การจัดการกองทุนส่วนบุคคล

กองทุนส่วนบุคคล คือ การบริหารจัดการเงินลงทุนของลูกค้า ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล และนิติบุคคล ที่มอบหมายให้บริษัทจัดการเป็นผู้บริหารจัดการลงทุนแทน โดยลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน ข้อจำกัดการลงทุนของลูกค้า โดยอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ เพื่อตอบสนองความต้องการและแสวงหาผลประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าตามที่ได้คาดหวังไว้

jumbo jili

โดยบริษัทจัดการจะมีหน้าที่จัดสรรเงินลงทุนในหลักทรัพย์ การคัดเลือกหลักทรัพย์ และการจับจังหวะการลงทุนของตลาดตามความเหมาะสม ภายใต้กรอบและข้อจำกัดการลงทุนที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้า ทำให้รูปแบบการลงทุนมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละท่านได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือเงินกองทุนจะเป็นของลูกค้า อยู่ภายใต้ชื่อของลูกค้า โดยมีการระบุชื่อของบริษัทจัดการควบคู่ไปด้วยเพื่อเป็นการบอกถึงสิทธิ์ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของลูกค้า และการเสียภาษีจากการลงทุนของลูกค้าจะเป็นไปตามตามประเภทของลูกค้า เช่น ลูกค้าบุคคลธรรมดา ก็เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนลูกค้านิติบุคคล ก็เสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล เป็นต้น

ด้านบริษัทจัดการลงทุนเมื่อรับบริหารเงินลงทุนแล้ว ต้องดำเนินการแต่งตั้ง “ผู้รับฝากทรัพย์สิน” (Custodian) ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. มาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์สิน ตลอดจนติดตามสิทธิประโยชน์ที่เกิดจากการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคลนั้น

สล็อต

ประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุนได้
ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน ตราสารทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวมประเภทต่างๆ หน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนตราสารอนุพันธ์และสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ อาทิ ตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ทั้งในและต่างประเทศ

ค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น
ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Management Fee) ซึ่งคิดเป็นอัตราร้อยละต่อปีของมูลค่าทรัพย์สิน
ค่าธรรมเนียมผู้รับฝากทรัพย์สิน (Custodian Fee)
ค่าธรรมเนียมอื่น เช่น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ ค่าผู้ตรวจสอบบัญชี (ถ้ามี) เป็นต้น
จุดเด่นของกองทุนส่วนบุคคล

สล็อตออนไลน์

มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุนได้ตามที่ผู้ลงทุนต้องการ และปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ต่างๆ
ลดภาระในการดำเนินงานเพื่อการลงทุน โดยผู้ลงทุนจะสะดวกและประหยัดเวลาในการวางแผนและติดตามการลงทุน ตลอดจนการซื้อขายหลักทรัพย์ และการลงบัญชีทรัพย์สินด้วยตนเอง
บริหารเงินลงทุนโดยมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง สามารถวิเคราะห์การลงทุนและเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้อย่างกว้างขวางและทันต่อเหตุการณ์
พอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยง ที่เหมาะสม เพื่อให้ตรงกับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้
ช่องทางการเข้าถึงประเภทหลักทรัพย์ลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆ
อำนาจในการต่อรองที่สูงขึ้น จากที่บริษัทจัดการบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ย่อมเอื้อสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ลงทุนได้มากกว่า
การบริหารจัดการลงทุนที่เป็นระบบ มีความเที่ยงตรง และสามารถจัดทำรายงานการลงทุนได้ทุกวัน ทำให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้อย่างใกล้ชิด

jumboslot

ในธุรกิจการจัดการกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ไทยพาณิชย์ ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 ครองส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 43.7% ของอุตสาหกรรมธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 357,546 ล้านบาท (หมายเหตุ : 1.ที่มา : www.scbam.com / 2.ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

โดยให้บริการกับลูกค้าสถาบันในหลากหลายธุรกิจ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ธุรกิจประกัน มูลนิธิ สหกรณ์ออมทรัพย์ และ บริษัทเอกชนต่างๆ ตลอดจนลูกค้าบุคคลธรรมดา

ภาพอธิบายการทำงานของกองทุนส่วนบุคลลโดยบลจ.ไทยพาณิชย์

slot

ทำไมต้องลงทุนกองทุนส่วนบุคคลกับ บลจ. ไทยพาณิชย์
บลจ.ไทยพาณิชย์มีความเชี่ยวชาญในการดูแลลูกค้า ทั้งหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชนชั้นนำ และลูกค้าธนบดี
บลจ.ไทยพาณิชย์เข้าถึงการลงทุนที่หลากหลาย และครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยความแข็งแกร่งของ SCB Group และ Partner
ลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ลงทุนตราสารต่างประเทศผ่านทางกองทุนส่วนบุคคลของบลจ.ไทยพาณิชย์ สามารถบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยเลือกป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนเงินลงทุน
บลจ.ไทยพาณิชย์มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 มีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า เพื่อให้ได้ราคาที่เป็น Best Execution เอื้อสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ลงทุนได้มากกว่า
สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางกระบวนการจัดการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงที่โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ โดยมีรางวัลยืนยันความสำเร็จ/ Fitch Ratings
ค่าธรรมเนียมการจัดการที่เป็นธรรม

สายนักลงทุนกองทุนรวม​

นักลงทุนกองทุนรวม ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก๋า ต่างคนต่างก็มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันไป บางคนค้นพบลักษณะการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง ขณะที่บางคนแม้จะลงทุนมาซักพัก แต่ก็ยังไม่เจอสไตล์การลงทุนของตนเอง ทำให้การลงทุนบางครั้งกินก็ไม่ได้ นอนไม่หลับ

jumbo jili

ก่อนจะเริ่มลงทุน ผู้ลงทุนต้องรู้จักตัวเองเสียก่อนว่า เรามีลักษณะนิสัยในการลงทุนอย่างไร แบบไหนที่เราสบายใจ วันนี้ K-Expert จะมาแนะนำ 6 พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนแต่ละสาย และกองทุนที่แนะนำให้นักลงทุนได้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมในครั้งต่อไป

  1. นักลงทุนสายตั้งรับ – นิ่ง สงบ สยบทุกความเคลื่อนไหว

ลักษณะ: นักลงทุนสายนี้จะเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ กลัวเงินต้นหาย ไม่ชอบความผันผวนและขาดทุน ลักษณะการลงทุนมักจะเป็นเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ สลากออมทรัพย์ กองทุนตลาดเงิน การลงทุนมักไม่ค่อยผันผวน พอร์ตจะนิ่งๆ แต่อัตราผลตอบแทนจะน้อย บางครั้งถึงขั้นน้อยกว่าเงินเฟ้อก็ยอม

