ไขข้อข้องใจกับวิธีการขายกองทุนรวม

สำหรับนักลงทุนรายใหม่ไฟแรงที่เพิ่งเริ่มลงทุนผ่าน “กองทุนรวม” โดยให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์มากกว่าเราช่วยบริหารจัดการเงินให้ แต่พอถึงเวลาอยากจะขายกองทุนรวมหรือถอนเงินออกจากกองทุนรวม ก็ดันไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง พี่ทุยอยากจะบอกว่าวิธีการมันง่ายมาก ๆ เลยล่ะ ตามพี่ทุยมาติด ๆ เลย

jumbo jili

วิธีแรกในการขาย “กองทุนรวม”
ง่ายที่สุด คือ เดินเข้าไปที่ธนาคารที่เราซื้อกองทุนมาหรือไปที่บลจ.ที่เราต้องการขายกองทุนพร้อมกับสมุดบัญชีกองทุน แค่บอกเจ้าหน้าที่ว่าต้องการขายกองทุน เจ้าหน้าที่ก็จะเอาเอกสารมาให้เรากรอกและดำเนินการให้ วิธีง่ายที่สุดแต่อาจจะเสียเวลาเดินทางบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าสาขาธนาคารอยู่ใกล้ ๆ ก็จัดการโล้ด

สล็อต

วิธีที่สองในการขาย “กองทุนรวม”
เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง คือ ขั้นแรก เข้าไปที่เว็บไซต์ของ บลจ. ที่เราต้องการจะขายกองทุน แล้วดาวน์โหลดแบบฟอร์ม “คำสั่งขายคืนหน่วยลงทุน” ปริ้นท์เอกสารออกมา เซ็นต์ชื่อ แล้วส่งเอกสารไปให้บลจ. ทำรายการ ตรงแบบฟอร์มขายคืนที่กรอกต้องระบุวันที่ที่เราต้องการขายกองทุนด้วย แต่ข้อควรระวังก็คือ เราจะต้องดูก่อนว่ากองทุนรวมที่เราจะขาย เปิดให้ขายได้ถึงกี่โมง หากเราส่งไม่ทันวันที่เราต้องการขายทาง บลจ.จะทำการขายให้ในวันถัดไป

สล็อตออนไลน์

นอกจากเรื่องระยะเวลาในการทำรายการแล้ว เรายังต้องดูจำนวนเงินขั้นต่ำที่เราต้องคงไว้ในบัญชีกองทุนที่เราซื้อด้วย ในกรณีที่เราอยากขายกองทุนออกมาบางส่วน แต่ถ้าเราจะขายทั้งหมดอยู่แล้วเราก็แค่กรอกจำนวนหน่วยลงทุนที่มีทั้งหมดในช่องจำนวนที่ต้องการขายคืน และเรื่องสุดท้ายที่เราสามารถอ่านได้จากหนังสือชี้ชวนก็คือ ระยะเวลาที่เราจะได้รับเงินจากกองทุนคืนหลังส่งคำสั่งขาย อาจจะเป็น 1 วัน 3 วัน 5 วัน ซึ่งจะแตกต่างออกไปในแต่ละกองทุน โดยปกติการคืนเงินจะมี 2 วิธี คือ

jumboslot

  1. โอนเข้าบัญชีที่เราผูกไว้ตอนสมัครซื้อกองทุน พี่ทุยแนะนำวิธีนี้เพราะง่ายที่สุด เงินเข้าที่เราตรง ๆ เลย
  2. คืนเป็นเช็ค โดยจะได้รับจากทางไปรษณีย์ วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมมากเท่าไหร่ แต่บางคนก็ชอบวิธีนี้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน

เราสามารถเลือกวิธีการรับเงินคืนได้ ตอนที่เราเปิดบัญชีซื้อกองทุนรวมนั่นแหละ แต่แน่นอนว่าถ้าเราอยากเปลี่ยนวิธีการรับเงินคืนก็สามารถแก้ไขตามที่เราต้องการได้เลยนะ

slot

เท่านี้เราก็สามารถขายกองทุนและได้เงินคืนกลับมาได้แล้ว พี่ทุยจะบอกว่าไม่ได้ยากเลยง่ายมาก ๆ

แต่เดี๋ยวนี้หลายๆ บลจ. ก็เปิดให้ซื้อขายกองทุนรวมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือ แอปพลิเคชั่นในมือถือได้เลย ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสาร พี่ทุยว่าวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วเหมาะกับคนยุคใหม่แบบเรา ๆ ที่สุดเลยล่ะ

