่างชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม ไม่อะไรสำคัญไปกว่าคำว่า อำนาจ” แต่ความเชื่อนี้กำลังจะถูกท้าทายเพราะจากการศึกกับสองมนุษย์และเหล่าวานรป่าที่ไร้อารยธรรม ฝ่ายยักษ์มีแต่ความสูญเสีย มีแต่การคาดการผิด คะเนความสามารถของคู่ต่อสู้ต่ำไปเสมอ เหล่าอสูรเริ่มไม่แน่ใจว่านายตนยังเป็นผู้ไร้เทียมทานอีกหรือไม่ เพราะพญาทศกัณฐ์ผู้ชรา เริ่มทำอะไรไม่เชียบคมเช่นครั้งสมัยยังหนุ่มๆ ท้าวเธอเริ่มพบกับคำว่าพ่ายแพ้ต่อศัตรูตัวเล็กที่ไม่มีอาวุธใดๆที่จะเปรียบกับศาตราแห่งลงกาได้เลย หรือเพราะพระเจ้าจะไม่คุ้มครองอสูรพงศ์ต่อไป
ฝ่ายลิง เข้ามาช่วยพระรามเพราะคำสัญญาของสุครีพนายตนเท่านั้น เดิมขีดขินและเมืองชมพูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือชาวอสูรด้วยเลย แต่คราวนี้พลลิงต้องตามนายมารบ ไม่ได้มีความแค้นใดๆกับทศกัณฐ์หรือยักษ์ตนใดๆ แต่เมื่อการศึกล่วงเลยนานไป
พระรามผู้อ้างว่าตนคือองค์อวตารแห่งนารายณ์ ได้รบชนะอสูรที่มีร่างกายอันใหญ่โตกว่า มีมนต์ดำที่มีอำนาจมากกว่า ยักษ์มีกองกำลังพลที่แข็งแรงกว่า แต่ยักษ์ก็ยังแพ้ทุกครั้ง ชาววานรทั้งไพร่จนถึงพญาสัมผัสได้ถึงความเหนือธรรมชาติของสองพี่น้องรามลักษณ์ ระบบความคิดที่ตนไม่เคยได้เรียนรู้ ระบบการสื่อสารที่นิ่มนวลจนเหมือนว่าตนสามารถโดนหลอกใช้อย่างเต็มใจ สงครามนี้มิใช่ศึกชิงนางอีกต่อไป
แต่โอกาสนี้เป็นศึกที่ลิงจะสามารถแสดงศักดาให้โลกรู้ว่า วานรมิใช่ชาวป่าที่ไร้ความสามารถหรือไร้อารยธรรมอีกต่อไป นี่คือโอกาสที่เผ่าวานรพงศ์จะได้ขึ้นมาครองแผ่นดินอันมีขอบข่ายมากกว่าขีดขินและชมพู
ขณะนี้ทั้งสามฝ่ายอันประกอบด้วย ฝ่ายมนุษย์ (พระราม พระลักษณ์) ฝ่ายยักษ์ (ทศกัณฐ์และลงกา) ฝ่ายลิง (สุครีพและพลขีดขินและพลนครชมพู) มิได้มองศึกลงกานี้เป็นเพียงแค่ศึกชิงนาง หากมาดูความรู้สึกของตัวละครหลักๆยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่