วิธีเลือกกองทุนดัชนี

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกกองทุนดัชนีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างไร ขอให้คุณพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

jumbo jili

รูปแบบการลงทุน หากคุณต้องการลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว การลงทุนดัชนีหุ้นดูจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการความมั่นคง คุณอาจเลือกลงทุนในดัชนีตราสารหนี้

ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คุณยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ความเสี่ยงเฉพาะของกองทุนมีอะไรบ้าง กองทุนดัชนีนี้ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนไหม

ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมเวลาซื้อกองทุนแพงไหม แล้วเวลาขายกองทุนจะโดนหักเยอะมั้ย ค่าใช้จ่ายกองทุนถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับกองทุนดัชนีอื่น

วิธีดูว่ากองทุนใดเป็นกองทุนดัชนี

หากคุณสงสัยว่ากองทุนที่คุณดูอยู่เป็นกองทุนดัชนีหรือไม่ คุณเพียงแค่คลิกดูหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หากกลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุนเป็นดังที่แสดงในภาพด้านล่างแล้วล่ะก็ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนดัชนี

ในกรณีที่คุณคลิกหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวม หากนโยบายการลงทุนเป็นแบบภาพด้านล่างล่ะก็ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนดัชนี

สล็อต

สรุป

กองทุนดัชนี (Index Fund) คือกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง เช่น SET50, S&P500 และ DJIA เป็นต้น

กองทุนดัชนีใช้ลงทุนเชิงรับที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด พูดง่าย ๆ คือ หากดัชนีวิ่งขึ้น 5% กองทุนดัชนีควรจะวิ่งขึ้นให้ได้ใกล้เคียง 5% มากที่สุด

กองทุนดัชนีมาพร้อมกับความเสี่ยงต่ำ ค่าใช้จ่ายต่ำ ผลตอบแทนระยะยาวและเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ แต่นักลงทุนก็ต้องยอมรับการขาดความยืดหยุ่น ผลตอบแทนที่จำกัดและการยอมรับว่าผลตอบแทนอาจเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง (มากกว่าหรือน้อยกว่าดัชนีอ้างอิง)

สล็อตออนไลน์

กองทุนดัชนีมีต้นทุนการบริหารต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund เพราะกองทุนดัชนีเพียงแค่เลียนแบบการลงทุนแบบเดียวกับดัชนี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างบุคลากรในการค้นหาหลักทรัพย์แต่อย่างใดและดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้กองทุนดัชนีมีจำนวนธุรกรรมน้อยครั้งกว่า

ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund จำเป็นต้องจ้างทีมงานค้นคว้าหาหลักทรัพย์ที่ใช่เข้ากองทุน ทำให้มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ค่าใช้จ่ายของกองทุนดัชนีต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% จนถึง 2.5%

ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง = จำนวนเงินลงทุนมากขึ้น = $$$ ที่มากขึ้นนั่นเอง

ความเสี่ยงต่ำ

jumboslot


เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอที่จะกระจายการลงทุน ทำให้กองทุนดัชนีเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุน เพราะคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์นับร้อย นับพันรายการด้วยเงินเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น

ผลตอบแทนน่าสนใจ

ถึงแม้ดัชนีจะมีขึ้นลงตามหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่ในระยะยาวแล้ว กองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนแบบ Active Fund

ข้อเสียของกองทุนดัชนี

ขาดความยืดหยุ่น

slot


เพราะกองทุนดัชนีจำเป็นต้องลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง ทำให้ยามดัชนีอ้างอิงเป็นบวก คุณจะเห็นตัวเลขสีเขียวพร้อมรอยยิ้ม แต่หากดัชนีอ้างอิงดิ่งลงอย่างรุนแรง กองทุนดัชนีก็ดิ่งทะลุนรกไม่ต่างกัน คุณจะเห็นตัวเลขสีแดงบาดจิตบาดใจและทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ขายออก (พร้อมผลขาดทุนยับยู่ยี่)

ผลตอบแทนจำกัด

เพราะเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด โอกาสที่คุณจะได้รับผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดจึงแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นการทำผลตอบแทนมากกว่าตลาด (แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดเช่นกัน)