ถ้าให้อ่านบทความของพี่ทุยแต่ไม่ได้ลองทำจริงก็คงไม่รู้ว่าง่ายขนาดไหน อย่าลืมไปลองซื้อขายกองทุนด้วยตัวเอง เพื่อที่เราจะได้กลายเป็นนักลงทุนมืออาชีพในอนาคตยังไงล่ะ

เงื่อนไขการซื้อRMF

ช่วงสิ้นปีทีไร พี่ทุยบอกได้เลยว่าเรื่องที่ถูกถามเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีมากที่สุด ก็คือ เรื่อง “เงื่อนไขการซื้อ RMF” หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ กองทุนรวมเพื่อนการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) เอาจริง ๆ พี่ทุยก็รู้สึกดีใจไม่น้อยนะที่คนเริ่มสนใจใช้ในการลดหย่อนภาษีกันมากขึ้น เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้เราเก็บเงินได้ดีขึ้น

jumbo jili

สำหรับ “เงื่อนไขการซื้อ RMF” ที่ทุกคนชอบสอบถามกัน พี่ทุยได้รวบรวมคำถามที่สอบถามมากันมาก มีดังนี้

  1. RMF ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อนับรวมกับ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ประกันแบบบำนาญและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วห้ามเกิน 500,000 บาท
    ถ้าเรารายได้ 500,000 บาทต่อปี เราก็จะซื้อได้ 150,000 บาทต่อปีเท่านั้น แต่ว่าเราต้องระวังอีกเงื่อนไขด้วยก็คือ ถ้าเราไปนับรวมกับ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ประกันแบบบำนาญกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) แล้ว ห้ามเกิน 500,000 บาทเด็ดขาด
  2. RMF ปรับเกณฑ์ใหม่ ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ
    เงื่อนไขของปีก่อนๆ จะมีขั้นต่ำที่ 5,000 บาท หรือ ถ้า 3% ของรายได้ต่อปีนั้น ๆ น้อยกว่า 5,000 บาทก็ซื้อแค่ 3% แต่ปีนี้ปรับเกณฑ์ใหม่ ใจดีขึ้น ไม่ต้องมีขั้นต่ำในการซื้อแล้ว สามารถซื้อได้ตามขั้นต่ำของกองทุนเลย แต่มีเงื่อนไขเดิมที่ติดมาคือ ถ้าซื้อแล้ว ก็ต้องซื้อต่อเนื่องปีเว้นปีนะ ปีที่ไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องซื้อ แต่ปีถัดมาต้องกลับมาซื้อเพื่อให้ไม่ผิดเงื่อนไขของ RMF

สล็อต

  1. จะขายคืนได้ต่อเมื่อเราอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องถือมาอย่างน้อย 5 ปีเท่านั้น
    เงื่อนไขที่เราจะขายได้นั้นต้องประกอบไปด้วย 2 เงื่อนไขหลักก็คือ อายุต้องครบ 55 ปีบริบูรณ์ อารมณ์จัดงานวันเกิดเป่าเค้กแบบวันชนวันเลย แล้วอีกเงื่อนไขก็คือต้องถือมาอย่างน้อย 5 ปีบริบูรณ์

แต่ความพิเศษจะอยู่ที่ว่า สมมติตอนนี้เราอายุ 50 ปี แล้วเราซื้อมาทุกปีติดต่อกันสมมติปีละ 100,000 บาท แล้วพอเราอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้ว เราก็จะถือมา 5 ปีเป๊ะ ๆ เราสามารถขายที่เราทยอยซื้อได้ทั้งหมด แม้ว่าตอนเราอายุ 54 ปีที่เราเพิ่งซื้อมา 100,000 บาทนั้นถือมาแค่ 1 ปีเท่านั้น ไม่เหมือนกับ SSF ที่นับแยกก้อนที่เราซื้อตามปีเลย

  1. ห้ามผิดเงื่อนไข
    การผิดเงื่อนไข พี่ทุยขอไม่พูดถึงว่าโทษมีค่าปรับอะไรยังไงบ้าง แต่พี่ทุยบอกได้เลยว่าเยอะมาก ๆ ไม่ควรผิดเงื่อนไขไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม พี่ทุยเชื่อว่าถ้าเรามีการวางแผนการเงินที่ดี เราไม่มีความจำเป็นต้องไปแตะต้องมันเลยอย่างแน่นอน

