ซูบารุ เลกาซี

ซูบารุ เลกาซี เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง และเป็นรถธง ของค่ายรถยนต์ซูบารุ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมนั้น ซูบารุออกแบบให้เลกาซีเป็นรถยนต์ขนาดกลางทั่วๆ ไป เพื่อต้องการแข่งขันกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด และ โตโยต้า คัมรี่ แต่ต่อมาได้มีการออกแบบเลกาซีรุ่นพิเศษ โดยที่จะเน้นสมรรถนะให้สูงกว่ารถยนต์ขนาดกลางรุ่นอื่นๆ เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์เทอร์โบ บ็อกเซอร์สูบนอน ฯลฯ ปรากฏว่า เลกาซีรุ่นพิเศษนั้น ถูกนำไปเปรียบเทียบว่ามีความใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งประเภทหรูหราระดับต้น หลายรุ่น เช่น เอาดี้ เอ4, อัลฟา โรเมโอ 159 และ บีเอ็มดับเบิลยู 3 ซีรีส์ ในเรื่องต่างๆ ดังนั้น การออกแบบเลกาซีทำให้ซูบารุได้รับการยอมรับและชื่นชมอย่างกว้างขวาง เมื่อซูบารุนำพื้นฐานการออกแบบของเลกาซี ไปออกแบบรถรุ่นใหม่หลายรุ่น เช่น Tribeca และ Outback ก็สามารถประสบความสำเร็จไม่น้อย รวมกับการที่รถรุ่นอื่นๆ ของซูบารุ จะเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ทำให้เลกาซี ได้เป็นรถธง ของซูบารุ ที่ประสบความสำเร็จในวงกว้าง

jumbo jili

เลกาซี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากรุ่นแรกถึงปัจจุบัน แบ่งได้ 5 รุ่น ดังนี้
ลกาซี เปิดตัวครั้งแรก ด้วยราคาแนะนำ 2.55 ล้านเยน (ประมาณ 18,800 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนในปีนั้น) ในช่วงนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นระดับผู้นำตลาดหลายราย ได้มีการสร้างรถยนต์ยี่ห้อใหม่เป็นของตนเอง ซึ่งจะเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ประเภทหรูหรา เครื่องยนต์กำลังแรงสูง วี6 วี8 เช่น ฮอนด้า เปิดยี่ห้อ แอคิวรา, โตโยต้า เปิดยี่ห้อ เล็กซัส, นิสสัน เปิดยี่ห้อ อินฟินิที, มาสด้า เปิดยี่ห้อ อมาติ ยูโนส ซีดอส และแองฟินิ ส่วนซูบารุนั้นไม่มี แต่อย่างไรก็ตาม ซูบารุออกแบบเลกาซีมาให้มีความหรูหรา และล้ำหน้าอยู่พอสมควร เลกาซี มีค่าความต้านทางอากาศ Cd ต่ำกว่ารถรุ่นอื่นๆ ที่ซูบารุเคยผลิต เพราะการออกแบบให้มีความโค้งมน ส่วนเครื่องยนต์ ใช้เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร หัวฉีดซิงเกิ้ลพอยท์, 2.0, และ 2.2 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยท์ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (ซึ่งหาได้ยากในรถขนาดกลาง) มีกระจกไฟฟ้า, พวงมาลัยเพาเวอร์, ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ (2 ล้อหน้า ใช้ แมคเฟอร์สันสตรัท, 2ล้อหลัง ใช้แชปแมนสตรัท), เซ็นทรัลล็อก, ดิสก์เบรก 4 ล้อ และ Air suspension ควบคุมความสูงของรถ ซึ่งจะทำให้รถเตี้ยลงอัตโนมัติเมื่อวิ่งเร็วกว่า 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ลมที่ผ่านใต้ท้องรถน้อยลง ลดอาการเหินหรือลอยขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง และเมื่อผู้ขับต้องการขับบนทางวิบาก ก็จะสามารถสั่งให้รถยกสูงขึ้นได้

สล็อต

เลกาซีมีตัวถัง 2 แบบใหญ่ๆ คือ ซีดาน 4 ประตู และวากอน 5 ประตู ซึ่งวากอน จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระกับน้ำหนักโดยรวมของรถมากกว่าและต้านลมมากกว่า เครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงที่สุดที่มีให้เลือกในเลกาซีแบบซีดาน ซึ่งมีเฉพาะในญี่ปุ่นและประเทศไทยเท่านั้น คือ EJ20G เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบ 2.0 ลิตรดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟต์ พร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 220PS ซึ่งต่อมา ซูบารุได้นำไปใช้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กของซูบารุรุ่นหนึ่ง คือ อิมเพรสซ่า กลายเป็น อิมเพรสซ่า WRX จนถึงปัจจุบัน เลกาซีรุ่นที่ 2 เปิดตัวด้วยราคา 2.75 ล้านเยน (ประมาณ 25,250 ดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงปี 2539 เป็นต้นมา เลกาซีรวมไปถึงรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา ได้ยกเลิกการใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ทุกคัน ส่วนเลกาซีในภูมิภาคอื่น ยังมีให้เป็นตัวเลือก และยังมีการนำพื้นฐานของเลกาซี ออกแบบเป็นซูบารุ เลกาซี แกรนด์ วากอน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาไปเป็น ซูบารุ เอาท์แบ็ค (Subaru Outback) แต่อย่างไรก็ตาม เลกาซีรุ่นที่ 2 ไม่มีระบบ Air suspension

สล็อตออนไลน์

เลกาซีรุ่นที่ 2 ถุงลมนิรภัยคู่หน้าถูกบรรจุเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีระบบทำความร้อนเบาะหนัง และอื่นๆ อีกเล็กน้อย แต่ในช่วงนี้ เลกาซีที่ขายในสหรัฐ เป็นเครื่องยนต์จะเป็นแบบประจุอากาศด้วยตนเอง (naturally-aspired engine) ซึ่งแปลง่ายๆ ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่ติดเทอร์โบ
เลกาซีรุ่นที่ 3 ได้ยกเลิกระบบขับเคลื่อนล้อหน้าลงทั้งหมดในทุกตลาด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของเลกาซีทั่วโลกตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป ในช่วงรุ่นที่ 3 เลกาซีมีเครื่องยนต์หลายขนาด หนึ่งในนั้นคือ เครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรกที่เลกาซีมีเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ และในปี 2543 ยังมีการเพิ่มอุปกรณ์ Daytime running lamp ซึ่งจะเป็นหลอดไฟฟ้าแบบไดโอดเปล่งแสง จะทำงานอัตโนมัติเมื่อติดเครื่องในช่วงกลางวัน เพิ่มการมองเห็นสำหรับผู้ขับขี่คันอื่น และเมื่อเปิดไฟหน้ากลางคืนแล้ว ก็จะหรี่ลง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสหภาพยุโรป ได้ประกาศให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานบังคับสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเข้าจำหน่ายตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป
นอกจากนี้เลกาซียังมีระบบกรองอากาศที่ดีกว่าเดิม พร้อมระบบเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่ได้ทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และแบบเกียร์ธรรมดาเมื่อต้องการ