Tracking Error

Tracking Error คือความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของกลุ่มการลงทุนจะเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง หรือก็คือกองทุนดัชนีจะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงแค่ไหน ซึ่งคุณควรเลือกลงทุนกองทุนดัชนีที่มี Tracking Error ต่ำ

กองทุนดัชนี

หากคุณต้องการลงทุนแต่ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลาติดตามและมีเงินลงทุนจำกัด การลงทุนในกองทุนดัชนีเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณ

jumbo jili

คุณอยากทราบว่ากองทุนดัชนีคืออะไร ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในกองทุนดัชนี และคุณจะเลือกกองทุนดัชนีที่ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนอย่างไร

บทความนี้มีคำตอบครับ

กองทุนดัชนีคืออะไร

กองทุนดัชนี (Index Fund หรือ Tracker Fund) คือกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟ (กองทุนรวมที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น) ที่จัดกลุ่มการลงทุนตามหรือเลียนแบบดัชนีอย่างเช่น

iBoxx ABF Thailand Index คือดัชนีชี้วัดผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐ ตัวอย่างเช่น ABFTH (กองทุนดัชนีพันธบัตรแรกของไทย)

SET50 คือดัชนีที่แสดงระดับราคาหุ้น 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาดและสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก ตัวอย่างเช่น K-SET50, T-SET50, SCBSET50 เป็นต้น

S&P500 คือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่วัดผลการดำเนินงานของ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น SCBS&P500, TMBUS500, TISCOUS เป็นต้น

สล็อต

พูดง่าย ๆ คือ “ดัชนีมีอะไร กองทุนดัชนีก็มีตามนั้น” แต่ไม่เป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจำเป็นต้องกันเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง

กองทุนดัชนีใช้การลงทุนแบบเชิงรับ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด เช่น หากดัชนี A วิ่งขึ้น 3% กองทุนที่อ้างอิงดัชนี A ควรจะต้องวิ่งขึ้นใกล้เคียงกับดัชนี A มากที่สุดจึงจะถือว่าดี

แตกต่างกองทุนแบบ Active Fund (เน้นการลงทุนเชิงรุก) ที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาด แต่ความจริงที่น่าตกใจคือ กองทุนแบบ Active Fund ส่วนใหญ่ทำผลงานย่ำแย่กว่ากองทุนดัชนีเสียอีก!

ข้อดีและข้อเสียของกองทุนดัชนี

ข้อดี ข้อเสีย
ต้นทุนต่ำ ขาดความยืดหยุ่น
ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนจำกัด
ผลตอบแทนน่าสนใจ Tracking Error
เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่
ข้อดีของกองทุนดัชนี

สล็อตออนไลน์

ต้นทุนต่ำ

กองทุนดัชนีมีต้นทุนการบริหารต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund เพราะกองทุนดัชนีเพียงแค่เลียนแบบการลงทุนแบบเดียวกับดัชนี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างบุคลากรในการค้นหาหลักทรัพย์แต่อย่างใดและดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้กองทุนดัชนีมีจำนวนธุรกรรมน้อยครั้งกว่า

ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund จำเป็นต้องจ้างทีมงานค้นคว้าหาหลักทรัพย์ที่ใช่เข้ากองทุน ทำให้มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ค่าใช้จ่ายของกองทุนดัชนีต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% จนถึง 2.5%

ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง = จำนวนเงินลงทุนมากขึ้น = $$$ ที่มากขึ้นนั่นเอง

ความเสี่ยงต่ำ

jumboslot

เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอที่จะกระจายการลงทุน ทำให้กองทุนดัชนีเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุน เพราะคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์นับร้อย นับพันรายการด้วยเงินเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น

ผลตอบแทนน่าสนใจ

ถึงแม้ดัชนีจะมีขึ้นลงตามหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่ในระยะยาวแล้ว กองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนแบบ Active Fund

ข้อเสียของกองทุนดัชนี

ขาดความยืดหยุ่น

slot

เพราะกองทุนดัชนีจำเป็นต้องลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง ทำให้ยามดัชนีอ้างอิงเป็นบวก คุณจะเห็นตัวเลขสีเขียวพร้อมรอยยิ้ม แต่หากดัชนีอ้างอิงดิ่งลงอย่างรุนแรง กองทุนดัชนีก็ดิ่งทะลุนรกไม่ต่างกัน คุณจะเห็นตัวเลขสีแดงบาดจิตบาดใจและทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ขายออก (พร้อมผลขาดทุนยับยู่ยี่)

ผลตอบแทนจำกัด

เพราะเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด โอกาสที่คุณจะได้รับผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดจึงแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นการทำผลตอบแทนมากกว่าตลาด (แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดเช่นกัน)

Tracking Error

Tracking Error คือความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของกลุ่มการลงทุนจะเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง หรือก็คือกองทุนดัชนีจะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงแค่ไหน ซึ่งคุณควรเลือกลงทุนกองทุนดัชนีที่มี Tracking Error ต่ำ

วิธีออมเงินให้งอกเงย

จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้หลายคนประสบปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยวางแผนด้านการเงินมาก่อน หรือแม้บางรายพอมีเงินเก็บแต่ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ดังนั้นเราจึงควรลงทุนสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยขึ้นด้วย

jumbo jili

แต่สำหรับคนที่มีเงินออมต่อเดือนน้อย อยากให้ลองเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินจำนวนแค่นี้ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้แล้ว ดีกว่าฝากออมทรัพย์ธรรรมดาที่มีดอกเบี้ยแค่ 0.25% หรือรับดอกเบี้ยแค่ 2.5 บาทเท่านั้น

โดยสำนักข่าว”อีไฟแนนซ์ไทย” ได้รวบรวม 7 วิธีออมให้เงินงอกเงยได้ แค่มีเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทไว้ดังนี้

  1. บัญชีเงินออมดิจิทัล

บัญชีเงินออมดิจิทัลหรือเข้าใจง่ายๆ คือบัญชีออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก(Book Bank) ซึ่งบัญชีดังกล่าวจะได้รับดอกเบี้ยประมาณ 0.5-1.5% สามารถฝาก ถอน โอนได้ ผ่านระบบออนไลน์ โดยในหลายธนาคารไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำในการฝาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะมีวินัยในการเก็บอย่างสม่ำเสมอ แต่อยากได้ดอกเบี้ยมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอย่างน้อยๆ เงินเริ่มต้นแค่ 1,000 บาท หากคิดดอกเบี้ย 0.5% จะได้ดอกเบี้ยแล้วประมาณ 5 บาท

สล็อต

2.เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี

บัญชีเงินฝากประจำแบบปลอดภาษี ปัจจุบันเริ่มต้นเงินฝากขั้นต่ำตั้งแต่ 500 หรือ 1,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงประมาณ 1.25-2.30% ซึ่งต้องฝากเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากัน มีกรอบเวลา 24 เดือน หรือ 36 เดือน ข้อดีคือไม่ต้องเสียภาษี แต่จำกัดการเปิดบัญชี 1 คนต่อ 1 บัญชีเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มออม อยากฝึกวินัยไม่ชอบเสี่ยงและมีเงินไม่มาก ได้ครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

คิดง่ายๆ หากเราออมเงิน 1,000 บาท ครบ 24 เดือน ปกติเงินต้นเพียง 24,000 บาท แต่หากฝากประจำแบบปลอดภาษี คิดดอกเบี้ย 2.30% จะได้เงินเพิ่มอีก 552 บาท หรือมีเงินออมเพิ่มขึ้นรวม 24,552 บาท

  1. เงินฝากประจำทั่วไป

บัญชีเงินฝากประจำแบบทั่วไป ปัจจุบันมีเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท ก็สามารถเปิดบัญชีฝากได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงประมาณ 0.5-1.5% โดยต้องฝากเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากัน มีกรอบช่วงเวลาตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 48 เดือน ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่งกำหนด เงื่อนไขคือต้องเสียภาษีดอกเบี้ย ณ ที่จ่ายประมาณ 15% แต่ข้อดีคือ 1 คนสามารถเปิดบัญชีประเภทดังกล่าวได้มากกว่า 1 บัญชี เหมาะสำหรับคนเริ่มมีวินัยการออมแล้ว และมีเงินต้นจำนวนมาก แต่ไม่อยากเสี่ยงเสียเงินต้น

สล็อตออนไลน์

  1. สลากออมทรัพย์

หากใครมีเงินเพียง 1,000 บาท แต่สนใจลงทุนในสลากออมทรัพย์ เริ่มต้นได้ที่ ธนาคารออมสิน ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปีขึ้นไป เพื่อลุ้นถูกรางวัลในแต่ละเดือน หรือตามเงื่อนไขของสลากแต่ละรุ่นกำหนด สามารถซื้อเพียงครั้งเดียวหรือเพิ่มหลายครั้ง ซึ่งผลตอบแทนคือลุ้นการถูกสลากรางวัล

โดยกรอบเงินรางวัลมีตั้งแต่ 20 บาท ถึง 10 ล้านบาท เพราะฉะนั้นใครหวังเฮงถูกเงินล้านแบบไม่ต้องเสียเงินต้นแบบลอตเตอรี่ แถมสลากบางรุ่นยังมีดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สลากออมทรัพย์อาจเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนชอบลุ้น

  1. กองทุนรวม

หากผลตอบแทนที่กล่าวมายังไม่เร้าใจพออยากได้สูงกว่า 2% และพอจะมีความรู้ด้านการลงทุน แต่ไม่มีเวลาบริหารเอง แนะนำกองทุนรวมเพราะมีผู้จัดการกองทุนมาบริการเงินให้ ซึ่งมีกองทุนให้เราเลือกมากมาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ซึ่งบางแห่งมีเงินแค่ 1 บาทก็สามารถลงทุนได้แล้ว

jumboslot

โดยแต่ละกองจะกำหนดเงื่อนไขความเสี่ยงของผู้ลงทุนในระดับที่รับได้ แบ่งเป็น 8 ระดับ มีทั้งเสี่ยงต่ำ ปานกลาง มาก และมากที่สุด โดยแต่ละกองจะอธิบายถึงความเสี่ยง รายละเอียด และผลตอบแทนย้อนหลังให้พิจารณาตามหนังสือชี้ชวน

สำหรับผลตอบแทนบางกองอาจได้กลับมาในระดับ 5-10% ต่อปี เทียบเงินต้น 1,000 บาทจะได้ผลตอบแทนประมาณ 50-100 บาท หรืออาจมากกว่า 50% ต่อปี หรือรับผลตอบแทนเพิ่ม 500 บาท แต่ความเสี่ยงเงินต้นหายก็มีด้วยเช่นกัน

  1. ออมหุ้นไทยแบบ DCA ผ่านโบรกเกอร์

เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนหุ้นไทยอย่างสม่ำเสมอ แต่เงินลงทุนและความรู้ยังน้อย โดย DCA คือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนในหุ้นตัวเดียวกันทุกๆ เดือนหรือสัปดาห์ ตามที่บริษัทหลักทรัพย์(บล.) หรือโบรกเกอร์แต่ละรายกำหนด ทำให้เราสามารถซื้อหุ้นที่มีทิศทางการดำเนินงานดีแต่ราคาสูงได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 50, SET100 ให้เลือกลงทุน

ซึ่งเงินที่งอกเงยจากการลงทุนมาจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นและเงินปันผล โดยสถิติข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าการลงทุนหุ้นไทยมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี หากคิดผลตอบแทนเงินออมเพียง 1,000 บาท จะมีกำไรแล้ว 100 บาท

slot

  1. ออมทอง

มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ วลีนี้ยังคงใช้ได้กับสังคมไทย แต่การซื้อเพื่อได้ทองมาครอบครองอาจใช้เงินมากกว่าที่มี ดังนั้นร้านค้าทองหลายแบรนด์จึงออกโปรแกรมออมทอง เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนเงินน้อย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสม และหากสะสมเงินครบตามราคาสินค้าทอง สามารถแลกรับทองจริงได้ หรือเลือกสะสมเงินต่อเพื่อแลกรับทองขนาดที่ใหญ่กว่า รวมถึงขายเพื่อนำเงินสดออกมาก่อนก็ได้เช่นกัน โดยปัจจุบันสามารถใช้เงินขั้นต่ำ 10 บาทเพื่อออมทองได้ ซึ่งผลตอบแทนช่วงปี 63 ที่ผ่านมาพบว่าหากใครถือครองทองคำต้นปีถึงปลายปีจะได้กำไรประมาณ 20% หรือคิดเงินลงทุน 1,000 บาท จะได้กำไรถึง 200 บาท

ทั้งหมดนี้คือแนวทางการออมสำหรับผู้มีเงินน้อย 1,000 บาท แม้การเริ่มออมจะยากสำหรับใครหลายคน แต่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจออมเงินกันง่ายมากขึ้น เพราะเมื่อเราประสบวิกฤตทางการเงิน อาจทำให้การใช้ชีวิตนั้นยากยิ่งกว่า ดังนั้นหากเราเริ่มลงมือ และสร้างวินัยเลือกการออมอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 1 วิธี ก็จะทำให้เราป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ และที่สำคัญอาจทำให้เรารวยได้จากเงินออมเพียงน้อยนิดก้อนนี้

นึกไว้เสมอว่า “ของใหม่” อาจจะไม่ใช่ “ของดี”

ในกรณีที่ของใหม่มาก ๆ ประมาณว่าเพิ่งตั้งขึ้นเป็นครั้งแระ หรือ เป็นกองทุนที่ไม่มี master fund(ถ้าเป็น FIF) อาจจะต้องพิจารณาให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยดูจากคนที่มาเป็นผู้จัดการกองทุน สอบถามถึงประวัติการบริหารกองทุนเดิม หรือ ถ้าเป็นไปได้ ให้ “รอดูผลงานการลงทุน” ก่อนที่จะลงทุน ตราบใดที่เงินยังอยู่ในมือเรา มันไม่ได้หายไปไหนครับ ดังนั้น ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามกว่าแน่นอนในกรณีนี้

jumbo jili

ส่วนถ้าเป็นกองทุนที่เป็น FIF และมีกองทุน Master Fund แล้วละก็ ก็ให้ไปย้อนดูว่า กองทุน Master Fund นั้น มีประวัติอย่างไร บริหารได้ดีไหม

อย่าลืมว่า กองทุนต่างประเทศแบบนี้ มีค่าธรรมเนียม 2 ต่อ (ทั้งในและต่างประเทศ) มีเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย และ กองทุนในไทยที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกทีนั้น บางทีก็มีการดำเนินนโยบายไม่เหมือนกับกองทุน Master Fund ในต่างประเทศก็เป็นไปได้ครับ ดังนั้น ผลตอบแทนของกองทุนในไทยนั้น อาจจะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าที่เห็นในกองทุน Master Fund ในต่างประเทศก็เป็นไปได้ครับ ดูดี ๆ นะครับ

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญของการลงทุน ไม่ใช่เพียงแค่ปล่อยให้เป็นภาระแก่ผุ้จัดการกองทุนในการบริหารเงินลงทุนของเรา เพราะว่า ผู้จัดการกองทุนเอง ก็ยังผิดพลาดได้ครับ
การลงทุนเองก็มีความเสี่ยงที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอต่อให้เป็นคนเก่งมีประสบการณ์ก็ตามที่ ดังนั้นนักลงทุนเองก็ต้องระมัดระวังการลงทุน อย่าใจร้อน และต้องคอยติดตามการลงทุนด้วยนะครับ

สล็อต

นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นนะครับ อันนี้เป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าหลายคนรักพี่เสียดายน้อง กองทุนประเภทเดียวกัน เช่นกองทุนหุ้น ก็มีหลายกองทุน กองทุนตราสารหนี้ก็มีหลายกองทุน เพราะว่าใคร ๆ ก็บอกว่ากองทุนนั้นดี กองทุนนี้ดี และเราก็ลงทุนโดยกลัวที่จะเสียโอกาส ซึ่ง ไม่ใช่หลักการลงทุนที่ดีเลย

ลองนึกดูง่าย ๆ นะครับ อย่างกองทุนหุ้นเอง บางกองทุนก็ไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน ยิ่งเราซื้อกองทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสซ้ำกันเท่านั้นครับ เช่นกองทุนAA อาจจะมีหุ้น 30 ตัว ซึ่งซ้ำกับกองทุน BB ประมาณ 10 ตัว เรามีกองทุนแบบนี้มากขึ้น 5 กองทุน หุ้นที่อยู่ในกองทุนก็ซ้ำกันเกิน 30 กองทุนแล้วครับ ซึ่งถ้าพิจารณาดี ๆ เราไปลงทุนในกองทุน SET50 หรือ กองทุนแบบ Passive Fund อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง ๆ นั่นเองครับ