สล็อตออนไลน์

สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขาย RMF สามารถไปแจ้งเรื่องร้องเรียนกับทางกรมสรรพากร ได้เลย ที่นี่

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติ อินคัมพลัส (SCB Multi Income Plus Fund – SCBMPLUS)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: เน้นลงทุนตราสารหนี้ของไทย, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, REIT และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
    ระดับความเสี่ยง: ปานกลาง
    Morningstar: 4 ดาว

SCBMPLUS เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
สำหรับ SCBMPLUS เนี้ยจะมีความคล้ายคลึงกับ SCBPLUS แต่จะแตกต่างตรงที่ SCBMPLUS สามารถขายได้ทุกเดือน เลยทำให้ SCBMPLUS มีสภาพคล่องที่สูงกว่า แต่แน่นอนว่าผลตอบแทนโดยรวมของ SCBMPLUS จะมีแนวโน้มที่ได้ต่ำกว่า SCBPLUS เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีระยะเวลาได้สั้นมากกว่านั่นเอง

jumboslot

พี่ทุยอยากจะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า ถ้าใครชอบ SCBPLUS แต่อยากให้ขายได้บ่อย ๆ หน่อยก็มาทาง SCBMPLUS ได้เลย ตอบโจทย์แน่นอน!

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นทุนปันผล (SCB Dividend Stock Open End Fund – SCBDV)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: หุ้นไทย
    ระดับความเสี่ยง: สูง
    Morningstar: 4 ดาว

slot


SCBDV เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
สำหรับ SCBDV ก็เหมาะกับคนที่เป็นพันธุ์แท้หุ้นไทยเหมือนกับ SCBSE ที่พี่ทุยบอกไปก่อนหน้านี้ แต่ SCBDV เค้าจะเน้นลงทุนหุ้นไทยที่มีการเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อโอกาสในการสร้างกระแสเงินสดตลอดการลงทุน เนื่องจาก SCBDV จะมีนโยบายการจ่ายปันผล

นอกจากนี้ SCBDV ก็ยังได้รับรางวัล “กองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยม ปี 2020 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap)” โดย Morningstar อีกด้วยนะ

เรียกได้ว่าใครที่อยากได้เงินปันผลเรื่อย ๆ พี่ทุยว่าก็ต้อง SCBDV นี่แหละ ได้รางวัลมาการันตีซะขนาดนี้!

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดจ่ายเงินปันผล)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: หุ้นสหรัฐอเมริกา
    ระดับความเสี่ยง: สูง
    Morningstar: 4 ดาว

กองทุนติดดาว

ลองนึกเวลาที่เราไปกินอาหารแล้วเราไม่แน่ใจว่าร้านนี้อร่อยมั้ย เราก็จะมองหาเครื่องหมายการันตีความอร่อยอย่าง
“มิชลิน สตาร์ (Michelin Star)” ที่เป็นเครื่องหมายรับรองความอร่อยระดับโลก แต่ในโลกของการลงทุนนั้นถ้าเราอยากดูว่า กองทุนไหนดีหรือไม่ เก่งหรือเปล่า เราสามารถดูได้จาก “Morningstar” ที่ช่วยการันตีความยอดเยี่ยมของกองทุนได้เป็นอย่างดี

jumbo jili

โดยจะมีการแบ่งเกรดตั้งแต่ 1-5 ดาว ยิ่งได้ดาวเยอะ ก็แปลว่ากองทุนรวมนั้นเป็นกองทุนที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับกองทุนที่ได้รับ 4-5 ดาว จาก Morningstar ก็ถือว่าเป็นกองทุนที่ชั้นนำที่เราสามารถเลือกลงทุนได้อย่างสบายอกสบายใจ

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

สำหรับใครที่กำลังมองหา “กองทุนติดดาว” จาก Morningstar เพราะจะทำให้เราสามารถเลือกลงทุนได้แบบสบายใจ พี่ทุยขอแนะนำกองทุนรวมจาก บลจ. ไทยพาณิชย์ (SCBAM) ที่การันตีคุณภาพฝีมือด้วยกองทุนชั้นนำติดดาวมากมาย วันนี้พี่ทุยเลยเลือกกองทุนที่แจ่ม ๆ เด็ด ๆ ชี้เป้ามาให้เลือกลงทุนกันถึง 6 กองทุนเลย

เริ่มต้นกันที่..