คำแนะนำ: สำหรับนักลงทุนสายตั้งรับ อาจจะเริ่มลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงขึ้นบ้าง แต่ไม่มากเท่าลงทุนในกองทุนหุ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เช่น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว หรือกองทุนผสมที่ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นบ้าง เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อหรือเงินฝากออมทรัพย์

สล็อต

  1. นักลงทุนสายนักเทรด – จังหวะตลาดคืองานของเรา

ลักษณะ: สายนักเทรด เป็นสายที่ชอบจับจังหวะตลาด หาจุดซื้อ จุดขาย จุดเข้าและจุดออกจากกราฟ และใช้ข้อมูลทางเทคนิคประกอบการตัดสินใจและการวิเคราะห์ประเด็นทางเศรษฐกิจทั่วโลก นักลงทุนสายนักเทรดอาจจะเป็นสายเข้าไวออกไว หรือสาย Run Trend ถือไปตามสภาวะตลาด ยอมรับตัดขาดทุน (Stop Loss) ได้ ถ้าผิดจังหวะหรือผิดทาง ไม่ว่า SET Index จะขึ้นหรือลงนักลงทุนสายนี้จะสามารถหาโอกาสทำเงินได้จากตลาดหุ้นเสมอ

คำแนะนำ: แนะนำกองทุนอิงดัชนี เช่น กองทุน SET 50 ซึ่งเป็นกองทุนที่เหมาะสม เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมการซื้อและขายที่ต่ำมาก เหมาะกับการซื้อๆ ขายๆ ที่บ่อย นอกจากนี้ มีกองทุนดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีค่าธรรมเนียมการซื้อถูกและไม่ยุ่งยากในการเปิดบัญชีให้ผู้ที่เทรดอย่างชำนาญแล้วได้ลองฝีมืออีกด้วย การลงทุนสายนี้หากจับจังหวะผิดทิศ นักลงทุนมีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน แต่ถ้ามาถูกทางจะสามารถหาโอกาสทำกำไรได้หลายรอบ

สล็อตออนไลน์

  1. นักลงทุนสายถือลืม – เงินเย็น ถือเรื่อยๆ ไม่สะทกสะท้าน

ลักษณะ: สายถือลืมเป็นอีกสายหนึ่งของสไตล์การลงทุนที่ไม่สะทกสะท้านกับสภาวะตลาด ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง สายถือลืมก็จะถือไป นักลงทุนสายถือลืมมักมีความเข้าใจในสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจ มีเงินเย็น ไม่มีความจำเป็นต้องรีบใช้เงินในระยะเวลาอันสั้น สามารถถือได้ยาวมากกว่า 5 ปี

คำแนะนำ: นักลงทุนสายนี้คือ ต้องเข้ามาดูผลตอบแทนบ้างอย่างน้อยทุกๆ ครึ่งปี ไม่ควรถือจนลืม เพราะจะทำให้พลาดโอกาสในบางช่วง และไม่ควรมีการลงทุนเพียงกองเดียวที่ถือจนลืม การจัดพอร์ตการลงทุนโดยแบ่งสัดส่วนสินทรัพย์แต่ละประเภทตามความเสี่ยงที่รับได้ และมีการปรับพอร์ตอย่างน้อยทุกปีให้สัดส่วนการลงทุนตรงกับสัดส่วนที่ตั้งใจถือไว้ตั้งแต่แรก (Rebalancing) เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการทำกำไรในแต่ละปีและไม่ให้ความเสี่ยงของพอร์ตสูงเกินไป

jumboslot

  1. นักลงทุนสายหาตัวช่วย – ให้คนช่วยสร้างผลตอบแทน

ลักษณะ: สายหาตัวช่วยเป็นอีกสายที่มีค่อนข้างเยอะ นักลงทุนที่ผ่านการศึกษาการลงทุนมาพอสมควร แต่ยังไม่มั่นใจในการบริหารพอร์ตการลงทุนเอง หรือเคยลงทุนในหุ้นเองแล้วไม่ประสบความสำเร็จ อยากให้มีคนมาช่วยดูแลตัดสินใจในการลงทุนแทน กองทุนที่บริหารเชิงรุกหรือ Active fund เป็นทางเลือกหนึ่งที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย

คำแนะนำ: นักลงทุนสายหาตัวช่วยสามารถหากองทุนรวมที่นโยบายการลงทุนตรงกับที่เราต้องการ เช่น ถ้าเราต้องการลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็ก เพราะเชื่อว่าในอนาคตหุ้นกลุ่มนี้จะเติบโตได้ดี เราก็ควรเลือกกองทุนรวมที่ผู้จัดการกองทุนเน้นการลงทุนไปในกลุ่นหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็ก จากนั้นเปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังว่าดีหรือไม่เมื่อเทียบกับดัชนีชีวัด ฝีมือของผู้บริหารกองทุนเป็นอย่างไร ได้ดาวจาก Morningstar กี่ดาว ถ้าชอบเงินปันผล ควรดูว่ากองทุนมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอหรือไม่ เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกกองทุนที่บริหารเชิงรุกให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการ

slot

  1. นักลงทุนสายชิลล์ – ถือยาวๆ รอรับเงินปันผล

ลักษณะ: นักลงทุนสายชิลล์ต้องการกระแสเงินสด เช่น เงินปันผลระหว่างที่ลงทุน นักลงทุนสายชิลล์ไม่ชอบอะไรที่ผันผวนมาก ลงทุนได้นาน รับความเสี่ยงได้ปานกลาง มักจะลงทุนในกองทุนที่มีปันผล กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นรายตัวที่มีการจ่ายเงิน ปันผลออกมาตรงกับความต้องการอย่างสม่ำเสมอ

คำแนะนำ: การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้จัดการกองทุนเป็นคนเลือกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ให้ ซึ่งในปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาจจะมีความผันผวนของราคาได้เช่นกัน

  1. นักลงทุน SAVE ประหยัดภาษี – ลงทุนเพื่อประหยัดภาษีเท่านั้น

ลักษณะ: นักลงทุนสาย SAVE เป็นกลุ่มที่ใช้กองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ได้แก่ กองทุน LTF และ RMF โดยลงทุนกองทุน 2 ประเภทนี้เป็นหลัก ไม่ลงทุนกองทุนรวมอื่นๆ เพราะอยากได้สิทธิในการลดหย่อนภาษี ส่วนใหญ่นักลงทุนประเภทนี้มักจะลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้ความเสี่ยงโดยรวมสูงเกินไป

