รามเกียรติ์ 257
พระรามเห็นว่าพญายักษ์ต้องไม่ยอมขายหน้าที่เห็นเมียตนถูกล่วงเกินเป็นแน่ ต้องมีการแก้แค้นเกิดขึ้นในไม่ช้า จึงถามาพญาพิเภกว่าเห็นอ่านอย่างไรต่อการตอบโต้ที่จะเกิดขึ้นจากพี่ชายตน พญาพิเภกทดเลข จับยามคำนวณเห็นภาพในอนาคตแล้วส่ายหน้า “บัดนี้ทศกัณฐ์ได้ขอให้พันธมิตรอย่างสัทธาสูรและหลานชายวิรุญจำบังมาช่วยแก้แค้นแทนตน… อันสัทธาสูรเจ้าเมืองอัศดงค์เป็นผู้เที่ยงตรงจนเป็นที่โปรดปรานขององค์พรหม
พระพรหมได้ประทานพรให้สามารถเรียกอาวุธจากเทวดาได้เมื่อต้องการ ฝ่านวิรุญจำบังลูกพญาทูษณ์สามารถหายตัวได้ดั่งใจนึก มีม้าวิเศษที่ดุดันปราดเปรียวดั่งพาหนะแห่งพระพาย… ที่น่ากลัวคือทั้งสองพญาอสูรมีสติปัญญาเป็นเลิศยิ่ง กระหม่อมเห็นว่าศึกครานี้จะเป็นบททดสอบด้านสติปัญญามากกว่าด้านพละกำลัง ทัพมารจะมาในรูปของเล่ห์ เราต้องโต้ตอบด้วยกล” พระรามถอนหายใจเพราะบัดนี้ตนเหนื่อยล้ากับการศึกที่ยืดเยื้อมานาน บางครั้งถอดใจว่าจะทิ้งเมียเพื่อให้กิจนี้จบสิ้นซะที พญาพิเภกมิรอให้นายเอ่ยปากถาม “กระหม่อมมีความเห็นว่า พระองค์ควรรีบเตรียมทัพออกไปคอยเชิงศัตรูโดยเร็ว เพื่อจะได้สามารถแก้ไขกลศึกอย่างทันการ” พระรามมิรอช้าตรัสสั่งให้สุครีพเตรียมพลแล้วเคลื่อนทัพทันที องค์อวตารชวนพระอนุชาหน้าทองเข้าพระที่เพื่อชำระองค์แล้วขึ้นรถทรงนำกองทัพวานรตรงสู่สนามรบ พระรามสั่งให้หยุดพักทัพเพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าอสูร
พิเภกยอดกุนซือถวายคำแนะนำอีก “กระหม่อมเชื่อว่าสัทธาสูรจะเข้าโจมตีทัพของเราก่อน พญามารแห่งอัศดงค์ถึงจะชราด้วยอายุแต่ฝีมือและปัญญายังแหลมคมดั่งเพชร การแก้ศึกนี้คงต้องพึ่งสติปัญญาของพญาหนุมานอีกครั้ง ทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ให้สัทธาสูรสามารถเรียกอาวุธจากเทวดาได้” เมื่อได้ยินชื่อตนหนุมานรีบคลานออกมาจากแถวแล้วถวายบังคมน้อมรับคำสั่ง ดูเหมือนพญาลิงจะกระหายต่อการรบที่ท้าทายมากขึ้นทุกครั้งที่มีโอกาส พระรามรับสั่งด้วยพระสุรเสียงฝากความหวัง “วายุบุตรผู้ปรีชา ท่านจงใช้สติปัญญาอันหลักแหลมของท่านล่อลวงข้าศึกให้เสียทีด้วยเถิด ท่านต้องการไพร่พลเท่าไหร่จงบอกเรา” คราวนี้หนุมานก้มลงกราบแทบพระบาทองค์ราม
ผิดจากทุกครั้งที่จะถวายความเคารพแบบเร็วๆแล้วรีบออกไปปฎิบัติราชการ เพราะครั้งนี้นายตรัสคำว่า “ด้วยเถิด” นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่คราวนี้นายฝากความหวังไว้กับตน หนุมานผู้เดียวเท่านั้นที่จะทำให้ภาระกิจนี้สำเร็จ “เกล้ากระหม่อมจะขอองคตผู้กล้า และไพร่พลวานรสักห้าร้อย กระหม่อมจะใช้ปัญญาเอาชนะข้าศึกในครั้งนี้ แต่หากไร้ซึ่งพระบารมีแห่งองค์อวตาร หนุมานก็เปรียบเป็นแค่ลิงป่าตัวหนึ่ง“ พระรามยิ้มด้วยความยินดีเพราะทุกคำพูดจากทหารเอกนามหนุมานมิใช่จากการสอพลอแต่นั่นคือความรู้สึกอันแท้จริง
หนุมานนำองคตและสมุนอีกห้าร้อยเหาะมาถึงชายป่าระหว่างลงกาและสนามรบ สั่งให้น้องชายนำกองทหารวานรเหาะไปซ่อนตัวบนกรีบเมฆก่อนเพื่อ……