รามเกียรติ์ 248
ผู้ทำหน้าที่สารัณทูต ม้าเร็วทั้งสองเข้ารายงานทศกัณฐ์ทันทีถึงการตายของสัตลุงและตรีเมฆ พญาทศกัณฐ์หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง เหงื่อตก ตาฟ่าฟางลุกขึ้นเสด็จตรงเข้ามหาปราสาทโดยไม่พูดจากับใคร เจ้าแห่งมารประทับนั่งอย่างหมดแรงข้างเมียแก้วมณโฑเทวี “ทั้งสัตลุงและตรีเมฆ ตายในสนามรบทั้งคู่” พญายักษ์ตรัสสั้นๆ แต่มณโฑสามารถรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง นางมณโฑเอ่ยด้วยน้ำตา “ขอให้พระองค์จงส่งนางคือต่อผู้ภัสดา
องค์รามแห่งอโยธยาเถิด แล้วสองแผ่นดินจะได้เป็นพันธมิตรกับสืบไป” นางมณโฑเลี่ยงที่ตะเอ่ยชื่อผู้แย่งหัวใจของคนระกไปจากนาง ผู้ที่พรากความมีชีวิตชีวาของสามีเมื่อพบเจอ ก่อนหน้าที่สีดาจะมาถึงลงกา ถึงพญาทศกัณฐ์จะเสร็จหารหย่อนใจกับนางในตนไหนสุดท้ายก็ต้องมาหามณโฑผู้ราชาอสูรพร่ำเรียกหาว่า “เมียแก้ว” แต่หลังจากนางมนุษย์นามสีดามาถึงทศกัณฐ์เฝ้าแต่จะหาวิธีชนะใจแม่มนุษย์คนนี้ เฝ้าหาโอกาสไปสู่สวนขวัญและต้องกลับมาด้วยสีหน้าอันหม่นหมองทุกครั้ง แล้วรุ่งขึ้นก็กลับแต่งองค์อย่างหล่อเหลาเพื่อลงสวนอีก ช่างมิเข็ดหลาบต่อคำพูดที่ทิ่มแทงจากหญิงอายุคราวลูก
เมื่อมณโฑทูลเสนอจนจบคำ ทศกัณฐ์สะบัดหน้าหนีด้วยความโกรธ “จะให้กูไปง้องอนศัตรูให้เสียศักดิ์ศรีหรือ ชาวบ้านจะได้เที่ยวนินทาว่าองค์ทศกัณฐ์หมดท่า ไร้น้ำยาแล้ว ยนี่ก็คงจะหึงผัวอีกแล้วสิท่า” แล้วท้าวเธอก็สะบัดองค์เดินออกจากตำหนักอย่างมิไยดี
เมื่อกลับมาหย่อนร่างบนพระที่นั่งในปราสาทส่วนพระองค์ ทศกัณฐ์ต้องอยู่กับตัวเอง ราชาเฒ่ายอมรับว่าตนเองไม่สามารถหาทางออกกับศึกที่ติดพันเช่นนนี้ได้ เพราะที่ผ่านมาชั่วชีวิตทุกการศึกล้วนเห็นผลแพ้ชนะอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่ตนจะเป็นฝ่ายมีชัยซะส่วนใหญ่ ตอนนี้ตนรู้สึกหมดแรง ไร้ความหวัง ไม่รู้จะใช้ใครออกไปรบอีกแล้ว บัดนี้น้องก็ตายสิ้น ลูกก็ตายจนหมด หลานไกลใกล้ตลอดจนมิตรต่างเมืองก็เดือดร้อนเพราะตนเองแท้ๆ…
แล้วพญามารก็เกิดปัญญาขึ้นมาได้ “กูสามารถทำพิธีอุโมงค์กาลากิจ ให้ร่างกายคงทนต่อศาตราต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเทพหรือของศัตรูหน้าไหน”