รามเกียรติ์ 242
ช้างเองช้างศึก สูงตระหง่านหาญฮึกกำลังหาญ
งวงคว้างาเสยลำพองพาล เท้าทะยานถีบฉัดสะบัดแทง
ชาติเชื้อคเชนทร์ฉัททันต์ โกญจนาทส่ายมันกวัดแกว่ง
ผูกเครื่องกุดั่นทับทิมแดง ข่ายกรองทองแย่งประดับพลอย
ชนักต้นสาสุคนธ์พรายแพรว จงกลแก้วสองหูพู่ห้อย
ควาญท้ายกรายขอรอคอย ขับย่างหย่างน้อยดั่งลมพัด
ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย ธงริ้วทิวรายกระชิงฉัตร
หมู่พหลพลหาญเยียดยัด ขนัดกลองฆ้องขานอึงอล
โยธาโห่เร้าเอาฤกษ์ เอิกเกริกโลกากุลาหล
มืดคลุ้มชอุ่มบดบน เร่งพลข้ามฝั่งสมุทรไปฯ พระราชนิพนธืในร. 1
พญาตรีเมฆทรงช้างนำทัพออกจากนครมัชชวารี ข้ามสมุทรจนมาถึงฝั่งลงกามาบรรจบกับทัพของพญาสัตลุงกลางทุ่งใหญ่หน้าเมืองลงกาพอดี ทั้งสองกษัตริย์ต่างยินดีเมื่อพบเจอแล้วชวนกันเคลื่อนพลเข้าลงกาอย่างชื่นมื่น สัตลุงได้เกียรติอยู่หน้า ตรีเมฆตามหลัง สองพญาอสูรเข้าเฝ้าองค์ทศกัณฐ์ดั่งผู้คุ้นเคย
ข้าราชการ ขันที เด็กชาหมอบกราบต้อนรับตามประเพนีการรับเจ้าต่างแดน พญาทศกัณฐ์ลงจากพระที่นั่งเข้ากอดสัตลุงสหายรัก
เข้าประคองตรีเมฆหลานชายคนโปรดหอมแก้มซ้ายขวาอย่างเอ็นดู ท้าวเธอจูงมือสัตลุงขึ้นนั่งเสมอกันบนราชบัลลังก์แก้ว พระนัดดาตรีเมฆประทับบนตั่งทองที่จัดเตรียมไว้อย่างสมพระฐานะ