jumboslot

เลกาซีรุ่นที่ 4 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของซูบารุ ที่ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2546-2547 (2003–2004 Car of the Year Japan) และเลกาซีรุ่นที่ 4 ยังได้รับรางวัลออโตโมบิลรวมดาราประจำปี 2548 (2005 Automobile All-Stars) ในสาขารถครอบครัว จากนิตยสาร ออโตโมบิล ของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เครื่องยนต์ EJ255 ในเลกาซีรุ่นที่ 4 และ อิมเพรสซ่า WRX รุ่นที่2 ยังได้รับรางวัลรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมสากลหรือ International Engine Of The Year ประจำปี 2549 ในสาขาเครื่องยนต์ความจุระหว่าง 2,000 – 2,500 ซีซี อีกด้วย เป็นเลกาซีรุ่นแรกที่มีเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และธรรมดา 5 สปีด ก็ยังคงผลิตอยู่) และเครื่องยนต์แบบเทอร์โบกลับมาใช้อีกครั้งในอเมริกา หลังจากยุติลงไปในช่วงรุ่นที่ 2 ในปี 2551 ซูบารุได้ใส่อุปกรณ์ใหม่ในเลกาซี คือ EyeSight โดยจะเป็นกล้องมองหน้า ติดอยู่ที่กระจกข้าง 2 ข้าง แล้วจับภาพเป็นภาพ 3 มิติ ด้วยหลักการเดียวกับดวงตาของมนุษย์ และรับรู้ได้ถึงระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ซึ่งจะคอยควบคุมหรือเตือนผู้ขับขี่ได้หากเข้าใกล้มากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเลกาซีในญี่ปุ่นเท่านั้น และในปีเดียวกัน เลกาซีรุ่นที่ 4 ในสหรัฐฯ ในรุ่น 2.5i ได้ผ่านมาตรฐานไอเสียบางตัวเป็นศูนย์ (Partial Zero-Emissions Vehicle;PZEV) ซึ่งแปลว่า ระบบเชื้อเพลิงออกแบบได้ดี ไม่มีการระเหยของเชื้อเพลิงหรือก๊าซต่างๆ ระหว่างกระบวนการเผาไหม้ ตั้งแต่ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ จนถึงก่อนจะออกจากท่อไอเสียไม่เกิดการรั่วซึมเลย ส่วนรุ่นอื่นๆ ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานไอเสียต่ำสหรัฐอเมริกาเฟสที่ 2 (Low-Emissions Vehicle;LEV) ซึ่งแปลว่าการเผาไหม้โดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์ ทำให้ปริมาณไอเสียโดยรวมทุกตัวออกมาต่ำ (ตามหลักเคมี หลังการเผาไหม้นั้น จะต้องได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ รถยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นัก จะทำให้เกิดก๊าซพิษปนออกมาพร้อมกับคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ และอื่นๆ ซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าตัว แต่รถที่ผ่าน LEV จะต้องมีกระบวนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ไอเสียมีก๊าซพิษปนออกมาในอัตราว่วนที่ต่ำ แต่มาตรฐาน LEV ไม่ใช่มาตรฐานประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างได รถที่ใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองมาก ถ้ามีก๊าซพิษปนออกมาในอัตราส่วนที่ต่ำ สามารถได้มาตรฐานนี้ได้)

slot

ซูบารุ เรกซ์

Subaru Rex รู้จักในชื่ออื่นคือ Ace, Viki, Sherpa, 500/600/700, Mini Jumbo หรือ M60/M70/M80 , Rex อยู่ในประเภท ไมโครคาร์ เริ่มสายการผลิตตั้งแต่ 1972 ถึง 1992 มีตลาดหลักใน ประเทศญี่ปุ่น. Subaru Rex คือรถที่อยู่ในระดับ ไมโครคาร์ ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Subaru R-2 และ Subaru Rex รุ่นที่ 2 ยังเป็นพื้นฐานสำหรับพัฒนารถยนต์รุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่านั่นคือ Subaru Justy.
Subaru Rex โมเดลแรก ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1972-1981 รู้จักในชื่ออื่นคือ Subaru 500/600 รูปแบบตัวถัง มี 3 แบบคือ ซีดาน,วากอน และ แฮ็ทแบ็ค รูปแบบเครื่องยนต์ 356 cc สอ จังหวะ EK34 , 358 cc EK21 , 490 cc EK22 , 544 cc EK23 ระบบส่งกำลัง 4-จังหวะ แมนนวล , 5-จังหวะ แมนนวล ออโต้คลัทช์ ในปี 1980-81 รูปแบบ เครื่องยนต์วางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดตัวถัง ความยาวรวม= 2,995 mm (117.9 in) ความกว้างโดยรวม= 1,295 mm (51.0 in) ความสูง= 1,255 mm (49.4 in) ระยะฐานล้อ= 1,920 mm (75.6 in) น้ำหนังรถเปล่า= 480 kg (1,060 lb)

jumbo jili

Subaru Rex โมเดลแรก ถูกเปิดตัวมาเพื่อแทนที่ Subaru R-2 ในวันที่ 15 กรกฎาคม 1972 และในเดือน กุมภาพันธ์ 1973 สี่ประตูซีดานถูกเพิ่มเข้ามา ส่วนสามประตู “แวน” ถูกเพิ่มเข้ามาในกุมภาพันธ์ 1974 Subaru Rex โมเดลนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ สองจังหวะ รุ่นเดิมที่ถูกติดตั้งอยู่ใน Subaru R-2 รหัส EK34 และในเดือนตุลาคมปี 1973 เครื่องยนต์สองจังหวะถูกแทนที่ด้วย เครื่องยนต์สี่จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ รหัส EK21 ในเดือน ตุลาคม 1973 ได้เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นใหม่ รหัส EK22 ในเดือนพฤษภาคม 1977 เครื่องยนต์ 550 cc รุ่นใหม่ รหัส EK23 ถูกเปิดตัวมาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับรถเล็กในประเทศญี่ปุ่น

สล็อต

โมเดลที่2
Subaru Rex โมเดลที่2
Subaru Rex โมเดลที่2 ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1981-1986 รู้จักในชื่ออื่นคือ Subaru 500/600 , Subaru Mini jumbo , Subaru Sherpa รูปแบบตัวถัง มีแบบเดียวคือ แฮ็ทแบ็ค รูปแบบเครื่องยนต์ 544 cc EK23 , 544 cc EK23-T , 665 cc EK42 รูปแบบ เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า
Subaru Rex โมเดลต่อมา ถูกเปิดตัว ในเดือน สิงหาคมปี 1981 ในโมเดลนี้ ซูบารุ ได้ทำการออกแบบใหม่ทั้งหมดเนื่องจากต้องเปลี่ยนมาใช้รูปแบบเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้าตามแบบ Subaru Leone และมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตามออกมาในเดือนตุลาคมปี 1983 ซึ้งใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ควบคุมด้วยสวิทซ์อิเล็คทรอนิคส์ แบบเดียวกันกับ Subaru Leone โมเดลที่ 2

สล็อตออนไลน์

ในตลาดยุโรป โมเดลนี้เดิมใช้ชื่อ Subaru 600 หรือ Sumaru Minijumbo ในเดือนกันยายน 1982 มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Subaru 700 พร้อมทั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่าเดิมคือเครื่อง 665 cc รหัส
Subaru Rex โมเดลนี้ ถูกใช้เป็นพื้นฐานสำหรับพัฒนา Subaru Justy อีกด้วย Subaru Rex โมเดลสุดท้าย ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1986 – 1992 รู้จักในชื่ออื่นคือ Subaru M60/M70/M80 , Subaru Mini jumbo , Subaru Sherpa , Subaru Fiori , Subaru Viki รูปแบบตัวถัง มีแบบเดียวคือ แฮ็ทแบ็ค รูปแบบเครื่องยนต์ 544 cc EK23 , 544 cc EK23 supercharged , 547 cc EN05A , 547 cc EN05Z supercharged , 658 cc EN07A/E , 658 cc EN07Z supercharged , 665 cc EK42 , 758 cc EN08 รูปแบบ เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

jumboslot

Subaru Rex โมเดลที่สามเปิดตัวในเดือน พฤศจิกายน ปี 1986 นอกจากในโมเดลนี้ทางซูบารุจะได้เพิ่มเครื่องยนต์รุ่นใหม่มาเยอะมาก ยังได้เพิ่มระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ”Twin Viscuous” และในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 1987 ก็ได้เพิ่มเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ 3 วาล์วต่อสูบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ตัวเดิม และในเดือน มิถุนายน ก็ได้เพิ่มเกียร์”CVT”ที่มีชื่อเรียกว่า “ECVT”
ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ

slot

ซูบารุ บีไฟฟ์ทีพีเอช

Subaru B5-TPH ถูกนำออกแสดงครั้งแรกที่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ในปี2005.และยังเป็นรถแนนคิดที่ออกแบบได้โดดเด่นที่สุดของซุบารุในปีนั้น ด้วย เคื่องยนต์บอกเซอร์ไฮบริดที่มาพร้อมกับเทอร์โบ ท่อไอเสียคู่ทรงสี่เหลี่ยม ฝาท้ายและไฟท้ายทรงแปลกตา และเสาบี(B-pillar)ที่ลาดยาว. เคื่องยนต์บอกเซอร์ไฮบริดพร้อมเทอร์โบขนาด2ลิตร มีพละกำลัง 256 แรงม้า(191 กิโลวัตต์) และแรงบิด 343 นิวตัน-เมตร ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 1 เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2535 และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าจริงๆในเดือนถัดมา มีตัวถังคูเป้ 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน 5 ประตู ระบบขับเคลื่อนมีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง 1.5 ,1.6 ,1.8 ,2.0 ,2.2 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

jumbo jili

โดยในช่วงแรกก็ได้มีการเปิดตัวรุ่น WRX ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกโมดิฟายให้แรงกว่าปกติ มีลูกค้าให้การตอบรับในระดับใช้ได้ และยังเคยถูกส่งไปแข่งขันเวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพจนคว้าแชมป์ในประเภทผู้ผลิตติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ชื่อ อิมเพรสซ่า นั้นถูกคิดค้นขึ้นมาแทนชื่อรุ่น ลีออน เพื่อแสดงถึงความใหม่สดทั้งเรื่องการออกแบบและวิศวกรรม ดีไซน์ภายนอกของรถได้รับอิทธิพลมาจากสรีระร่างของหงษ์ที่กำลังบิน แรกเริ่มเดิมที รถรุ่นนี้ถูกสร้างออกมาเพื่อเป็นรถบ้านใช้ง่ายขับสบาย แต่มีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งมีประโยชน์มากในหลายประเทศที่มีภูมิอากาศหลากหลายและสภาพถนนที่คาดเดาไม่ได้ หัวใจหลังของการสร้าง อิมเพรสซ่า อยู่ที่ความทนทาน ไม่จุกจิก ใช้แบบลืมๆได้เช่นเดียวกับ ฮอนด้า ซีวิค (ซึ่งหัวหน้าโครงการพัฒนารถรุ่นนี้บอกเองว่านั่นคือคู่แข่งที่เขากลัวที่สุด) คิดดูก็แล้วกันว่าในช่วงแรก ทีมผู้บริหารบางคนยังเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงเพื่อประหยัดต้นทุนลงด้วยซ้ำ แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกเขี่ยตกโต๊ะไปและยังมาพร้อมกับความคิดใหม่ที่ว่า “เออ นั่นสิ แล้วทำไมเราไม่สร้าง อิมเพรสซ่า รุ่นแรงๆออกมาซะเลยล่ะ?” จากเดิมที่จะมีแค่หงษ์บ้านไว้ให้พ่อบ้านแม่บ้านขับใช้งาน ก็กลายเป็นว่า มีหงษ์ติดหอยถือกำเนิดขึ้นในห้องโปรเจกต์ของ ซูบารุ ซึ่งในช่วงเวลานั้น มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน ยังเป็นวุ้นอยู่

สล็อต

พวกเขาจึงเล็งเทียบกับ นิสสัน พัลซ่าร์ GTi-R โดยมี นิสสัน สกายไลน์ GT-R R32 เป็นรถ Benchmark ในการปรับแต่งองค์ประกอบในการขับขี่ด้วย ช่วงล่างยกชุดแม็คเฟอร์สันสตรัทจาก เลกาซี มาใส่ แค่อาจมีช่วงล่าง บางจุดที่ต่างกัน แต่จุดยึดต่างๆเหมือนกัน..โช้คกับสปริงนั้นใส่กันได้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกเขามีเครื่องยนต์ EJ20G ที่ให้กำลังสูงสุด 220แรงม้า จาก เลกาซี RS อยู่แล้ว แค่นำเครื่องนั้นมาปรับแต่งเพิ่ม เปลี่ยนกลไกวาล์วจากแบบรองชิมเป็นแบบไฮดรอลิก และเปลี่ยนเทอร์โบเป็น TD04H พร้อมกับปรับช่วงล่างและระบบเบรกให้รองรับกับพลังที่เพิ่มมา WRX รุ่นแรกจึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับพลัง 240 แรงม้า ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมมากกว่าที่ทางผู้บริหารค่ายดาวลูกไก่คาดเอาไว้มาก ขนาดตัวรถที่เล็กและเบากว่า เลกาซี ก็เป็นคุณลักษณะอันดีเยี่ยมที่นำไปสานต่อให้กลายเป็นรถเวิลด์แรลลี่คาร์ได้ด้วย และโชคดีที่พวกเขาตัดสินใจไฟเขียวให้โครงการนี้ และพัฒนารถแข่งออกมาทันกับช่วงเวลาที่ มิตซูบิชิ เปลี่ยนรถแข่งของพวกเขาจาก กาแลนต์ VR-4 เป็น แลนเซอร์ อีโวลูชัน พอดี ส่วนเวอร์ชัน Production นั้น ทาง ซูบารุ ก็เอาไปวิ่งจับเวลาในสนามเนือร์บวร์คริง และได้ตัวเลข 8 นาที 28.93 วินาที ..มันอาจจะไม่ได้เร็วมากถ้าเทียบกับรถแรงสมัยนี้ แต่อย่าลืมว่าในปี 1992 นั้น บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม5/เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี500 ยังมีม้าแค่ 300 กว่าตัว ไม่ใช่ 550-560 ตัว อย่างสมัยนี้ และซูเปอร์คาร์อิตาเลียนอย่าง ลัมโบร์กีนี Diablo ยังมีม้าไม่ถึง 500 ตัว

สล็อตออนไลน์

นอกจากนี้ ยังมีตัวถัง Outback Sport เนื่องจากในช่วงนั้น เป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นนิยมรถเพื่อสันทนาการ (RV Recreation Vehicle) กันมาก แต่ในช่วงนั้นซูบารุยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะพัฒนารถ SUV และ MPV เพื่อต่อกรกับบรรดาคู่แข่งในตลาดที่ต่างก็มีรถ SUV และ MPV ทำตลาด เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า มิตซูบิชิ อีซูซุและซูซูกิ มีทั้งเวอร์ชันอเมริกา และญี่ปุ่น แต่ไม่เคยส่งมาทำตลาดในประเทศไทย โดยเวอร์ชันอเมริกาจะใช้ชื่อว่า Subaru Impreza Outback Sports เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ถือเป็นรถรุ่นปี 1995 และพอจะมีชาวอเมริกันหาซื้อไปใช้งานอยู่บ้าง ทำให้ซูบารุตัดสินใจทำเวอร์ชันญี่ปุ่นออกมาในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2538 ในชื่อ Subaru Impreza Sports Wagon GRAVEL EX แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจเลิกทำเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนโฉมสู่รุ่นที่ 2 ของอิมเพรสซ่าในปี พ.ศ. 2543

jumboslot

ในประเทศไทย บริษัท สยามซูบารุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสยามกลการเคยนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยนำเลกาซีรุ่น BC เข้ามาจำหน่ายในไทย แต่สามารถสร้างยอดขายได้แค่พอประมาณเท่านั้น หากไม่ทำอะไรแล้วซูบารุอาจจะต้องม้วนเสื่อกลับไปญี่ปุ่นอย่างที่เคยเป็นมาก่อน รุ่นที่นำเข้ามีตั้งแต่รุ่น 1.6 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า 90 แรงม้า ซีดาน 4 ประตู ราคา 695,000 บาท รุ่น 1.8 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ 103 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ และมีตัวถังซีดาน 4 ประตูและสปอร์ตวากอน 5 ประตู โดยราคาตัวถังซีดาน 4 ประตูอยู่ที่ 795,000 บาท และรุ่น WRX เทอร์โบ เครื่องยนต์ EJ20 ราคา 985,000 บาท อาจจะมองว่าไม่แพง แต่สมัยนั้น Accord รุ่นนำเข้าราคา 1.17 ล้าน ถึงแม้จะแรงและขับสนุก แต่ภายในก็ไม่ต่างจากรถบ้านธรรมดา ต่างจาก Accord ซึ่งเป็นรถราคาแพงกว่า แต่ไม่เน้นขับสนุกมากนัก อิมเพรสซ่าที่ถูกขายออกไปส่วนมากมักจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร พรีเซ็นเตอร์ในสมัยนั้นคือไตรภพ ลิมปพัทธ์ พิธีกรชื่อดังและเจ้าของบริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ทำให้ลูกค้าซูบารุทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ได้เซ็นใบจองเพื่อซื้อหาอิมเพรสซ่ามาขับขี่ ขายมาได้เรื่อยๆ เป็นตัวทำเงินให้กับซูบารุในไทยเรื่อยมา (ซึ่งปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับ Subaru XV ในปัจจุบันเช่นกัน) ภายหลังได้มีการไมเนอร์เชนจ์ตามตลาดออสเตรเลีย จะได้แรงม้าเพิ่มจาก 210 แรงม้าเป็น 218 แรงม้าด้วยอานิสงส์ของการปรับจูนเครื่องตามแบบ PHASE II พร้อมพวงมาลัย MOMO สี่ก้าน พร้อมติดตั้งถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้ามาด้วย ล้อ 16 นิ้ว และสปอยเลอร์แบบเตี้ย ในชื่อ Impreza Turb

slot

ซูบารุ บีไนน์สแกมเบลอร์

Subaru B9 Scrambler ออกแบบให้เป็นรถยนต์ คลาสสิคสปอร์ต เปิดประทุน ความยาว4.2เมตร 2ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอกเซอร์ไฮบริดขนาด2ลิตรมีพละกำลัง 140 แรงม้า (104 กิโลวัตต์) ตัวรถออกแบบโดยAndreas Zapatinas ถแนวคิดนี้นำมาแสดงครั้งแรกใน งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ปี 2003 ออกแบบโดยได้รับอิทธิพลจากอากาศยานของซูบารุ เห็นได้จากกระจังหน้าหน้าที่ปรากฏมีลักษณะเหมือนเรามองเครื่องบินจากด้านหน้า Subaru BRZ ชื่อ BRZ มาจาก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ B จาก Boxer engine , R จาก Rear-wheel drive และ Z จาก Zenith. Subaru พัฒนาเครื่องยนต์ FA20 โดยใช้เครื่องยนต์ FB20 เป็นพื้นฐานโดยทำการผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยี D-4S ของโตโยต้า ผลปรากฏว่าได้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเครื่องยนต์ตัวเดิมมาก และ เนื่องด้วยผลของการพัฒนาครั้งนี้ ทำให้กระบอกสูบของ FA20 มีขนาด 86×86 mm. โดยบังเอิญ การของแบบของ Subaru BRZ นั้นมีความแตกต่างจากการของแบบของรถคู่แฝดอย่าง Toyota 86 (GT86) และ Scion FR-S อยู่พอสมควร สังเกตได้จาก รายละเอียดของกันชนหน้า ช่องดักอากาศ โคมไฟหน้า ไฟเดย์ไลท์

jumbo jili

และช่องระบายอากาศที่แก้มข้างรถ. เวอร์ชันRA คือ เวอร์ชันที่ ปราศจากสิ่งอำนวนความสะดวกใดๆภายในรถ ไม่มีไฟเดย์ไลท์ ไม่มีไฟตัดหมอ กันขนหน้าและกันชนหลังใช้สีดำหรือสีเดียวกับตัวรถ ทำให้เวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันที่มีราคาต่ำที่สุด และ เป็นเวอร์ชันที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขายให้กับที่แข่ง หรือผู้ที่สนใจจะซื้อไปเพื่อทำการโมดิฟายสำหรับแข่ง. ในปี 2556 Subaru เปิดตัว BRZ tS สำหรับตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเวอร์ชันนี้มีการตกแต่งพิเศษโดย Subaru Tecnica International หรือ STI โดย เวอร์ชัน tS นี้จะมีการปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่ เปลี่ยนเพลาขับใหม่ ใช้ชุดเบรกของBrembo ชุดBody kit จากSTI ล้อ BBS สีเงินขอบ18 พวงมาลัย และ เบาะนั่งใหม่ ถ้าเป็น tS GT Package ก็จะได้เปลี่ยนเป็นล้อ BBS สีดำ เบาะนั่นจาก Recaro และสปอยเลอร์หลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ BRZ tS จะถูกจำกัดจำนวนไว้ที่ 500 คันเท่านั้นโดยในที่นี้จะเป็น tS GT Package ไม่เกิน 250 คัน.

สล็อต

RZ ของ Subaru ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เพิ่งจะได้รับการยกหน้าใหม่ไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว จากภาพของรถต้นแบบที่ถูกจับภาพไว้ได้ขณะกำลังวิ่งทดสอบอยู่ที่สนามนืร์บวร์กริง ประเทศเยอรมนี ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า BRZ ใหม่ จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ก้าวร้าวดุดันมากขึ้น รูปลักษณ์ที่ก้าวร้าวดุดันมากขึ้นของ BRZ ใหม่ เกิดจากการออกแบบชุดกันชนหน้าใหม่ และเทคโนโลยีของชุดไฟส่องสว่างด้านหน้าที่นำมาใช้ ขณะที่ไฟท้าย ฝากระโปรงหลัง และดีไซจ์นของแผงดิฟฟิวเซอร์หลัง Subaru BRZ มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยเช่นกัน ที่เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาให้ เข้ม แรงขึ้น ด้วย กันชนหน้าใหม่ พร้อมไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ LED ที่มีไฟ Day Time Running Light ภายในโคม รวมถึงไฟตัดหมอกแบบ LED ไฟท้ายใหม่แบบ LED และยังให้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลาย 10 ก้านใหม่ ภายในแต่งองค์ทรงเครื่องให้ทันสมัย น่าใช้ยิ่งขึ้น ด้วย มาตรวัดพร้อมจอแสดงผลข้อมูล ขนาด 4.2 นิ้ว บอกข้อมูลการทำงานอย่างชัดเจน พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นใหม่ 3 ก้าน ทรงสปอร์ต งานนี้ไม่ต้องใช้วิทยุ 2DIN ดีไซน์บ้านๆ อีกต่อไป

สล็อตออนไลน์

ติดตั้งเครื่องเล่นวิทยุพร้อมจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว ส่งเสียงเพลงผ่านลำโพง 6 ตัว รองรับ Bluetooth และ voice control เปเป็นออฟชั่นมาตรฐาน และการหุ้มหนังที่พวงมาลัยด้วยด้ายแดงบ่งบอกความร้อนแรง เฉียบคม
ซูบารุ อิมเพรสซ่า เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) ผลิตโดยซูบารุ เริ่มผลิตและเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2535 เพื่อแข่งขันกับรถยนต์ Compact Car ยอดนิยมของญี่ปุ่นและของโลก เช่น Toyota Corolla ,Nissan Sunny ,Honda Civic ,Mitsubishi Lancer และ Mazda Familia หรือ 323 เป็นต้น โดยเข้ามาทดแทนรถ Compact Car รุ่นเก่า ซูบารุ ลีออน และซูบารุยังส่งอิมเพรสซ่าไปแข่งขันในการแข่งขันเวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วยมีคู่แข่งในสมัยเดียวกัน เช่น แลนเซีย, มิตซูบิชิ, โตโยต้า, ฟอร์ด, นิสสัน, มาสด้า, ซีตรอง, และ เปอโยต์ จนคว้าแชมป์เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพในประเภทผู้ผลิตติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (พ.ศ. 2538-2540) และได้รับถ้วยรางวัลประดับสำนักงานใหญ่ย่านชินจูกุ กรุงโตเกียวหลายครั้งอีกด้วย

jumboslot

อิมเพรสซ่า ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของ Fuji Heavy Industry เพราะสามารถยกระดับตัวเองให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับสากลอย่างเต็มตัวตั้งแต่เริ่มทำรถรุ่นแรกอย่างซูบารุ 1500 หรือรถที่เริ่มวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์รุ่นแรกอย่างซูบารุ 360 ทีเดียว โดยในช่วงแรกมีให้เลือกทั้งตัวถังซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน (หรือสเตชันวากอน) 5 ประตู ถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าอิมเพรสซ่าเป็นเจเนอเรชั่นต่อมาของลีออน รถครอบครัวชื่อดัง แต่ด้วยขนาดที่ไล่เลี่ยกัน ทำให้หลายคนเข้าใจไขว้เขว และในช่วงแรกได้มีการแยกตัวถังซีดานมาโมดิฟายให้แรงกว่ารุ่นซีดานปกติ เรียกว่า WRX และถือเป็น Icon Model ทั้งในแง่ของการเป็นตัวแข่งที่ดี และตัวขายที่มีลูกค้าตอบรับในระดับใช้ได้ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ ปี พ.ศ. 2490 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นวัตรประชาธิปไตยเสรีนิยม การยึดครองญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี พ.ศ. 2499 และญี่ปุ่นได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2499 หลังสงคราม ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จนถูกประเทศจีนแซงในปี พ.ศ. 2553 แต่การเติบโตดังกล่าวหยุดในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 เมื่อญี่ปุ่นประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 การเติบโตทางบวกส่งสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 ประเทศญี่ปุ่นประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งยังส่งผลให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ

slot

ซูบารุ เอฟเอฟ-1

ซูบารุ เอฟเอฟ-1 (Subaru FF-1) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำตลาดแทนที่ ซูบารุ 1000 เปิดตัวในเดือนมีนาคมปี 1969 เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรรหัส EA52 ถูกถอดออกแล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.1 ลิตรรหัส EA61 ในปี 1970 ซูบารุเอฟเอฟ-1 ก็ถูกส่งออกไปขายยังประเทศสหรัฐอเมริกาในชื่อ เอฟเอฟ-1สตาร์ ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้น ตลาดรถยนต์ขนาดเล็กในญี่ปุ่นเริ่มดุเดือดยิ่งขึ้น เมื่อตลาดมีความต้องการเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากขึ้น ซูบารุจึงต้องนำเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาใส่ให้กับรถยนต์ของพวกเขา แล้วเปิดตัวออกมาในชื่อ เอฟเอฟ-1 1300 จี (FF-1 1300G)ซึ่งนับเป็นรุ่นสุดท้ายที่ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นตัวถังของ ซูบารุ 1000 และถูกส่งไปขายในประเทศสหรัฐอเมริการในปี 1971 ในชื่อ เอฟเอฟ-1 จี (FF-1G)

jumbo jili

อัลไซโอเน่ได้รับการออกแบบให้ลู่ลมที่สุดด้วยตัวรถที่มีรูปร่างแหลมคล้ายลิ่ม ใบปัดน้ำฝนหน้าถูกออกแบบให้ถูกซ่อนไว้หลังฝากระโปรงหน้ารถ มือเปิดประตูราบเรียบไปกับประตูรถไร้ส่วนนูนออกมา บริเวณชายกันชนหน้าถูกติดตั้งสปอยเลอร์ยาง ทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัลไซโอเน่กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ(drag coefficient หรือ Cd)ต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้นที่ 0.92 เท่านั้น และเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นคันแรกที่มีค่า Cd ต่ำกว่า 0.3 ด้วย เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะรุ่นอื่นๆ สำหรับการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่เครื่องยนต์นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงที่ผสมกับออโต้ลู้ปแล้วเท่านั้น ฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงจึงมีลักษณะคล้ายถ้วย ใช้ในการตวงออโต้ลู้ปสำหรับเติมลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ในปี 1964 ซูบารุได้เปิดตัวระบบ ซูบารุเมติก(Subaru matic) เป็นระบบที่จะทำการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากับออโต้ลู้ปอัตโนมัติ ก่อนที่จะจ่ายเข้าสู่เครื่องยนต์ โดยที่สามารถเติมออโต้ลู้ปได้ที่ถังออโต้ลูปที่แยกออกจากถังเชื้อเพลิงต่างหาก ไม่ต้องตวงลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไป

สล็อต

ในรุ่นแรกที่ผลิตออกมานั้น จะมีลักษณะเด่นด้วยเบาะแถวหน้าตอนยาว(ลักษณะคลายกับเบาะของรถกระบะบรรทุกตอนเดียว), แผงคอนโซลหน้าจะผลิตจากโลหะทั้งชิ้นและใช้ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 3 จังหวะอีกด้วย ส่วนในรุ่นที่ผลิตตามออกมาในภายหลังจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้ามา ในบางรุ่นย่อยจะติดตั้งช่องใส่สำภาระที่หลังเบาะนั่ง, กระจกข้างแถว2สามารถแง้มเปิดได้ในลักษณะคล้ายกระจกแค็ปของรถกระบะ, เปลี่ยนจากเบาะแถวยาวเป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ช่องสำหรับเก็บแผนที่, เกียร์ธรรมดาแบบ 4 จังหวะและสามารถเลือกติดตั้งเกีร์ธรรมดา 3 จังหวะแบบคลัตช์อัตโนมัติ(Autoclutch) ซึ่งในรุ่นคลัตช์อัตโนมัตินี้จะไม่มีการติดตั้งแป้นคลัตช์มาให้ คลัตช์จะถูกควบคุมการทำงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแทน นอกจากที่กล่าวมาแล้วนั้นเอกลักษณ์ที่สำคัญของ ซูบารุ 360 อีกข้อหนึ่งคือถังน้ำมันเชื้อเพลิงถูกติดตั้งไว้สูงกว่าเครื่องยนต์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ปั๊มเชื้อเพลิงแบบรถยนต์รุ่นอื่นๆ แต่อาศัยการไหลตามแรงโน้มถ่วงลงสู่ระบบจ่ายเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ต่อไป

สล็อตออนไลน์

ประสิทธิภาพ ในiรุ่นที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 3จังหวะนั้น สามารถทำความเร็วูงสุดได้ถึง 60 ไมล์ต่อชัวโมง หรือ ประมาณ 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยน้ำหนักตัวประมาณ 450 กิโลกรัม ส่งผลให้ ซูบารุ 360 ได้รับการยกเว้นจากการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา รายงานผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาบันทึกไว้ว่า ซูบารุ 360 สามารถทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ที่ประมาณ 37 วินาที และอัตราการบริโภคที่ประมาณ 25-35 ไมล์ ต่อ แกลลอน หรือ ประมาณ 11-15 กิโลเมตร ต่อ ลิตร เครื่องยนต์ EK31 รุ่นแรก มีกำลังเพียง 16 แรงม้าเท่านั้น ส่วนในรุ่นสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์ EK32 มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 25 แรงม้า และ 36 แรงม้าในรุ่นสุดท้ายของสายการผลิต ในรุ่นส่งออกนั้น ซูบารุได้ติดตั้งเครื่องยนต์ EK51 เพื่อแทนที่เครื่องยนต์ EK31 เดิม ทำให้ได้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 23 แรงม้าอีกด้วย