คำแนะนำ: ​การจัดพอร์ตการลงทุนในส่วนของกองทุนช่วยลดหย่อนภาษีให้มีการกระจายความเสี่ยง เช่น การใช้กองทุน RMF เป็นตัวช่วยในการประหยัดภาษีสามารถจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาว โดยอาจจะสับเปลี่ยน RMF ที่เคยลงทุนในหุ้นไปลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อให้พอร์ตมีความเสี่ยงลดลง และสำหรับ LTF การลงทุนในรูปแบบ DCA หรือลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือนสามารถช่วยเฉลี่ยต้นทุนการซื้อในปีนั้นๆ ได้

นักลงทุนคงพอจะเริ่มรู้จักกับพฤติกรรมการลงทุนกองทุนรวมในแต่ละประเภทแล้วนะครับ ตอนนี้ต้องมาค้นหาว่าตัวเองเป็นสายใด เหมาะกับการลงทุนแบบไหน อย่าลืมคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับแต่ละสายนักลงทุนที่ K-Expert แนะนำด้วยนะครับเพื่อจะได้ค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเอง ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการลงทุนครับ​

การสร้างกำไรจากการลงทุนในกองทุน

การสร้างกำไรจากการลงทุนในกองทุน*

jumbo jili

หากคุณยัง ลังเลกับการลงทุนในกองทุนรวม เพราะนึกไม่ออกว่าจะทำเงินจากกองทุนรวมได้อย่างไร วันนี้ขอนำเสนอ 4 วิธี การสร้างกำไรจากกองทุนรวมดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1 รับประโยชน์ทางภาษีผ่านการลงทุนในกองทุน LTF/ RMF
การ ลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF เป็นการสร้างกำไรสองต่อ ต่อแรก คือ การนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีในปีที่มีการลงทุน ต่อที่สอง คือ ส่วนต่างของมูลค่าหน่วยลงทุนของราคาในวันที่ขายกับราคาซื้อ ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ทั้งกำไรและขาดทุน หากผู้ลงทุนต้องการรับผลประโยชน์ทางภาษี จะต้องทำตามข้อบังคับในด้านระยะเวลาการถือครอง

สล็อต

โดยกองทุน LTF นั้น ผู้ลงทุนจะไถ่ถอนได้เมื่อถือหน่วยลงทุนครบ 5 ปีปฏิทิน ส่วนกองทุน RMF จะไถ่ถอนได้เมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ หลายคนอาจมีคำถามว่าแล้วจะซื้อกองทุนเมื่อไหร่ดี ในเมื่อราคาหน่วยลงทุนวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวันตามราคาในตลาดหุ้น หนึ่งในวิธีง่ายๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง คือ แบ่งเงินลงทุน และซื้อหน่วยลงทุนทุกเดือน เดือนละเท่าๆ กัน ด้วยวิธีนี้จะได้ซื้อหน่วยลงทุนในราคากลางๆ ถึงจะไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน

สล็อตออนไลน์

วิธีที่ 2 ใช้กองทุนรวมเป็นที่พักเงินแทนบัญชีออมทรัพย์
ใน กรณีที่ยังฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ลองพิจารณาขยับขยายเงินไปไว้ในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนพันธบัตรระยะสั้น และกองทุนรวมตลาดเงิน โดยเกณฑ์การเลือกกองทุน คือ ให้หากองทุนที่มีนโยบายรักษาเงินต้น โดยอาจให้ผลตอบแทนประมาณ 1.5-2% ต่อปี ซึ่งยังคงสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยประมาณ 0.5% ต่อปี รวมถึงพิจารณาในส่วนของสภาพคล่อง มีหลายกองทุนที่โอนเงินค่าขายหน่วยลงทุนในวันที่ T+1 คือ ขายกองทุนวันนี้ เงินเข้าบัญชีในวันรุ่งขึ้น ซึ่งนับว่ามีสภาพคล่องสูงทีเดียว

jumboslot

วิธีที่ 3 เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยกองทุนเปิด
ข้อ ดีของกองทุนรวม คือ เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินทุนจำนวนไม่สูงนัก กองทุนรวมทำให้สามารถลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป จากการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป มูลค่าการซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 บาท หรือการลงทุนในทองคำขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์และความสามารถของผู้จัดการ กองทุน ทั้งนี้ทั้งนั้น จังหวะเวลาในการเข้าซื้อกองทุนก็มีผลต่อกำไรที่จะได้รับเช่นกัน

slot

วิธีที่ 4 ซื้อกองทุนรับเงินปันผล
หลายๆ กองทุนเน้นนโยบายการจ่ายเงินปันผล โดยผลกำไรที่กองทุนทำได้ในระหว่างปีจะถูกจัดสรรและจ่ายคืนให้กับผู้ถือหน่วย ลงทุนเป็นอัตราร้อยละตามที่กำหนดไว้ในนโยบายกองทุน ในระหว่างการถือครองหน่วยลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผล รวมทั้งในกรณีที่ขายคืนหน่วยลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างของมูลค่าหน่วยลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้นการคำนวณผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมที่เน้นการจ่ายปันผล นอกจากจะพิจารณาถึงมูลค่าหน่วยลงทุนแล้ว ยังควรนำเงินปันผลที่ได้รับในระหว่างปีมาคำนวณด้วย กองทุนที่เน้นจ่ายปันผลเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบซื้อขาย ไม่อยากติดตามราคาขึ้นลงของหน่วยลงทุนมากนัก เพียงแค่ซื้อแล้วถือรับปันผลไปเรื่อยๆ

อีกหนึ่งผลประโยชน์จากกองทุน รวม คือ ผลกำไรที่ได้จากการขายกองทุนนั้นไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นส่วนของเงินปันผลที่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีในปีที่ได้รับเงินได้อีกด้วย

ระดับความเสี่ยงของกองทุนประเภทต่างๆ

กองทุนที่เปิดขายในบ้านเรา มีการจัดระดับความเสี่ยงเป็นตัวเลขจาก 1-8 โดยตัวเลข 8 คือความเสี่ยงสูงที่สุด ซึ่งกองทุนประเภทตลาดเงินและตราสารหนี้จะมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากองทุนหุ้น ส่วนกองทุนหุ้นแบบเจาะจงรายอุตสาหกรรมหรือกองทุนทางเลือกจะมีระดับความเสี่ยงสูงที่สุด

jumbo jili

ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมหุ้นภาคธนาคาร ซึ่งลงทุนแต่เฉพาะหุ้นธนาคารเท่านั้น โอกาสเกิดความเสี่ยงจึงสูงกว่ากองหุ้นทั่วไปได้ หรือกองทุนหุ้นโรงพยาบาลก็จะมีตัวเลขความเสี่ยงที่สูงกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป ไม่ต้องแปลกใจนะครับ แม้บางคนจะมองว่าหุ้นโรงพยาบาลไม่เสี่ยง เขาไม่ได้คิดกันแบบนั้นนะครับ เป็นต้น เอาเป็นว่าให้รู้เกี่ยวกับตัวเลขนี้ไว้ ซึ่งในหนังสือชี้ชวนจะต้องมีระบุตัวเลขนี้ไว้เสมอ แม้จะไม่ค่อยมีใครดู ^^

หนังสือชี้ชวนคืออะไร
เวลาเราจะซื้อกองทุน เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากองทุนนั้นมีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร ค่าธรรมเนียมคิดเท่าไหร่ ทั้งหมดก็รู้ได้จากหนังสือชี้ชวนครับ (ไม่ใช่เพื่อนชวน ซื้อตามเพื่อนบอก) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดมาอ่านได้จากเว็บของบลจ.เลย ถ้าไปซื้อที่ธนาคารที่เป็นตัวแทนขาย บางเจ้าก็มีพิมพ์เป็นกระดาษให้อ่านด้วยนะครับ แต่ไม่ค่อยมีใครอ่านเลย!!! บางทีมันอาจจะยาวไปมีเป็นหลายสิบหน้าเลย แต่ไม่ต้องตกใจไป เขาจะมีแบบสั้นให้อ่านด้วยครับ เรียกว่า หนังสือชี้ชวนฉบับย่อ (หรือหนังสือชี้ชวนส่วนสรุป) ซึ่งมีแค่สองถึงสามหน้าเท่านั้นเอง หลักๆก็บอกเกี่ยวกับนโยบาย (แต่ส่วนมากพูดกว้างมาก ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี แน่สิ บลาๆ สั้นๆ ไม่ได้ใจความเล้ย อยากรู้เพิ่มต้องไปอ่านฉบับเต็ม) เปิดขายช่วงวันเวลาไหนบ้าง ค่าธรรมเนียม ผลงานย้อนหลังที่ผ่านมา (ถ้ากองใหม่ก็ไม่มีข้อมูล) พอร์ตลงทุน 5 อันดับแรก ระดับความเสี่ยง แค่นี้ก็เห็นภาพกว้างๆแล้วว่าน่าสนไหม

สล็อต

การอ่านหนังสือชี้ชวนส่วนสรุป

การเปิดบัญชีกองทุนรวมและการซื้อขายกองทุน
หากเราต้องการจะซื้อกองทุนรวม เราต้องทำอย่างไร ก่อนอื่นให้เลือกกองทุนที่ต้องการให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงไปทำการเปิดบัญชีกองทุนรวมที่บลจ.ของกองทุนรวมนั้นๆ โดยมากแล้วบลจ.ก็เป็นบริษัทย่อยของธนาคารอีกที ดังนั้นสามารถไปเปิดบัญชีได้ที่ธนาคารสาขาต่างๆได้เลย เช่น ชอบกองทุนของบัวหลวง ก็ไปที่ธนาคารกรุงเทพได้เลย เป็นต้น ก่อนเราจะซื้อกองทุนได้นั้น เราต้องเปิดบัญชีก่อน หนึ่งบลจ.ก็หนึ่งบัญชี (ยกเว้นซื้อ LTF/RMF จะมีเพิ่มอีกบัญชี) ซึ่งเราจะได้เลขที่บัญชีมา หลังจากนั้นเราสามารถที่จะซื้อกี่กองทุนก็ได้ด้วยเลขที่บัญชีเดิมนี้ และการซื้อแต่ละกองทุน เราจะได้สมุดบัญชีกองทุนแยกเล่มมา หน้าตาก็เหมือนกับสมุดบัญชีเงินฝากนี่แหละ แต่บางที่ก็ใช้เล่มเดียวรวมทุกกองทุนเลย หากเราต้องการซื้อกองทุนของอีกบลจ.ก็ทำเช่นเดิม ได้เลขที่บัญชีใหม่ครับ ส่วนเอกสารการสมัครก็ไม่มีอะไรพิเศษ ใช้แค่บัตรประชาชนเท่านั้น แต่การเปิดบัญชีครั้งแรกจะใช้เวลานานกว่าการซื้อครั้งถัดๆไป เพราะต้องกรอกข้อมูลเยอะ อีกทั้งยังต้องทำแบบฟอร์มประเมินว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ทำครั้งแรกครั้งเดียวต่อหนึ่งบลจ.

สล็อตออนไลน์

ถ้าเราประเมินได้คะแนนต่ำ เวลาเราจะซื้อกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนทองคำ เราก็จะต้องเซ็นว่า เอาจริงนะ เพิ่มอีก ^^ ไม่มีอะไรไม่ต้องตกใจ เหมือนปรามๆเราเท่านั้น แต่ตอนนั้นเราจะเอาใครก็หยุดเราซื้อไม่ได้หรอก (อันนี้เรื่งจริง)
การไปซื้อกองทุนที่สาขานั้นค่อนข้างไม่สะดวก เพราะต้องเสียเวลาเดินทาง ต้องไปรอต่อคิว ถ้าที่ธนาคารก็ต่อคิวกับผู้ที่มาเปิดบัญชีเงินฝากใหม่นั่นแหละ คิดดูแล้วกัน รอนานแค่ไหน จึงมีทางเลือกให้เราซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ แต่ต้องมีเลขที่บัญชีอยู่ก่อนแล้ว และได้สมัครทำการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตไว้ด้วย ดังนัั้นแนะนำว่าให้สมัครตอนที่เปิดบัญชีเลย แค่นี้ก็ง่ายแล้ว วันไหนหุ้นตกหนักๆ กดซื้อซะเลย คลิกเดียวดอย -_-”
ลืมบอกไปว่า การเปิดบัญชีกองทุนนั้นจะต้องมีสมุดบัญชีออมทรัพย์ไว้รับเงินปันผลหรือเงินขายกองทุนคืนด้วย บางบลจ.อาจให้ใช้ได้ทุกธนาคาร แต่บางที่ก็ไม่ได้ ลองโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อจะได้เตรียมสมุดเก่าไป ไม่ต้องเปิดใหม่วุ่นวายครับ และการเปิดบัญชีทุกครั้ง เขาจะถามเราว่าเงินปันผลหักภาษี ณ ที่จ่ายอัตโนมัติเลยมั้ย แนะนำว่าให้หักเลยครับ ไปจ่ายเองทีหลัง วุ่นวายกว่า ผิดพลาดโดนปรับอีก สิ้นปีเกิดรายได้ไม่ถึงไปขอคืนได้ ไม่ยากครับ

jumboslot

หักภาษี ณ ที่จ่ายคืออะไร
หากกองทุนที่เราเลือกมีนโยบายจ่ายเงินปันผล เงินปันผลที่ได้นั้นตามกฏหมาย เราจะต้องเสียภาษีด้วย หากเราเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย เราจะถูกหัก 10% แม้ว่าเราจะมีรายได้ที่สูงแค่ไหนก็ตาม เราไม่ต้องนำมันมาคำนวณภาษีประจำปีอีกแล้ว แต่หากเราเลือกที่จะไม่หัก ณ ที่จ่าย เราจะต้องนำมันมาคำนวณตามเกณฑ์รายได้ของเรา (หากรายได้เราไม่ถึงที่จะต้องเสียภาษี 10% เราก็สามารถนำมากรอกเพื่อขอคืนได้) ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้เลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายเลยจะดีกว่า ส่วนผลกำไรจากการขายคืนกองทุนไม่มีภาษีครับ ^^

slot

Auto Redemption คืออะไร
Auto Redemption คือการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ จริงๆแล้วก็คือปันผลชนิดหนึ่งนั่นแหละ แต่การขายคืนแบบอัตโนมัตินั้นไม่ต้องเสียภาษีครับ แต่การขายจะทำให้จำนวนหน่วยน้อยลง ในขณะที่การจ่ายปันผลจะทำให้ NAV ต่อหน่วยลดลงแทน สรุปคูณกันแล้วมูลค่าการลงทุนที่เหลือของเราในกองทุนก็เท่ากันนั่นแหละ แต่ Auto Redemtion มันทำให้เราได้ปันผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง

T+N คืออะไร
เวลาเราขายคืนกองทุน ไม่ใช่ว่าเราจะได้เงินทันทีในวันนั้น อย่างแรกเลยเพราะเขาต้องคำนวณด้วยราคาปิดตอนสิ้นวัน อย่างเร็วเราก็ได้วันรุ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องดูหนังสือชี้ชวน เขาจะระบุว่าได้รับเงินคืนวันไหน โดยจะระบุเป็น T+N โดยที่ T คือวันที่ขาย N คืออีกกีวันได้ เช่น T+1 คือขายวันนี้อีกหนึ่งวันได้ T+3 ขายวันนี้อีกสามวันถึงจะได้ ถ้าเจอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องบวกเข้าไปอีก โดยมากกองทุนต่างประเทศจะได้ช้า T+5 กันเลยทีเดียว

ผลตอบแทนของกองทุนรวม

การซื้อกองทุนเราจะได้ผลตอบแทนอย่างไร? การลงทุนในกองทุนรวมนั้นเราจะได้ผลตอบแทนในสองรูปแบบดังนี้

jumbo jili

ผลตอบแทนจากการขายทำกำไร นั่นคือเมื่อกองทุนของเรามีราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้น เช่น ตอนซื้อซื้อมาในราคา 10 บาทต่อหน่วย เวลาผ่านไป ผลการดำเนินการเป็นไปด้วยดี ราคาต่อหน่วยก็สูงขึ้นตาม ขึ้นไปที่ราคา 13 บาทต่อหน่วย หากเราขายเราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างราคานี้ ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมการขายบ้างเล็กน้อย เป็นต้น
ผลตอบแทนในรูปเงินปันผล กองทุนบางกองอาจมีนโยบายการจ่ายปันผล นั่นคือเมื่อผลการดำเนินงานมีกำไร ก็อาจตัดสินใจแบ่งส่วนกำไรนั้นจ่ายออกมาให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งจะทำให้เรามีกระแสเงินสดบ้างแม้ยังไม่ได้ขายกองทุนนั้นๆ แต่ๆๆการปันผลก็จะทำให้ราคาหน่วยลงทุนเราลดลงเช่นกัน เพราะถ้าไม่ได้จ่ายกำไรออกมา กำไรก็จะไปรวมอยู่ในราคาหน่วยให้งอกเงยขึ้นไปนั่นเอง รายละเอียดของราคาหน่วยลงทุนจะกล่าวในหัวข้อถัดๆไป

สล็อต

NAV คืออะไร?
Net Asset Value (NAV) คือมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่กองทุนนั้นๆถืออยู่ ดังนั้นเมื่อเอามาหารด้วยจำนวนหน่วยลงทุน ก็จะได้ราคาต่อหน่วยหรือราคาต่อ NAV อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะพูดคำว่า NAV เสมือนเป็น NAV ต่อหน่วย เช่น เวลานักลงทุนบ่นๆกันว่า NAV ลง เขาก็มักจะหมายถึงราคาต่อหน่วยที่ลดลง เป็นต้น ส่วนการคำนวณนั้น ทางบลจ.จะคำนวณโดยใช้ราคาปิดของสินทรัพย์ตอนสิ้นวันและประกาศในช่วงดึกๆหรือเช้าวันรุ่งขึ้น
แม้ว่าราคา NAV จะเป็นราคาอ้างอิงของกองทุน แต่การซื้อการขายนั้นโดยมากมีค่าธรรมเนียมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทางกองทุนจะคิดรวมลงไปในราคาที่ใช้ซื้อขายเลย ทำให้มีราคาอ้างอิงดังต่อไปนี้

สล็อตออนไลน์

ราคาเสนอขาย คือราคาที่ขายให้แก่นักลงทุน โดยใช้ราคา NAV บวกด้วยค่าธรรมเนียม เช่น หากราคา NAV อยู่ที่ 10 บาท และมีค่าธรรมเนียมการขาย 1% เราจะต้องซื้อที่ราคาต่อหน่วย 10.1 บาท เป็นต้น ซื้อปุ๊บ ขาดทุนปั๊บ ต้องรอให้กองทุนงอกเงยก่อน ^^
ราคารับซื้อคืน คือราคาที่กองทุนรับซื้อคืนจากเรา โดยใช้ราคา NAV หักด้วยค่าธรรมเนียมออก เช่น หากราคา NAV อยู่ที่ 10 บาท และมีค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน 1% เราจะขายคืนได้ในราคาต่อหน่วยที่ 9.9 บาท เป็นต้น ก่อนขายอย่าลืมตรวจสอบตรงนี้ด้วย เดี๋ยวกำไรไม่เข้าเป้า ^^
ไม่ใช่ว่าทุกกองทุนจะคิดค่าธรรมเนียมทั้งการซื้อและการขาย โดยมากจะคิดแค่ฝั่งเดียว และค่าธรรมเนียมก็ถูกแพงต่างกันไปตามแต่ละบลจ.และแต่ละกองทุนด้วย ส่วนรายละเอียดเขาจะเขียนไว้ในหนังสือชี้ชวน (บางกองทุนมีค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มอีก!!! เพราะฉะนั้นอย่าลืมบวกส่วนนี้ลงไปด้วย ถ้าเอาชัวร์อย่าคำนวณเอง เอาราคาเสนอขายและราคารับซื้อคืนที่ประกาศเป็นหลัก เพราะเป็นราคาที่รวมทุกอย่างแล้ว) สำหรับการสั่งซื้อนั้นเราสามารถระบุเป็นจำนวนเงินได้เลย เช่น ซื้อ 5000 บาท เดี๋ยวเขาจะคำนวณให้เองว่า เราได้ทั้งหมดกี่หน่วย ส่วนการขายคืนเราสามารถระบุได้ว่าจะขายเป็นหน่วยหรือเป็นจำนวนตัวเงิน ไม่ยุ่งยากเลยครับ

ประเภทของกองทุนรวม
ในหัวข้อนี้เรามาดูประเภทของกองทุนรวมกันบ้าง โดยแบ่งประเภทตามสินทรัพย์ที่กองทุนนั้นๆไปลงทุน ซึ่งมีหลักๆดังต่อไปนี้

jumboslot

กองทุนรวมตราสารแห่งทุน (Equity Fund) คือกองทุนรวมที่ไปลงทุนในหุ้น หรือเรียกง่ายๆว่ากองทุนหุ้นก็ได้ ซึ่งกองทุนหุ้นนี้จะลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ในรอบบัญชี สรุปคือเน้นลงทุนในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ บางช่วงที่หุ้นดีๆก็อาจลงเต็มร้อย บางช่วงที่หุ้นไม่ดีก็อาจลงน้อยหน่อย แต่โดยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 65% นั่นเอง สำหรับเงินที่เหลือเขาก็อาจเอาไปลงในเงินฝากหรือพันฐบัตรรัฐบาลเพื่อหาดอกผลก็เป็นได้ ส่วนกองทุนนั้นจะลงทุนในหุ้นสไตล์ไหนก็แล้วแต่ผู้จัดการกองทุนเลย ซึ่งจะมีบอกไว้ในหนังสือชี้ชวน เช่น กองทุนหุ้น Mid/Small Cap ก็จะลงทุนในหุ้นที่มีขนาดกิจการไม่ใหญ่มาก เพราะหุ้นเหล่านี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เป็นต้น กองทุนหุ้นจะมีความเสี่ยงและความผันผวนมาก ก็ตามตลาดหุ้นนั่นแหละ เวลาขึ้นก็ดีใจ เวลาลงก็ลงกันให้หน้ามืดเลย
กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) คือกองทุนรวมที่ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้เอกชนหรืออื่นๆที่เทียบเท่า กองทุนตราสารหนี้ยังมีแบ่งออกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอีก ซึ่งก็คือระยะเวลาของพันธบัตรนั่นเอง ในทางปฏิบัติพันธบัตรที่มีระยะเวลานานก็จะได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่า ก็เหมือนกับเงินฝากนั่นแหละ ยิ่งฝากนานดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง นอกจากนี้หากลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีชื่อเสียงน้อยหน่อย อันดับเครดิตน้อย ก็มักจะได้ดอกที่สูงกว่าเพื่อจูงใจ หน้าที่ของผู้จัดการกองทุนก็จะต้องไปคัดเลือกและบริหารแทนเรา (ก็เขาเก็บค่าบริหารด้วยนะ ไม่ได้ทำให้ฟรี) ดังนั้นในทางทฤษฏีการลงทุนในกองตราสารหนี้ระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าแบบระยะสั้น และกองตราสารหนี้ก็มีความเสี่ยงที่ต่ำและต่ำมากเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้น แต่ผลตอบแทนก็น้อย ให้มากกว่าการฝากเงินธนาคารนิดหน่อยเท่านั้นเอง อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจนึกว่ากองตราสารหนี้นี้ราคา NAV ไม่น่าจะมีลดลง ผิดแล้วครับ บางวันก็ลงครับ อ่าว ไม่ใช่รับดอกเบี้ยไปเรื่อยๆหรือ ไม่ใช่ครับ เวลาเขาคิดราคา NAV สิ้นวัน เขาเอาราคาพันธบัตรมาคิด ซึ่งเจ้าราคาพันธบัตรที่กองทุนซื้อมาแล้วนั้น ราคาขายต่อมันขึ้นลงกันได้ เพราะเกิดอัตราดอกเบี้ยที่จะใช้ใหม่ในอนาคตดันขึ้น ราคาพันธบัตรเราก็ตกทันที แต่ในทางกลับกันหากดอกเบี้ยเป็นขาลง ราคาพันธบัตรที่เราถือก็ได้ราคาขายต่อดีขึ้น สรุปแล้วราคา NAV มันมีโอกาสลดลงได้ แต่โดยรวมๆแล้วเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง เช่น 3 เดือนขึ้นไป ลงทุนกองตราสารหนี้ก็ไม่ขาดทุนหรอก เพราะ NAV มันขึ้นมากกว่าลงครับ อ่อ และกองตราสารหนี้สั้นกลางก็จะมีความผันผวนน้อยกว่ากองระยะยาวนะครับ จะซื้ออะไรก็ต้องเลือกให้เหมาะสม