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

สล็อตออนไลน์

เลือกองทุนที่ดี ที่เราชอบมาเพียง 2 กองทุนต่อประเภทกองทุน ก็เพียงพอแล้ว เช่นกองทุนหุ้น 2 กองทุน กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ซึ่งถ้าจะให้กระจายความเสี่ยงมากขึ้น ก็ให้เราเลือกกองทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่นกองทุนนึงเน้น Buy and Hold อีกกองทุนเน้นการซื้อ-ขาย เป็นต้น

  1. เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเฉพาะตอนที่กองทุนมีกำไร
    แน่นอนครับ ใคร ๆ ก็อยากที่จะรวยเร็ว รวยแรง รวยสุด ๆ แต่การทุ่มเงินลงทุนมากเกินความจำเป็นก็อาจจะทำให้ เราผิดพลาดได้เช่นกัน โดยคนส่วนใหญ่มักจะเพิ่มเงินลงทุนให้มากขึ้น เมื่อเห็นว่ากองทุนที่ตนเองลงทุนอยู่นั้น เริ่มทำผลตอบแทนได้ดี ได้สูงมากขึ้น

ผลก็คือได้ของแพงจำนวนมากมาอยู่ในมือ ประกอบกับในขณะนั้น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นที่อยู่ในกองทุนขึ้นมามากจนถึงจะอิ่มตัว หรือ มากกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก ๆ แน่นอนว่ามีโอกาสที่กองทุนจะปรับตัวลดลงมาได้มากเช่นกันครับ สุดท้ายเราก็เกิดอาการ หรือ สภาวะติดดอย และเป็นดอยที่สูงเสียด้วยครับ T-T

jumboslot

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

เนื่องจากการลงทุนกับกองทุน ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรเสียเท่าไหร่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าธรรมเนียมค่อนข้างแพง ถ้ามีการซื้อ-ขายบ่อย ๆ ก็อาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุน ดังนั้นก็ควรที่จะคิดเสมอว่า การลงทุนในกองทุนอาจจะไม่ทำให้เรารวยเร็ว รวยแรงได้ แต่การลงทุนในกองทุนนั้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวครับ เมื่อนักลงทุนเลือกกองทุนที่ถูกใจได้แล้ว จะแบ่งเป็น 2 กรณี

3.1 ถ้าลงทุนเป็นเงินก้อน ให้มีการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมไม่ผันผวนมากนัก และควรมีการทำ rebalancing พอร์ตการลงทุน อยู่ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี

3.2 ถ้าลงทุนแบบทยอยลงทุน ให้ทำการ DCA กองทุนรวมหุ้นที่เราสนใจจะทำให้เราได้ราคาเฉลี่ยที่ดี และช่วยให้ง่ายต่อการวางแผนการเงิน ให้บรรลุตามเป้าหมายได้ดีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยวินัยในการลงทุนอย่างมาก และใช้เวลานาน

slot

  1. ชอบซื้อกองทุนออกใหม่
    เดี๋ยวนี้มีกองทุนออกมาใหม่กันมากมาย หลายคนก็มักจะชอบกองทุนที่ออกมาใหม่ โดยเฉพาะกองทุนแบบ FIF

เนื่องจากมีการโปรโมทจาก บลจ. และส่วนใหญ่ก็มักจะมีมุมมองทางเศรษฐกิจมาส่งเสริมให้ดูน่าลงทุนกับกองทุนใหม่ ๆ ก็ทำให้นักลงทุนหลายท่าน แห่กันไปซื้อกองทุนที่เปิดใหม่เหล่านี้ โดยไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยง หรือ ลงทุนทั้ง ๆ ที่ยังไม่เข้าใจว่ากองทุนนั้นไปลงทุนกับหุ้น หรือสินทรัพย์อะไรบ้าง ทำให้หลาย ๆ ครั้ง ลงทุนไปแล้ว เกิดอาการติดดอย (อีกแล้ว)

แนวคิด และวิธีการแก้ไข