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ อินคัมพลัส (SCB Income Plus Fund – SCBPLUS)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: เน้นลงทุนตราสารหนี้ของไทย, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, REIT และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
    ระดับความเสี่ยง: ปานกลาง
    Morningstar: 5 ดาว

สล็อต

SCBPLUS เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
พี่ทุยมองว่า SCBPLUS เหมาะกับคนที่ต้องการรายได้อย่างต่อเนื่องและต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น เน้นลงทุนระยะยาวมากขึ้นจาก SCBFP

เนื่องจาก SCBPLUS สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ แต่จะขายออกได้ทุก 3 เดือน เนื่องจากตลาดตราสารหนี้มีสภาพคล่องที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นที่เราคุ้นเคย เหตุผลที่ SCBPLUS ต้องกำหนดระยะเวลาขายได้ทุก 3 เดือนก็เพราะจะช่วยทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถลงทุนสินทรัพย์ที่มีระยะยาวมากขึ้นได้ ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตกองทุนได้สูงขึ้น ซึ่งในภาพรวมจะเป็นผลดีกับผู้ลงทุนมากที่สุด

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCB Selects Equity Fund – SCBSE)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: หุ้นไทย
    ระดับความเสี่ยง: สูง
    Morningstar: 5 ดาว

SCBSE เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์ไทยหุ้นไทย พี่ทุยว่า SCBSE นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เนื่องจากจะเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ไม่เกิน 30 ตัว ที่ได้รับการคัดสรรหุ้นชั้นดี โดยทีมผู้จัดการกองทุนระดับมืออาชีพ และที่สำคัญต้องเข้าซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสกำไรให้สูงมากยิ่งขึ้น

สล็อตออนไลน์

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ พลัส (SCB Fixed Income Plus Fund – SCBFP)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    ระดับความเสี่ยง: ต่ำ
    Morningstar: 4 ดาว

SCBFP เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
SCBFP เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าการฝากธนาคาร แต่ยังคงต้องการสภาพคล่องที่สูง ซึ่ง SCBFP นั้นสามารถขายวันนี้ได้เงินพรุ่งนี้เลยทันที (T+1) ถือว่ามีสภาพคล่องที่ใกล้เคียงกับการฝากธนาคาร สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งเก็บเงินสำรองฉุกเฉินหรือแหล่งเก็บเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พี่ทุยแนะนำว่าสามารถเลือกใช้ SCBFP ได้เลย

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

jumboslot

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติ อินคัมพลัส (SCB Multi Income Plus Fund – SCBMPLUS)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: เน้นลงทุนตราสารหนี้ของไทย, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, REIT และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
    ระดับความเสี่ยง: ปานกลาง
    Morningstar: 4 ดาว

SCBMPLUS เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
สำหรับ SCBMPLUS เนี้ยจะมีความคล้ายคลึงกับ SCBPLUS แต่จะแตกต่างตรงที่ SCBMPLUS สามารถขายได้ทุกเดือน เลยทำให้ SCBMPLUS มีสภาพคล่องที่สูงกว่า แต่แน่นอนว่าผลตอบแทนโดยรวมของ SCBMPLUS จะมีแนวโน้มที่ได้ต่ำกว่า SCBPLUS เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีระยะเวลาได้สั้นมากกว่านั่นเอง

พี่ทุยอยากจะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า ถ้าใครชอบ SCBPLUS แต่อยากให้ขายได้บ่อย ๆ หน่อยก็มาทาง SCBMPLUS ได้เลย ตอบโจทย์แน่นอน!

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นทุนปันผล (SCB Dividend Stock Open End Fund – SCBDV)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: หุ้นไทย
    ระดับความเสี่ยง: สูง
    Morningstar: 4 ดาว

slot

SCBDV เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
สำหรับ SCBDV ก็เหมาะกับคนที่เป็นพันธุ์แท้หุ้นไทยเหมือนกับ SCBSE ที่พี่ทุยบอกไปก่อนหน้านี้ แต่ SCBDV เค้าจะเน้นลงทุนหุ้นไทยที่มีการเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อโอกาสในการสร้างกระแสเงินสดตลอดการลงทุน เนื่องจาก SCBDV จะมีนโยบายการจ่ายปันผล

นอกจากนี้ SCBDV ก็ยังได้รับรางวัล “กองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยม ปี 2020 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap)” โดย Morningstar อีกด้วยนะ

เรียกได้ว่าใครที่อยากได้เงินปันผลเรื่อย ๆ พี่ทุยว่าก็ต้อง SCBDV นี่แหละ ได้รางวัลมาการันตีซะขนาดนี้!

ชี้เป้า 6 “กองทุนติดดาว” จาก บลจ. ไทยพาณิชย์

  1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดจ่ายเงินปันผล)
    สินทรัพย์ที่ลงทุน: หุ้นสหรัฐอเมริกา
    ระดับความเสี่ยง: สูง
    Morningstar: 4 ดาว

SCBS&P500 เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
SCBS&P500 เหมาะสำหรับคนที่อยากจะกระจายการลงทุนไปยังในหุ้นสหรัฐอเมริกาเพื่อหาโอกาสในการสร้างตอบแทนที่มากขึ้น ซึ่งเวลาที่เราไปลงทุนในต่างประเทศเรามักจะกังวลถึงความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นไทย

สำหรับใครกำลังกังวลเรื่องนี้ พี่ทุยจะบอกว่าหายห่วงได้เลย เพราะ SCBS&P500 มีวิธีการลงทุนแบบ Passive หรือการลงทุนแบบลอกเลียนตลาดเพื่อให้มีผลตอบแทนที่เหมือนตลาดมากที่สุด หมดห่วงเรื่องความกังวลที่จะเข้าหุ้นผิดตัวไปได้เลย ความน่าสนใจของ S&P500 ก็คือ เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 500 ตัวของอเมริกา มีหุ้นที่เรารู้จักกันดีรวมอยู่ด้วย เช่น Apple, Microsoft, Facebook และยังครอบคลุมไปในหลายอุตสาหกรรมด้วยนะ

จัดอันดับประเภทของกองทุน

ตอนนี้พี่ทุยว่าทุกคนน่าจะรู้จักกองทุนรวมกันเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถ้าใครมีโอกาสได้ไปดูรายชื่อกองทุนรวมในประเทศทั้งหมด มีเป็นพันกองทุน จะเห็นได้ว่ามี “ประเภทของกองทุน” มากมาย ดังนั้นก่อนที่เราจะลงทุนกองทุนรวม อย่างน้อยเราน่าจะหามีดมาแบ่งหรือตะแกรงมาร่อนซะก่อน

jumbo jili

เพื่อที่จะได้ให้เหลือแต่จำนวนกองทุนรวมที่น่าสนใจและเหมาะกับเรา เพราะลองคิดดูว่า ถ้านั่งจิ้มจากพันกองทุนพี่ทุยว่าเหนื่อยแย่เลย แต่ถ้าเลือกจาก 50 กองทุน พี่ทุยว่าก็น่าจะช่วยให้เราเลือกง่ายขึ้นนะ

สิ่งที่เราควรรู้ในการเลือกลงทุนในกองทุนรวมนั่นก็คือ…

“ประเภทของกองทุน” มีทั้งหมดกี่ประเภท ?
ถ้าเราแบ่งตามแบบฉบับประเทศไทย ก็จะแบ่งกองทุนรวมออกเป็นทั้งหมด 8 ประเภท ตามลำดับความเสี่ยงจากน้อยไปหามาก

ความเสี่ยงระดับที่ 1 : กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ
กองทุนประเภทนี้จะลงทุนในตลาดเงิน เป็นการกู้เงินระยะสั้นของสถาบันต่าง ๆ โดยทั่วไปตราสารหนี้พวกนี้อายุจะไม่เกิน 1 ปี ทำให้ความเสี่ยงต่ำมาก เพราะให้สถาบันต่าง ๆ กู้เงิน เช่น ธนาคาร รัฐบาล เป็นต้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อมั่นและมั่นคงสูงอยู่แล้ว

สล็อต

แต่พี่ทุยเตือนไว้ก่อนว่า ต่อให้มีความมั่นคงและความน่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม ได้ชื่อว่าการลงทุนยังไงก็มีความเสี่ยง ดังนั้นอย่าลืมศึกษาให้ดีก่อนการลงทุนเสมอ

ความเสี่ยงระดับที่ 2 : กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ
อันนี้จะเหมือนกับประเภทที่ 1 แต่อาจจะมีบางส่วนลงทุนในต่างประเทศได้ ตรงนี้ก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาด้วย แต่กองทุนรวมประเภทนี้ ส่วนใหญ่ก็จะทำการลดความเสี่ยงค่าเงินไว้อยู่แล้ว

