รามเกียรติ์ 187
เมื่อกองทัพยักษ์ได้แปลงเป็นเทวดาอย่างครบถ้วนแล้ว พญามารอินทรชิตในร่างพระอินทร์เข้าสรงน้ำชำระองค์ ทรงเครื่องเยี่ยงราชาสวรรค์ ถือศรพรหมาสตร์ขึ้นช้างทรง พร้อมไพร่พลแห่ประกบซ้ายขวา ทิวธงปลิวไสวยาวเหยียดสง่างามนัก ขบวนเสด็จเหาะข้ามเขาเข้ากลีบเมฆสมดั่งขบวนยาตราของเหล่าเทพ จนเหาะมาอยู่เหนือสนามรบเห็นพระลักษณ์คุมทัพรออยู่ พระอินทร์แปลงจึงสั่งให้เหล่าไพร่พลหยุดเดินทัพ เล่นดนตรีเสนาะหู ร่ายรำร่อนอย่างวิจิตรล่อให้เหล่ามนุษย์วานรตายใจ
บ้างจบระบำรำร่อน ฟ้อนกรายย้ายเป็นเพลงสวรรค์
นวยนาดวาดกรเวียนวัน บิดผันล่อเลี้ยวไปมา
แทรกเปลี่ยนเวียนวงดั่งกงจักร เยื้องยักร่ายรำทำท่า
กระหวัดกรเป็นหงส์ลีลา ฉวยยุดฉุดคร่ากันวุ่นไป
งามดั่งเทเวศกับอัปสร คมค้อนป้องปัดกวัดไขว่
ใส่จริตให้หลงงงไป ที่ให้เล่ห์กลอสุรีฯ
เหล่าทหารลิงมิเคยเห็นนางสวรรค์สวยงามทั้งรูปลักษณ์และกริยาอันอ่อนช้อย รอยยิ้มที่เชิญชวน พากันชี้ชวนกันดูว่านางนั้นสวย นางนี้ข้าจอง โดยไม่ทันอารักขานาย พระลักษณ์ก็ทรงตื่นตาตื่นใจชาวสวรรค์บนฟ้าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังมีสติสะกิดถามหนุมานว่า “ดูก่อนหนุมาน เหตุใดพระอินทร์จึงนำเสด็จเหล่าเทวดานางฟ้ามาฟ้อนรำ ลอยอยู่เหนือทัพเรา หรือจะเป็นแผนร้ายอะไรกันแน่” หนุมานละสายตาจากภาพบนท้องฟ้า กราบทูลเจ้านายว่า “ตัวกระหม่อมก็แปลกใจไม่น้อย ไม่เคยเห็นขบวนชาวสวรรค์มาก่อน แต่ก็ไม่เห็นว่าเทวดาหรือนางฟ้าเหล่านั้นจะมีอาวุธติดกายเพื่อมาทำร้ายเราได้ หรืออาจจะเป็นเล่ห์
กลอุบายของยักษ์แปลงที่จะมาทำร้ายเราในภายหลัง” หนุมานหันมาอีกทีพระลักษณ์ก็มิสามารถวางตาจากเหล่าสาวสวรรค์ซะแล้ว อาจจะเพราะทรงห่างสิ่งสวยงามในวังหลวงมานาน จนเกิดความเปิกบานฤทัยขึ้นอย่างฉับพลัน
อินทรชิตเห็นส่าเหล่าวานรไม่อยู่ในภาวะระวังตน หรือรักษานายได้ ยิ่งเห็นพระลักษณ์เผลอตัวไม่วางตาจากนางสวรรค์ พญามารได้โอกาสเหมาะจึงขึ้นพาดศรพรหมาสตร์ท่องพระเวทแล้วยิงศรออกไป
บัดนั้นศรสิทธิ์กระจายตัวเกลื่อนทั่วฟ้า ซ้ำเหล่าเทวาแปลงยังชักอาวุธจากที่ซ้อนกระหน่ำซัดถูกวานรเบื้องล่างอีก ศรพรหมาสตร์ตกลงกลางอกพระลักษณ์และถูกร่างเหล่าวานรล้มลงตายอย่างมิทันตั้งตัว อินทรชิตดีใจมากเมื่อเห็นเหล่าศัตรูนอนตายกันเกลื่อน ตบมือฉาดใหญ่อย่างสะใจ เหล่าไพร่พลอสูรโห่ร้องสนั่นฟ้าด้วยความยินดี