slot

เพิ่มเติม อย่างนี้ซื้อพันธบัตรถือเองไม่ดีกว่าหรือ รับดอกเบี้ยสบายใจ ถือจนครบสัญญา? การซื้อกองทุนตราสารหนี้นั้นให้สภาพคล่องที่ดีกว่ามากครับ เพราะวันใดอยากใช้เงิน อยากเอาเงินไปทำอย่างอื่น แค่สั่งขายพรุ่งนี้ก็รอรับเงินได้แล้วครับ ลองเทียบกับพันธบัตรระยะ 10 ปีดู อือหือ รอไปอีกสิบปีก่อนนะ เอาจริงๆพันธบัตรก็ขายได้ แต่ขายยากหน่อยนะครับ ยิ่งถ้าซื้อน้อยๆยิ่งขายเปลี่ยนมือยากครับ
เพิ่มเติม 2 ตราสารหนี้รัฐบาลเราเรียกว่า พันธบัตร ส่วนตราสารหนี้เอกชนเราเรียกหุ้นกู้ เรียกรวมๆก็คือตราสารหนี้นั่นเอง
กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Maket Fund) คือกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (สั้นมากกก คือต่ำว่า 1 ปี) ทำให้มีความผันผวนต่ำ แต่ผลตอบแทนก็ต่ำตามไปด้วย โดยมากสูงกว่าออมทรัพย์นิดหน่อย นักลงทุนจึงมักใช้กองตลาดเงินเพื่อพักเงินเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น ขายหุ้นไปได้เงินมาก้อนหนึ่ง ตั้งใจจะไปซื้อบ้านในอีกสองเดือนข้างหน้า ก็อาจพักเงินไว้ในกองตลาดเงิน เป็นต้น ส่วนมากแล้วราคา NAV รายวันกองตลาดเงินจะไม่เห็นติดลบ เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงนิยมใช้เพื่อพักเงินที่คาดว่าจะใช้ในระยะเวลาสั้นๆ
กองทุนรวมผสม (Balanced Fund) คือกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนผสมระหว่างหุ้นกับตราสารหนี้ เช่น 70/30 เป็นต้น ส่วนกองทุนไหนจะผสมในสัดส่วนเท่าไหร่ก็แล้วแต่นโยบายเขาเลย ยิ่งมีสัดส่วนตราสารหนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความผันผวนน้อยลง แต่ไม่ใช่ไม่ขาดทุนเลยนะ เห็นลงไม่ต่างกันเล้ย เพราะตราสารหนี้ผลตอบแทนมันน้อย ไม่สามารถชดเชยการขาดทุนในหุ้นได้ครับ แค่ลงน้อยกว่ากองหุ้นเท่านั้นเอง
กองทุนรวมผสมแบบยึดหยุ่น (Flexible Portfolio Fund) คือกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ แต่ไม่กำหนดสัดส่วนตายตัว ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถถือแต่ตราสารหนี้หรือหุ้นได้ 100% เลยทีเดียว ส่วนกองทุนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ในรอบบัญชีต้องถือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าที่ระบุไว้ในนโยบายครับ แต่กองแบบยืดหยุ่นนั้นไม่จำเป็น
กองทุนรวมต่างประเทศ (Foreign Investment Fund) คือกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นหุ้นหรือตราสารหนี้ก็ได้ โดยมากทางบลจ.มักจะไปซื้อกองทุนในบริษัทต่างประเทศอีกที เพราะเรามีข้อมูลที่น้อยกว่าเขา ซึ่งกองทุนประเภทนี้เราจะเรียกย่อยว่าเป็นกองทุนแบบ Feeder Fund ดังนั้นการลงทุนใน Feeder Fund ก็ต้องไปดูผลงานและนโยบายกองแม่ที่เราไปลงทุนด้วย นอกจากนี้กองทุนรวมต่างประเทศยังรวมไปถึงกองทุนทางเลือกด้วย กล่าวคือไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่น เช่น น้ำมัน ทองคำ เป็นต้น
กองทุนเพื่อสิทธิทางภาษี LTF/RMF คือกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น แต่ว่าจะได้สิทธิ์ทางภาษี คือซื้อแล้วเอาไปลดหย่อนภาษีได้นั่นเอง กองทั่วไปใช้ลดภาษีไม่ได้ แต่กองเหล่านี้จะมีข้อบังคับที่ต้องไปศึกษาอีกที หลักๆคือโดนบังคับให้ถือห้ามขายก่อนเวลาที่กำหนด ขายก่อนโดนปรับและริบส่วนลดภาษีคืน

กองทุนรวมคืออะไร

กองทุนรวมคือการรวมเงินทุนจากเราๆท่านๆที่ซื้อกองทุน เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนอีกที โดยอาศัยประโยชน์จากเงินรวมที่มีจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมหุ้น จะนำเงินที่ได้จากผู้ซื้อกองทุน ไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และเนื่องด้วยจำนวนเงินที่มาก ทำให้สามารถซื้อหุ้นที่หลากหลายได้

jumbo jili

และยังสามารถแบ่งซื้อได้หลายรอบ ซึ่งนักลงทุนรายบุคคลอาจไม่สามารถทำได้ หากมีจำนวนเงินลงทุนที่ไม่มากพอ ลองนึกว่าถ้าจะซื้อหุ้น SCC หรือปูนใหญ่ที่ราคาตัวละ 500 บังคับซื้อขั้นต่ำ 100 ตัวก็ต้องใช้เงินถึง 50,000 บาทแล้ว ได้แค่หุ้นตัวเดียว ไม้เดียวยังไม่ได้ถัวเลย เป็นต้น สำหรับการซื้อกองทุนรวม สิ่งที่เราจะได้รับก็คือ หน่วยลงทุน ซึ่งจะเป็นการบอกว่าเราได้เข้าไปร่วมลงทุนในกองทุนนั้นเป็นจำนวนกี่หน่วย ส่วนราคาต่อหน่วยนั้นก็จะขึ้นลงไปตามมูลค่าของสินทรัพย์ที่กองเข้าไปลงทุน ซื้อขายวันไหนก็ใช้ราคา ณ วันนั้น บางวันก็รวยขึ้น บางวันก็จนลง สำหรับบริษัทที่เสนอตัวมาจัดตั้งและบริหารกองทุน เราเรียกว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซึ่งมีอยู่มากมาย และแต่ละบลจ.ก็มีหลากหลายกองทุนให้เลือกซื้อด้วย ส่วนกองทุนมีกี่ประเภท ลงทุนในอะไรได้บ้าง จะกล่าวในหัวข้อถัดๆไป

แล้วการลงทุนผ่านกองทุนรวมมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
เอาข้อดีก่อน ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวมคือ

สล็อต

มีมืออาชีพดูแลให้ หากเราลงทุนเองโดยตรง เราอาจมีข้อมูลที่ไม่มากพอ อีกทั้งเราอาจไม่มีเวลามานั่งเฝ้าจอเพื่อหาโอกาสซื้อขาย การลงทุนผ่านกองทุนรวมจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะมีผู้ที่มีความรู้และสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้โดยตรงคอยเลือกและตัดสินใจแทนเรา หรือที่เราเรียกว่า ผู้จัดการกองทุน นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการลงทุนในหุ้น แต่เราไม่สามารถประเมินราคาหุ้นตัวนั้นๆได้ เราก็จะไม่รู้ว่าราคาไหนควรซื้อหรือควรขาย หรือเราอาจไม่สามารถเข้าพบพูดคุยสอบถามความคืบหน้าของกิจการกับผู้บริหารหุ้นนั้นๆได้ดังเช่นที่ผู้จัดการกองทุนทำ เป็นต้น

ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ได้กระจายความเสี่ยง การซื้อกองทุนนั้น บางกองทุนใช้เงินขั้นต่ำแค่ 500 บาทก็ซื้อได้แล้ว แปลว่าเงิน 500 บาทของเราสามารถกระจายการลงทุนได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น กองทุนหุ้น เราใช้เงินเพียง 500 บาท เราก็สามารถถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้หลายๆตัวแล้ว ซึ่งโดยมากกองทุนหุ้นทั่วไปจะถือหุ้น 20-30 ตัวเลยทีเดียว