jumboslot

ซูบารุ 360 ถูกผลิตออกมาหลาหหลายรูปแบบตัวถัง ไม่ว่าจะเป็น 2 ประตู สเตชั่นวาก่อน (ซูบารุเรียกตัวถังสเตชั่นวาก่อนว่า คัสต้อม), ตัวถัง 2 ประตู เปิดประทุน, และตัวถัง 2 ประตู ซีดาน ที่ใช้เป็นพื้นฐานให้ต่อยอดไปเป็นรุ่นสปอร์ทที่ถูกผลิตออกมาถึง2รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกคือ ซูบารุ ยัง เอส (Young S) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงขึ้นเล็กน้อย ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงนี้ว่า EK32F และยังใช้เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะแทนเกียร์ 3 จังหวะเดิมอีกด้วย ภายในห้องโดยสารได้มีการเปลี่ยนจากเบาะเดี่ยวตอนยาวมาใช้เป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารแทน ส่วนภายนอกนั้น หลังคาได้มีการคาดแถบสีขาวเข้าไปและทำเป็นร่องบุ๋มไว้สำหรับใส่กระดานโต้คลื่นอีกด้ว รุ่นต่อมาคือ ซูบารุ ยัง เอสเอส (Young SS) ในภาพรวมของ ยังเอสเอส นั้นมีความคล้ายคลึงกับ ยังเอส เพียงแต่ซูบารุทำการปรับปรุงเครื่องยนต์อีกครั้ง โดยการเปลี่ยนมาใช้กระบอกสูบชุบแข็ง และคาร์บูเรเตอร์คู่รุ่นBS32จาก มิคูนิ โซเลกซ์(Mikuni-Solex) ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงใหม่นี้ว่า EK32S ผลจากการปรับปรุงในครั้งนี้ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงถึง 36 แรงม้า (หรือประมาณ 27 กิโลวัตต์) ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อปริมาตรเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้าต่อลิตร ในปี 1961 ซูบารุได้ผลิตรถตู้และรถบรรทุกเล็ก ที่มีชื่อว่า ซูบารุแซ็มบ้า โดยซูบารุได้นำเครื่องยนต์ของ ซูบารุ 360 มาใช้ในรถตู้และรถบรรทุกใหม่นี้ด้วย จากขนาดตัวรถที่กระทัดรัด สามารถขับไปในตรอกซอกซอยที่มีขนาดเล็กได้ดี และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ส่งผลให้รถบรรทุกเล็กนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนในรุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออกนั้นรู้จักในชื่อ ซูบารุ 450 ชื่อใหม่นี้มาจากการที่ซูบารุเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก EK31 เดิม มาใช้เครื่องยนต์ EK51 ซึ่งมีขนาด 423cc แทน ในบางประเทศรู้จัก ซูบารุ 450 ในชื่อ ซูบารุ ไมอา(Subaru Maia)

slot

ซูบารุ อัลไซโอเน่

ข้อมูลรถยนต์ ซูบารุ อัลไซโอเน่
ซูบารุ อัลไซโอเน่เปิดตัวครั้งแรกเดือนมกราคมปี 1985 ในงานดีทรอยต์โชว์โดยใช้ชื้อซูบารุ เอกซ์ทีสำหรับตลาดอเมริกา ก่อนจะเปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน และในเดือนพฤศจิกายนได้เพิ่มเครื่องยนต์ 6 สูบรุ่นใหม่ขนาด 2.7ลิตร ในอเมริกาใช้ชื่อว่าซูบารุ เอกซ์ที 6 และ อัลไซโอเน่ วีเอกซ์ ชื่ออัลไซโอเน่มาจากชื่อของดาวดวงที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวลูกไก่

jumbo jili

อัลไซโอเน่ได้รับการออกแบบให้ลู่ลมที่สุดด้วยตัวรถที่มีรูปร่างแหลมคล้ายลิ่ม ใบปัดน้ำฝนหน้าถูกออกแบบให้ถูกซ่อนไว้หลังฝากระโปรงหน้ารถ มือเปิดประตูราบเรียบไปกับประตูรถไร้ส่วนนูนออกมา บริเวณชายกันชนหน้าถูกติดตั้งสปอยเลอร์ยาง ทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัลไซโอเน่กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ(drag coefficient หรือ Cd)ต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้นที่ 0.92 เท่านั้น และเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นคันแรกที่มีค่า Cd ต่ำกว่า 0.3 ด้วย เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะรุ่นอื่นๆ สำหรับการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่เครื่องยนต์นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงที่ผสมกับออโต้ลู้ปแล้วเท่านั้น ฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงจึงมีลักษณะคล้ายถ้วย ใช้ในการตวงออโต้ลู้ปสำหรับเติมลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ในปี 1964 ซูบารุได้เปิดตัวระบบ ซูบารุเมติก(Subaru matic) เป็นระบบที่จะทำการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากับออโต้ลู้ปอัตโนมัติ ก่อนที่จะจ่ายเข้าสู่เครื่องยนต์ โดยที่สามารถเติมออโต้ลู้ปได้ที่ถังออโต้ลูปที่แยกออกจากถังเชื้อเพลิงต่างหาก ไม่ต้องตวงลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไป

สล็อต

ในรุ่นแรกที่ผลิตออกมานั้น จะมีลักษณะเด่นด้วยเบาะแถวหน้าตอนยาว(ลักษณะคลายกับเบาะของรถกระบะบรรทุกตอนเดียว), แผงคอนโซลหน้าจะผลิตจากโลหะทั้งชิ้นและใช้ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 3 จังหวะอีกด้วย ส่วนในรุ่นที่ผลิตตามออกมาในภายหลังจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้ามา ในบางรุ่นย่อยจะติดตั้งช่องใส่สำภาระที่หลังเบาะนั่ง, กระจกข้างแถว2สามารถแง้มเปิดได้ในลักษณะคล้ายกระจกแค็ปของรถกระบะ, เปลี่ยนจากเบาะแถวยาวเป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ช่องสำหรับเก็บแผนที่, เกียร์ธรรมดาแบบ 4 จังหวะและสามารถเลือกติดตั้งเกีร์ธรรมดา 3 จังหวะแบบคลัตช์อัตโนมัติ(Autoclutch) ซึ่งในรุ่นคลัตช์อัตโนมัตินี้จะไม่มีการติดตั้งแป้นคลัตช์มาให้ คลัตช์จะถูกควบคุมการทำงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแทน นอกจากที่กล่าวมาแล้วนั้นเอกลักษณ์ที่สำคัญของ ซูบารุ 360 อีกข้อหนึ่งคือถังน้ำมันเชื้อเพลิงถูกติดตั้งไว้สูงกว่าเครื่องยนต์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ปั๊มเชื้อเพลิงแบบรถยนต์รุ่นอื่นๆ แต่อาศัยการไหลตามแรงโน้มถ่วงลงสู่ระบบจ่ายเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ต่อไป

สล็อตออนไลน์

ประสิทธิภาพ ในiรุ่นที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 3จังหวะนั้น สามารถทำความเร็วูงสุดได้ถึง 60 ไมล์ต่อชัวโมง หรือ ประมาณ 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยน้ำหนักตัวประมาณ 450 กิโลกรัม ส่งผลให้ ซูบารุ 360 ได้รับการยกเว้นจากการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา รายงานผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาบันทึกไว้ว่า ซูบารุ 360 สามารถทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ที่ประมาณ 37 วินาที และอัตราการบริโภคที่ประมาณ 25-35 ไมล์ ต่อ แกลลอน หรือ ประมาณ 11-15 กิโลเมตร ต่อ ลิตร เครื่องยนต์ EK31 รุ่นแรก มีกำลังเพียง 16 แรงม้าเท่านั้น ส่วนในรุ่นสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์ EK32 มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 25 แรงม้า และ 36 แรงม้าในรุ่นสุดท้ายของสายการผลิต ในรุ่นส่งออกนั้น ซูบารุได้ติดตั้งเครื่องยนต์ EK51 เพื่อแทนที่เครื่องยนต์ EK31 เดิม ทำให้ได้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 23 แรงม้าอีกด้วย

jumboslot

ซูบารุ 360 ถูกผลิตออกมาหลาหหลายรูปแบบตัวถัง ไม่ว่าจะเป็น 2 ประตู สเตชั่นวาก่อน (ซูบารุเรียกตัวถังสเตชั่นวาก่อนว่า คัสต้อม), ตัวถัง 2 ประตู เปิดประทุน, และตัวถัง 2 ประตู ซีดาน ที่ใช้เป็นพื้นฐานให้ต่อยอดไปเป็นรุ่นสปอร์ทที่ถูกผลิตออกมาถึง2รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกคือ ซูบารุ ยัง เอส (Young S) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงขึ้นเล็กน้อย ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงนี้ว่า EK32F และยังใช้เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะแทนเกียร์ 3 จังหวะเดิมอีกด้วย ภายในห้องโดยสารได้มีการเปลี่ยนจากเบาะเดี่ยวตอนยาวมาใช้เป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารแทน ส่วนภายนอกนั้น หลังคาได้มีการคาดแถบสีขาวเข้าไปและทำเป็นร่องบุ๋มไว้สำหรับใส่กระดานโต้คลื่นอีกด้ว รุ่นต่อมาคือ ซูบารุ ยัง เอสเอส (Young SS) ในภาพรวมของ ยังเอสเอส นั้นมีความคล้ายคลึงกับ ยังเอส เพียงแต่ซูบารุทำการปรับปรุงเครื่องยนต์อีกครั้ง โดยการเปลี่ยนมาใช้กระบอกสูบชุบแข็ง และคาร์บูเรเตอร์คู่รุ่นBS32จาก มิคูนิ โซเลกซ์(Mikuni-Solex) ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงใหม่นี้ว่า EK32S ผลจากการปรับปรุงในครั้งนี้ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงถึง 36 แรงม้า (หรือประมาณ 27 กิโลวัตต์) ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อปริมาตรเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้าต่อลิตร ในปี 1961 ซูบารุได้ผลิตรถตู้และรถบรรทุกเล็ก ที่มีชื่อว่า ซูบารุแซ็มบ้า โดยซูบารุได้นำเครื่องยนต์ของ ซูบารุ 360 มาใช้ในรถตู้และรถบรรทุกใหม่นี้ด้วย จากขนาดตัวรถที่กระทัดรัด สามารถขับไปในตรอกซอกซอยที่มีขนาดเล็กได้ดี และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ส่งผลให้รถบรรทุกเล็กนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนในรุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออกนั้นรู้จักในชื่อ ซูบารุ 450 ชื่อใหม่นี้มาจากการที่ซูบารุเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก EK31 เดิม มาใช้เครื่องยนต์ EK51 ซึ่งมีขนาด 423cc แทน ในบางประเทศรู้จัก ซูบารุ 450 ในชื่อ ซูบารุ ไมอา(Subaru Maia)

slot

Subaru BRZ

Subaru BRZ ชื่อ BRZ มาจาก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ B จาก Boxer engine , R จาก Rear-wheel drive และ Z จาก Zenith. Subaru พัฒนาเครื่องยนต์ FA20 โดยใช้เครื่องยนต์ FB20 เป็นพื้นฐานโดยทำการผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยี D-4S ของโตโยต้า ผลปรากฏว่าได้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเครื่องยนต์ตัวเดิมมาก และ เนื่องด้วยผลของการพัฒนาครั้งนี้ ทำให้กระบอกสูบของ FA20 มีขนาด 86×86 mm. โดยบังเอิญ การของแบบของ Subaru BRZ นั้นมีความแตกต่างจากการของแบบของรถคู่แฝดอย่าง Toyota 86 (GT86) และ Scion FR-S อยู่พอสมควร สังเกตได้จาก รายละเอียดของกันชนหน้า ช่องดักอากาศ โคมไฟหน้า ไฟเดย์ไลท์ และช่องระบายอากาศที่แก้มข้างรถ. เวอร์ชันRA คือ เวอร์ชันที่ ปราศจากสิ่งอำนวนความสะดวกใดๆภายในรถ ไม่มีไฟเดย์ไลท์ ไม่มีไฟตัดหมอ กันขนหน้าและกันชนหลังใช้สีดำหรือสีเดียวกับตัวรถ ทำให้เวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันที่มีราคาต่ำที่สุด และ เป็นเวอร์ชันที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขายให้กับที่แข่ง หรือผู้ที่สนใจจะซื้อไปเพื่อทำการโมดิฟายสำหรับแข่ง. ในปี 2556 Subaru เปิดตัว BRZ tS สำหรับตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเวอร์ชันนี้มีการตกแต่งพิเศษโดย Subaru Tecnica International หรือ STI โดย เวอร์ชัน tS นี้จะมีการปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่ เปลี่ยนเพลาขับใหม่ ใช้ชุดเบรกของBrembo ชุดBody kit จากSTI ล้อ BBS สีเงินขอบ18 พวงมาลัย และ เบาะนั่งใหม่ ถ้าเป็น tS GT Package ก็จะได้เปลี่ยนเป็นล้อ BBS สีดำ เบาะนั่นจาก Recaro และสปอยเลอร์หลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ BRZ tS จะถูกจำกัดจำนวนไว้ที่ 500 คันเท่านั้นโดยในที่นี้จะเป็น tS GT Package ไม่เกิน 250 คัน.

jumbo jili

Subaru BRZ (2017 ปรับโฉม) BRZ ของ Subaru ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เพิ่งจะได้รับการยกหน้าใหม่ไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว จากภาพของรถต้นแบบที่ถูกจับภาพไว้ได้ขณะกำลังวิ่งทดสอบอยู่ที่สนามนืร์บวร์กริง ประเทศเยอรมนี ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า BRZ ใหม่ จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ก้าวร้าวดุดันมากขึ้น รูปลักษณ์ที่ก้าวร้าวดุดันมากขึ้นของ BRZ ใหม่ เกิดจากการออกแบบชุดกันชนหน้าใหม่ และเทคโนโลยีของชุดไฟส่องสว่างด้านหน้าที่นำมาใช้ ขณะที่ไฟท้าย ฝากระโปรงหลัง และดีไซจ์นของแผงดิฟฟิวเซอร์หลัง Subaru BRZ มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยเช่นกัน ที่เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาให้ เข้ม แรงขึ้น ด้วย กันชนหน้าใหม่ พร้อมไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ LED ที่มีไฟ Day Time Running Light ภายในโคม รวมถึงไฟตัดหมอกแบบ LED ไฟท้ายใหม่แบบ LED และยังให้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลาย 10 ก้านใหม่ ภายในแต่งองค์ทรงเครื่องให้ทันสมัย น่าใช้ยิ่งขึ้น ด้วย มาตรวัดพร้อมจอแสดงผลข้อมูล ขนาด 4.2 นิ้ว บอกข้อมูลการทำงานอย่างชัดเจน พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นใหม่ 3 ก้าน ทรงสปอร์ต งานนี้ไม่ต้องใช้วิทยุ 2DIN ดีไซน์บ้านๆ อีกต่อไป ติดตั้งเครื่องเล่นวิทยุพร้อมจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว ส่งเสียงเพลงผ่านลำโพง 6 ตัว รองรับ Bluetooth และ voice control เปเป็นออฟชั่นมาตรฐาน และการหุ้มหนังที่พวงมาลัยด้วยด้ายแดงบ่งบอกความร้อนแรง เฉียบคม

