
รามเกียรติ์ 246
พระลักษณ์ พระรามน้าวศรออกพร้อมกัน ศรแห่งองค์ลักษณ์บันดาลห่าฝนเข้าดับไฟของตรีเมฆ แล้วต้องกายทหารแห่งมัชชวารีตายเกลื่อนพื้น ศรของพระรามล้างอาวุธฝนของสัตลุงและชุบชีวิตวานรให้ฟื้นคืนอีกครั้ง ศรสิทธิ์แห่งองค์รามยังเข้าปักยังกลางอกของพญาสัตรุงจนขาดใจตายคาสนามรบ
ตรีเมฆเห็นว่าสัตลุงตายก็มิคิดจะสู้ต่อ จึงท่องคาถาเจ็ดคาบกำบังตน แล้วแทรกตัวลงพื้นดินลงไปยังเมืองบาดาลนครแห่งนาคเพื่อขอลี้ภัย พญากาลนาคา (พ่อของนางกาลอัคคี สนมฝ่ายซ้ายของพญาทศกัณฐ์) จากเดิมเจ้าแห่งนาคผู้นี้เกรงกลัวพระนารายณ์อยู่แล้วจึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับการนี้เลย “พญาตรีเมฆ ท่านไม่รู้หรือว่าพระรามนั้นคือองค์อวตารของพระนารายณ์ที่ลงมาปราบเหล่าอสูร ท่านอย่าได้คิดไปต่อกรกับพระองค์ท่านเลย แล้วนี่จะพาลนำความเดือดร้อนมาสู่เราด้วย” ตรีเมฆถึงกับเข่าอ่อนเมื่อได้ฟังว่าพญากาลนาคามิให้ที่พักพิง “อันตัวข้ามาช่วยพญาทศกัณฐ์บุตรเขยแห่งท่าน ท่านเป็นทางพึ่งสุดท้ายของข้า โปรดให้ที่พักพิงแก่ข้าด้วยเถิด”
เมื่อฟังขุนมารอ้อนวอนมากเข้าพญากาลนาคาก็ใจอ่อน แล้วยังอ้างชื่อทศกัณฐ์ผู้มีความเกี่ยวพันกับตนอีก “เอาหละข้าเห็นแก่การเสียสละของท่านเพื่อลงกาธานีของเขยเรา ข้าจะบอกวิธีกำบังกายให้… ท่านจงนิมิตรกายเข้าซ่อนอยู่ในเมล็ดทรายที่ท้องสมุทรบริเวณเนินเขาจักรวาล หากแอบอยู่ที่นั่นข้าว่าท่านรอดจากคมศรพระอวตารแน่ๆ” ตรีเมฆยินดียิ่งนักขอบคุณองค์กาลนาคาแล้วสัญญาว่าจะกลับมาทดแทนบุญคุณ ยักษ์หนุ่มแหวกน้ำขึ้นมาถึงหาดทรายบริเวณเนินเขาจักรวาลแล้วร่ายมนต์บันดาลกายให้เล็กเท่าเมล็ดทรายอำพรางอยู่ใต้เนินทรายกลางมหาสมุทร
พระรามเห็นศพพญาสัตลุงนอนตายอยู่กลางสมรภูมิ แต่มิเห็นตรีเมฆผู้เมื่อครู่ยังรบกับพระลักษณ์อยู่เลย จึงตรัสถามพิเภกว่าตรีเมฆหนีไปไหน พิเภกหลับตานิ่งไปชั่งครู่
“อันตรีเมฆนั้นกลัวเดชแห่งศรของพระองค์ จึงหนีไปซอ่นตัวอยู่ที่เมืองบาดาล ขอให้พระองค์สั่งให้พญาหนุมานออกติดตามขุนมารตรีเมฆเถิด” พระรามหันสั่งหนุมานแต่ยังมิทันจบประโยค บุตรแห่งพระพายบังคมลาแล้วแทรกตัวลงสู่พื้นพระสุธา