สล็อตออนไลน์

ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการซื้อหุ้นเองโดยตรง เงิน 500 บาทจะสามารถเลือกหุ้นได้ที่ราคาไม่เกินตัวละ 5 บาทเท่านั้น ดูราคา BBL, CPALL, BDMS ซิ หมดหวัง หมดสิทธิ์ เป็นต้น แล้วการกระจายความเสี่ยงมันเป็นอย่างไร ขอยกตัวอย่างกองทุนหุ้นอีกแล้วกัน การถือหุ้นเองโดยตรงนั้น ส่วนมากมักถูกสอนกันมาไม่ให้ถือเกิน 10-15 ตัว บางคนถือหุ้นเพียงแค่ 3-4 ตัวเท่านั้นแม้จะมีขนาดพอร์ตเป็นสิบเป็นร้อยล้าน ลองคิดดู วันที่หุ้นขึ้น หุ้นที่เราถืออาจไม่ขึ้นก็ได้ หรือหุ้นที่เราถือ อาจโชคไม่ดี เช่นบริษัทโดนน้ำท่วมเล่นงาน ราคาหุ้นก็ร่วงหนัก เป็นต้น ทำให้มีความเสี่ยงสูง แต่กับกองทุนนั้น โดยมากถือหุ้นกระจายทุกอุตสาหกรรม ทำให้การขึ้นลงนั้นสอดคล้องไปกับตลาด ขึ้นลงวันหนึ่งไม่มาก วันไหนลง 1% ก็ว่าเยอะแล้ว ผิดจากการถือหุ้นเองน้อยตัวที่บางวันอาจลงไป 3-4% กันเลยทีเดียว

jumboslot

มีสภาพคล่องสูง ข้อนี้เป็นจุดเด่นของกองทุนเลยทีเดียว เพราะเราสามารถสั่งขายกองทุนได้ทุกวันทำการ เราก็จะได้ราคาขายของวันที่สั่งขายแน่นอน อีกทั้งเรายังสามารถแบ่งขายได้ตามที่ใจเราชอบด้วย (ยกเว้นบางกองทุนมีเงื่อนไขขั้นต่ำอยู่) เช่น สมมุติเราซื้อกองทุนไปแล้วจำนวน 100,000 บาท เวลาผ่านไป 1 ปี กองทุนเรามีกำไรมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 110,000 บาท เราสามารถสั่งขายเป็นจำนวนเงิน 10,000 ออกมา เสมือนถอนเอาแต่กำไรมาใช้ได้ด้วย ซึ่งในกรณีที่เป็นการขายหุ้นโดยตรงนั้น อาจทำไม่ได้ เพราะต้องมีเรื่องขั้นต่ำหุ้น 100 ตัว และยังต้องขึ้นอยู่กับการตั้งราคา Bid/Offer อีกด้วย เป็นต้น หรือเปรียบเทียบในกรณีที่เราถือหุ้นเองโดยตรง เรามีหุ้นอยู่ 15 ตัว หากเราต้องการจะลดพอร์ตลง 20% โดยต้องการขายแต่ละตัวเพียงตัวละ 20% เท่านั้น คือยังคงถือหุ้นครบ 15 ตัวเช่นเดิม ลดแต่ขนาดเงินลง ซึ่งในทางปฏิบัตินั้น ทำได้ลำบากมาก
ได้ประโยชน์ทางภาษี กำไรที่เกิดจากการขายกองทุนนั้น ไม่ต้องนำไปคิดคำนวณภาษี ทำอาชีพนักเล่นกองทุนรวมก็ดีเหมือนกันนะ มีรายได้ก็ไม่ต้องเสียภาษี (รัฐคงบอก เลือกกองทุนให้ถูกมีกำไรก่อนเหอะ เห็นดอยกันถ้วนหน้า แซว) นอกจากนี้กองทุนประเภท LTF/RMF ยังเป็นกองทุนที่เอาไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
อ่ะๆการลงทุนผ่านกองทุนรวมใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป มาดูข้อเสียกันบ้าง

slot

มีค่าธรรมเนียมและการบริหารจัดการ การลงทุนผ่านกองทุนนั้นเราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขายด้วย นอกจากนี้เรายังจะต้องเสียค่าบริหารจัดการอีกด้วย (ค่าบริหารนั้นเขาคิดหักในราคาสินทรัพย์กองทุนที่ขึ้นลงในแต่ละวันไปแล้ว) ซึ่งตรงนี้หลายคนมองว่า มันแพงกว่าการลงทุนเองโดยตรง
ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ บางครั้งสินทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนอาจไม่เป็นที่ถูกใจเราทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น กองทุนหุ้นอาจถือหุ้นน้ำมันอย่าง PTT ซึ่งเราอาจไม่ชอบ เป็นต้น
ไม่สามารถซื้อขายได้ ณ ราคาที่ขึ้นลงระหว่างวัน การซื้อขายกองทุนนั้นจะใช้ราคาปิด ณ สิ้นวันเท่านั้น ไม่สามารถใช้ราคาระหว่างวันได้ นักลงทุนไม่สามารถที่จะกะเก็งราคาที่ดีที่สุดระหว่างวันได้
กองทุนรวมนั้นเหมาะกับนักลงทุนประเภทใด
การลงทุนในกองทุนรวมนั้นเหมาะแก่นักลงทุนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความรู้แต่อาจไม่มีเวลาหรืออาจมีข้อมูลในการตัดสินใจไม่มากพอ ขอย้ำนะครับเหมาะสำหรับผู้มีความรู้ เพราะหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า กองทุนรวมเป็นเครื่องมือการลงทุนสำหรับผู้ไม่มีความรู้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เงินของเรา เราก็ต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเรา อีกทั้งเรายังต้องเลือกให้ถูกเวลาด้วย เลือกผิดก็ติดดอย ขาดทุนหนักๆได้เช่นกัน มีข้อคิดที่ฝากไว้เล็กๆเวลาเลือกกองทุนโดยเฉพาะกองทุนหุ้นนะครับว่า “กองทุนเลือกหุ้น ส่วนเราต้องเลือกราคา” ช่วยๆกันทำมาหากิน ยกตัวอย่างนะครับ สมมุติเราซื้อกองทุนวันนี้ที่ราคาหุ้น PTT อยู่ที่ 400 หุ้น SCC อยู่ที่ 500 เราก็ได้หุ้นในราคาเหล่านั้นแหละ ถ้าราคานั้นคือราคาที่แพง ณ วันที่เราซื้อ กองทุนที่เราซื้อก็คือแพงไปเช่นกัน เป็นต้น อย่าลืมว่าเราซื้อกองทุนรวม ไม่ใช่กองทุนส่วนบุคคล แล้วถ้าเราแทบจะไม่มีความรู้เลยหล่ะ ทำอย่างไร อย่างน้อยเราก็ต้องวิเคราะห์นโยบาย สไตล์การลงทุนของแต่ละกองทุน รวมทั้งผลงานย้อนหลัง ค่าความผันผวน ว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่ ถ้าวิเคราะห์หรือหาข้อมูลเองไม่ได้ อย่าเพิ่งเข้ามาลงทุน หลายๆคนเชื่อพนักงานขายที่แนะนำกองทุนโดยไม่ได้วิเคราะห์ด้วยตัวเอง ซึ่งก็บ่นขาดทุนกันมามากต่อมากแล้ว กองทุนเดียวกัน บางคนซื้อแล้วกำไร บางคนซื้อกลับขาดทุนยังมีเลย เตือนอีกครั้ง