หากคุณต้องการลงทุนแต่ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลาติดตามและมีเงินลงทุนจำกัด การลงทุนในกองทุนดัชนีเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณ
คุณอยากทราบว่ากองทุนดัชนีคืออะไร ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในกองทุนดัชนี และคุณจะเลือกกองทุนดัชนีที่ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนอย่างไร
บทความนี้มีคำตอบครับ
กองทุนดัชนีคืออะไร
กองทุนดัชนี (Index Fund หรือ Tracker Fund) คือกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟ (กองทุนรวมที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น) ที่จัดกลุ่มการลงทุนตามหรือเลียนแบบดัชนีอย่างเช่น
iBoxx ABF Thailand Index คือดัชนีชี้วัดผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐ ตัวอย่างเช่น ABFTH (กองทุนดัชนีพันธบัตรแรกของไทย)
SET50 คือดัชนีที่แสดงระดับราคาหุ้น 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาดและสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก ตัวอย่างเช่น K-SET50, T-SET50, SCBSET50 เป็นต้น
S&P500 คือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่วัดผลการดำเนินงานของ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น SCBS&P500, TMBUS500, TISCOUS เป็นต้น
พูดง่าย ๆ คือ “ดัชนีมีอะไร กองทุนดัชนีก็มีตามนั้น” แต่ไม่เป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจำเป็นต้องกันเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง
กองทุนดัชนีใช้การลงทุนแบบเชิงรับ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด เช่น หากดัชนี A วิ่งขึ้น 3% กองทุนที่อ้างอิงดัชนี A ควรจะต้องวิ่งขึ้นใกล้เคียงกับดัชนี A มากที่สุดจึงจะถือว่าดี
แตกต่างกองทุนแบบ Active Fund (เน้นการลงทุนเชิงรุก) ที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาด แต่ความจริงที่น่าตกใจคือ กองทุนแบบ Active Fund ส่วนใหญ่ทำผลงานย่ำแย่กว่ากองทุนดัชนีเสียอีก!
ข้อดีและข้อเสียของกองทุนดัชนี
ข้อดี ข้อเสีย
ต้นทุนต่ำ ขาดความยืดหยุ่น
ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนจำกัด
ผลตอบแทนน่าสนใจ Tracking Error
เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่
ข้อดีของกองทุนดัชนี
ต้นทุนต่ำ
กองทุนดัชนีมีต้นทุนการบริหารต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund เพราะกองทุนดัชนีเพียงแค่เลียนแบบการลงทุนแบบเดียวกับดัชนี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างบุคลากรในการค้นหาหลักทรัพย์แต่อย่างใดและดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้กองทุนดัชนีมีจำนวนธุรกรรมน้อยครั้งกว่า
ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund จำเป็นต้องจ้างทีมงานค้นคว้าหาหลักทรัพย์ที่ใช่เข้ากองทุน ทำให้มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ค่าใช้จ่ายของกองทุนดัชนีต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% จนถึง 2.5%
ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง = จำนวนเงินลงทุนมากขึ้น = $$$ ที่มากขึ้นนั่นเอง
ความเสี่ยงต่ำ
เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอที่จะกระจายการลงทุน ทำให้กองทุนดัชนีเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุน เพราะคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์นับร้อย นับพันรายการด้วยเงินเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น
ผลตอบแทนน่าสนใจ
ถึงแม้ดัชนีจะมีขึ้นลงตามหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่ในระยะยาวแล้ว กองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนแบบ Active Fund
ข้อเสียของกองทุนดัชนี
ขาดความยืดหยุ่น
เพราะกองทุนดัชนีจำเป็นต้องลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง ทำให้ยามดัชนีอ้างอิงเป็นบวก คุณจะเห็นตัวเลขสีเขียวพร้อมรอยยิ้ม แต่หากดัชนีอ้างอิงดิ่งลงอย่างรุนแรง กองทุนดัชนีก็ดิ่งทะลุนรกไม่ต่างกัน คุณจะเห็นตัวเลขสีแดงบาดจิตบาดใจและทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ขายออก (พร้อมผลขาดทุนยับยู่ยี่)
ผลตอบแทนจำกัด
เพราะเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด โอกาสที่คุณจะได้รับผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดจึงแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นการทำผลตอบแทนมากกว่าตลาด (แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดเช่นกัน)
Tracking Error
Tracking Error คือความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของกลุ่มการลงทุนจะเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง หรือก็คือกองทุนดัชนีจะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงแค่ไหน ซึ่งคุณควรเลือกลงทุนกองทุนดัชนีที่มี Tracking Error ต่ำ