ความเสี่ยงระดับที่ 3 : กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล
กองทุนนี้จะไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ง่าย ๆ ก็คือ ให้รัฐบาลกู้นั่นแหละ แต่จะเป็นระยะที่ยาวขึ้น ส่วนใหญ่จะมากกว่า 1 ปีขึ้นไป แล้วก็จะมีความผันผวนเรื่องราคามากกว่าพวกกองทุนรวมตลาดเงิน

ความเสี่ยงระดับที่ 4 : กองทุนรวมตราสารหนี้
จะแตกต่างจากระดับที่ 3 ตรงที่ว่า กองทุนรวมจะไปลงทุนตราสารหนี้ที่เป็นของเอกชน หรือที่เราเรียกตราสารหนี้พวกนี้ว่า “หุ้นกู้” นั้นเอง

สล็อตออนไลน์

ความเสี่ยงระดับที่ 5 : กองทุนรวมผสม
เป็นกองทุนที่ลงทุนผสม ระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน (หุ้น) ซึ่งสัดส่วนการลงทุนว่าจะลงทุนอะไรเท่าไหร่บ้างก็ต้องไปดู “นโยบายการลงทุน” ของกองทุนอีกครั้งนึง

ความเสี่ยงระดับที่ 6 : กองทุนรวมตราสารทุน
ลงทุนหุ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พี่ทุยว่ากองทุนรวมความเสี่ยงระดับที่ 6 เนี้ยแหละน่าจะเป็นกองทุนที่คุ้นหูที่สุดแล้ว เพราะว่าพวก LTF ที่เราซื้อกันเมื่อก่อน รวมถึง SSF และ SSFX ที่ออกมาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็มีความเสี่ยงระดับ 6

ความเสี่ยงระดับที่ 7 : กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม
สำหรับกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นเนี่ยแหละ แต่เป็นหุ้นที่จงเจาะอุตสาหกรรม เช่น เน้นลงทุนกลุ่มโรงพยาบาล หรือเฉพาะกลุ่มพลังงาน เป็นต้น กองทุนรวมประเภทนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นมากเป็นพิเศษ ที่ถูกจัดอยู่ในระดับที่ 7 ก็เพราะว่าจะใช้ความรู้มากกว่าระดับที่ 6 นั่นเอง

jumboslot

ความเสี่ยงระดับที่ 8 : กองทุนรวมทางเลือก
กองทุนสุดท้ายนี้ ต้องใช้ความเข้าใจค่อนข้างเยอะและเฉพาะทางมากกว่าระดับที่ 7 ขึ้นไปอีก จะเป็นการลงทุนในตลาดทางเลือกต่าง ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงพวกโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมัน ทองคำ ฯลฯ

สุดท้ายก็ไม่ได้หมายความว่ากองทุนระดับที่ 8 จะลงทุนไม่ได้เลย บางครั้งถ้าเรามีความเข้าใจและใช้เครื่องมือการลงทุนอย่างถูกต้อง การลงทุนในกองทุนความเสี่ยงระดับที่ 8 หลาย ๆ ครั้งก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ระดับ 4-7 ซะอีก ที่สำคัญบางช่วงเวลาก็ยังเสี่ยงต่ำกว่าด้วย

slot


เราอาจจะลองประเมินความเสี่ยงของเงินลงทุนของเราว่า เงินก้อนที่เราจะลงทุนรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าเอาแบบทั่ว ๆ ไปก็ใช้กองทุนรวมความเสี่ยงระดับ 1 ถึง 6 ก็โอเคแล้วล่ะ ระดับ 7-8 เอาไว้เราเก่งแล้วค่อยเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมก็ยังได้

แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าเงินลงทุนก้อนนี้เรารับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ส่วนตัวพี่ทุยมักจะใช้ “ระยะเวลา” เป็นตัวแยกอันแรกๆเสมอ ถ้าเราลงทุนได้นาน เช่น 5 ปีขึ้นไป เราก็สามารถลงทุนกองทุนระดับความเสี่ยง 5-6 ได้แล้วล่ะ แต่ถ้าเงินลงทุนเราเป็นเงินหมุนเร็ว ๆ สั้น ๆ แบบ 3-6 เดือน พี่ทุยก็แนะนำว่าให้กองทุนระดับความเสี่ยง 1-2 ก็พอแล้ว เพราะระยะสั้นเราเน้นภาพคล่อง ไม่ได้เน้นผลตอบแทนเป็นหลักนั่นเอง