
รามเกียรติ์ 278
ท้าวมาลีวราชพรหมประกาศเรียกให้เหล่าเทวาจากทุกชั้นฟ้ามาประชุมกันที่สนามรบนอกเมืองลงกา เพื่อเป็นพยานในการตัดสินกรณีระหว่างพญาทศกัณฐ์อันเป็นหลานชายองค์พรหมและพระรามเจ้าชายพลัดถิ่นจากอโยธยาผู้เป็นหลานของอัชบาลสหายรักแห่งพรหมมาลี
ทันทีที่ทศกัณฐ์มาถึงจอมอสูรรีบลงจากรถคลานเข่าเข้ากราบพระอัยกาอย่างนอบน้อม เปิดกรวยถวายพานพุ่มธูปแพเทียนแพ ถวายเครื่องสูงเฉกเช่นบูชาเทพ ท้าวมาลีวราชเข้าประเด็นทันที ทรงเริ่มสอบสวนถึงความเป็นมาของกรณีพิพาทที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่ช่างห่างไกล
ทศกัณฐ์รีบชี้แจงอย่างไม่ติดขัด “หลายปีมาแล้วหม่อมฉันไปเที่ยวชมพฤกษาสัตว์ในป่า บังเอิญเห็นหญิงนางหนึ่งมีนามว่าสีดานางกำพร้าพ่อแม่ อยู่ตามลำพังท่ามกลางอันตรายในป่าใหญ่ หลานนึกสงสารจึงรับมาชุบเลี้ยงไว้เพื่อหวังจะเอาบุญ โดยให้นางพำนักที่สวนขวัญท้ายเกาะลงกา มิเคยแม้แต่จะคิดล่วงเกินนางเลยแม้แต่น้อย แต่อยู่อยู่สองมนุษย์รามลักษณ์ก็อ้างตัวว่าเป็นสามี ยกพลกระบี่จองถนนข้ามสมุทรมารุกราน อวดอ้างฤทธิเดชฆ่าฟันวงศ์มารจนแทบจะสูญสิ้น หลานจึงจำต้องทูลเชิญให้เสด็จปู่มาพิพากษาไล่ศัตรูไปให้พ้นนครมาร”
ท้าวมาลีวราชไม่ปักใจเชื่อต่อคำของทศกัณฐ์นัก เพื่อยังเชื่อว่าลูกหลานของอัชบาลคงจะผ่าเหล่ากอขนาดนั้น “ทศพักตร์หลานเรา ตัวปู่คือผู้ดูแลทั้งสามโลก คงไม่อาจจะด่วนตัดสินความจากคำให้การของเจ้าแต่ฝ่ายเดียว เพื่อความยุติธรรมเราต้องเรียกพระรามมาให้การเพื่อความกระจ่างในคดี… พระวิษณุกรรม ท่านช่วยไปตามพระรามให้เสด็จมาที่นี่เพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาของทศกัณฐ์ด้วยเถิด” พระวิษณุกรรมเหาะตรงไปเชิงเขามรกต ลงจากอากาศตรงเข้าแจ้งหมายเรียกแด่พระรามทันที “องค์มาลีวราชพรหมผู้ดูแลชีวิตในสามโลกทรงเชิญให้องค์รามแห่งอโยธยา หลานแห่งอัชบาลผู้เป็นสหายรักเสด็จไปให้การแก้ต่างกรณีพิพาทอันมีพญาทศกัณฐ์เป็นโจทย์ พญามารกล่าวหาว่ารามแห่งอโยธยายกพลมารุกรานลงกา แล้วอวดอ้างว่าตนเป็นสามีแห่งสีดา จะมาทวงเอาเมียคืน… ขอเชิญองค์ชายเสด็จตามข้ามาแต่โดยเร็ว”
พระรามนั่งนิ่งเพราะแปลกใจที่เพิ่งเคยรู้ว่าต้นตะกูลยักษ์เป็นสหายรักกับท้าวอัชบาลผู้เป็นปู่ตน “ผู้อาวุโสในที่นี้ ทั้งท่านสุครีพ องคต หนุมาน พิเภก ชมพูพาน ชมพูวราช… มีท่านไหนพอทราบถึงประวัติของต้นตระกูลเราบ้าง แล้วเกี่ยวดองกับท้าวมาลีวาราชพรหมอย่างไร” ขุนกระบี่แต่ละตัวส่ายหัวเพราะต่างเกิดไม่ทันกาลครั้งนั้นจริงๆ
มีเพียง ชมพูวราช (หรือมีชื่อเดิมว่านิลเกสร เป็นลิงตัวแรกของโลก) ผู้อาวุโสแห่งกองทัพนารายณ์ยันตัวขึ้นตรงถวายบังคม แล้วชี้แจง “เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ขณะนั้นข้าก็ยังเด็กนัก เวลาผ่านล่วงแล้วเกือบจะหนึ่งกัลป์ ถึงแม้ข้าจะอยู่ในวัยชราแต่ก็ยังจำความได้ดี มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่าอสุรพรหมได้ทรมานกายเพื่อหวังจะเป็นพรหมอสูร เพื่อปกครองทั้งสามโลก การทรมานกายของอสูรตนนี้เป็นที่โปรดปรานของพระอิศวรอย่างยิ่ง จนจอมเทพประทานพรให้ตามอสุรพรหมขอ พรนั้นคืออสุรพรหมสามารถชนะทุกชีวิตในสามโลกและพระอิศวรยังประทานคทาเพชรอันสามารถทำลายอาวุธทุกชนิดในไตรจักร แต่ท้าวมาลีวราชผู้อยู่ในเทวะสภาด้วยขณะนั้นมีความกังวลว่าอสุรพรหมจะให้อำนาจในทางที่ผิด
จึงทูลค้านขอให้พระอิศวรทรงประทานพระขรรค์เพชรที่สามารถชนะคทาเพชรและพรให้สามารถชระอสุรพรหมแก่ท้าวอัชบาล เพื่อต่อมีซักคนเป็นผู้คานดุลอำนาจของอสูรพรหมที่ต่อมาพรหมยักษ์มีความกำเริบตามคำทำนายของมาลีวพรหม พระอิศวรเห็นชอบจึงมอบหมายให้ท้าวมาลีวราชนำพระขรรค์เพชรมามอบให้ท้าวอัชบาล จนท้าวเธอทั้งสองสาบานเป็นเพื่อนตายต่อกัน นี่คือความเกี่ยวข้องระหว่างต้นตระกูลของพระองค์และของวงศ์อสูร” พระรามได้รับความกระจ่าง “งั้นองค์มาลีวราชก็มีศักดิ์เป็นปู่ของเราเช่นกัน เราจึงต้องไปถวายอัญชลีด้วยฐานะแห่งหลาน… พญาสุครีพจงจัดขบวนเสด็จอย่าได้ช้า” สุครีพมอบหมายให้เหล่าวานรที่มีตำแหน่งสำคัญประจำจุดต่างๆของกองทัพน้อย พระรามลักษณ์เข้าสรงน้ำ แต่งองค์ทรงกษัตริย์ขึ้นราชรถแห่งองค์อินทร์มุ่งหน้าไปยังที่ประทับขององค์พรหม