สล็อต

หมวดหมู่ Use dmy dates from July 2013รถซูบารุตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงปี ค.ศ. 1868 ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองด้วยระบบทหารเจ้าขุนมูลนายโชกุนซึ่งปกครองในพระปรมาภิไธยจักรพรรดิ ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ระยะแยกอยู่โดดเดี่ยวอันยาวนานในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งยุติในปี ค.ศ. 1853 เมื่อกองเรือสหรัฐบังคับให้ประเทศญี่ปุ่นเปิดต่อโลกตะวันตก หลังความขัดแย้งและการก่อการกำเริบภายในเกือบสองทศวรรษ ราชสำนักจักรวรรดิได้อำนาจทางการเมืองคืนในปี ค.ศ. 1868 ผ่านการช่วยเหลือของหลายตระกูลจากโชชูและซัตสึมะ และมีการสถาปนาจักรวรรดิญี่ปุ่น ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชัยในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ประเทศญี่ปุ่นขยายจักรวรรดิระหว่างสมัยแสนยนิยมเพิ่มขึ้น สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองปี พ.ศ. 2480 ขยายเป็นบางส่วนของสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2484 ซึ่งยุติในปี พ.ศ. 2488 นับแต่การลงมติเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับบทวนวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 ระหว่างการยึดครองของผู้บังคับบัญชาสูงสุดสำหรับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศญี่ปุ่นธำรงระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาและราชาธิปไตยภายใต้รัฐรรมนูญ โดยมีจักรพรรดิเป็นประมุขแห่งรัฐและสภานิติบัญญัติจากการเลือกตั้ง เรียก สภานิติบัญญัติแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นเป็นสมาชิกสหประชาชาติ OECD จี7 จี8 และจี20 และถือเป็นมหาอำนาจ มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกตามจีดีพีราคาตลาด และ

สล็อตออนไลน์

อันดับ 4 ของโลกตามความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ และยังเป็นผู้ส่งออกและนำเข้ารายใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลกด้วย ประเทศญี่ปุ่นมีกำลังแรงงานทักษะสูงและถือเป็นประเทศที่มีการศึกษาสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก โดยมีร้อยละของพลเมืองมีวุฒิการศึกษาขั้นตติยภูมิ (tertiary education) สูงสุดประเทศหนึ่งของโลก แม้ประเทศญี่ปุ่นสละสิทธิประกาศสงคราม แต่ยังมีกองทหารสมัยใหม่และมีงบกองทัพมากเป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งใช้สำหรับบทบาทป้องกันตนเองและรักษาสันติภาพ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีมาตรฐานการครองชีพและดัชนีการพัฒนามนุษย์สูง ประชากรมีความคาดหมายคงชีพสูงสุดและมีอัตราการเสียชีวิตทารกต่ำสุดอันดับ 3 ในโลก ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องภาพยนตร์ที่เก่าแก่และกว้างขวาง อาหารหลากชนิดและการเข้ามีส่วนร่วมสำคัญในวิทยาศาสในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ

jumboslot

ปี พ.ศ. 2490 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นวัตรประชาธิปไตยเสรีนิยม การยึดครองญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี พ.ศ. 2499 และญี่ปุ่นได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2499 หลังสงคราม ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จนถูกประเทศจีนแซงในปี พ.ศ. 2553 แต่การเติบโตดังกล่าวหยุดในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 เมื่อญี่ปุ่นประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 การเติบโตทางบวกส่งสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 ประเทศญี่ปุ่นประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งยังส่งผลให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ

slot

ซูบารุ 360

ซูบารุ 360 เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ผลิตโดยซูบารุ เริ่มสายการผลิตในปี 1958 จนถึงปี 1971 โดยตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ ซูบารุ360 อยู่ในสายการผลิต ซูบารุสามารถผลิตออกมาได้มากถึง 392,000 คัน ชื่อรุ่น “360” นั้นมาจากขนาดเครื่องยนต์ คือ 356cc จากขนาดตัวรถที่เล็ก, น้ำหนักรวมประมาณ450กิโลกรัม, ตัวถังแบบโมโนคอก(Monocoque), ระบบกันสะเทือนหลังแบบกึ่งอิสระสวิงแอ๊กเซิ่ล(Swing Axle), หลังคาผลิตจากไฟเบอร์กลาสและเป็นรถราคาไม่แพง ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของเคย์คาร์(Kei car)ที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดขึ้นมา เพราะต้องการที่จะผลักดันรถขนาดเล็กราคาประหยัดให้เป็นรถยนต์แห่งชาติ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนหลังเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังมีความต้องการใช้รถยนต์อยู่ในขณะนั้น

jumbo jili

ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ซูบารุ 360 มีชื่อเล่นว่า เลดี้บัก(Ladybug) ที่แปลว่าแมลงเต่าทอง ซูบารุ 360 ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ญี่ปุ่นที่ขายดีที่สุด ถึงแม้จะมีเพียงแค่เจเนอร์เรชั่นเดียวก็ตาม นาย มัลคอม บริคลิน ได้น้ำเข้ารถยนต์ ซูบารุ 360 จำนวน 10,000 คัน ไปจำหน่ายใน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ข้อความโฆษณาว่า “ถูกและขี้เหร่”. ซูบารุ 360 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 356cc 2 จังหวะ 2 สูบเรียง โดยถูกจัดวางไว้ที่บริเวณด้านท้ายของตัวรถ ในแนวขวางกับตัวรถ และถูกเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 3 มีนาคม ปี 1958

สล็อต

เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะรุ่นอื่นๆ สำหรับการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่เครื่องยนต์นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงที่ผสมกับออโต้ลู้ปแล้วเท่านั้น ฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงจึงมีลักษณะคล้ายถ้วย ใช้ในการตวงออโต้ลู้ปสำหรับเติมลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ในปี 1964 ซูบารุได้เปิดตัวระบบ ซูบารุเมติก(Subaru matic) เป็นระบบที่จะทำการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากับออโต้ลู้ปอัตโนมัติ ก่อนที่จะจ่ายเข้าสู่เครื่องยนต์ โดยที่สามารถเติมออโต้ลู้ปได้ที่ถังออโต้ลูปที่แยกออกจากถังเชื้อเพลิงต่างหาก ไม่ต้องตวงลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไป ในรุ่นแรกที่ผลิตออกมานั้น จะมีลักษณะเด่นด้วยเบาะแถวหน้าตอนยาว(ลักษณะคลายกับเบาะของรถกระบะบรรทุกตอนเดียว), แผงคอนโซลหน้าจะผลิตจากโลหะทั้งชิ้นและใช้ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 3 จังหวะอีกด้วย ส่วนในรุ่นที่ผลิตตามออกมาในภายหลังจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้ามา ในบางรุ่นย่อยจะติดตั้งช่องใส่สำภาระที่หลังเบาะนั่ง, กระจกข้างแถว2สามารถแง้มเปิดได้ในลักษณะคล้ายกระจกแค็ปของรถกระบะ, เปลี่ยนจากเบาะแถวยาวเป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ช่องสำหรับเก็บแผนที่, เกียร์ธรรมดาแบบ 4 จังหวะและสามารถเลือกติดตั้งเกีร์ธรรมดา 3 จังหวะแบบคลัตช์อัตโนมัติ(Autoclutch) ซึ่งในรุ่นคลัตช์อัตโนมัตินี้จะไม่มีการติดตั้งแป้นคลัตช์มาให้ คลัตช์จะถูกควบคุมการทำงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแทน นอกจากที่กล่าวมาแล้วนั้นเอกลักษณ์ที่สำคัญของ ซูบารุ 360 อีกข้อหนึ่งคือถังน้ำมันเชื้อเพลิงถูกติดตั้งไว้สูงกว่าเครื่องยนต์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ปั๊มเชื้อเพลิงแบบรถยนต์รุ่นอื่นๆ แต่อาศัยการไหลตามแรงโน้มถ่วงลงสู่ระบบจ่ายเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ต่อไป

สล็อตออนไลน์

ในiรุ่นที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 3จังหวะนั้น สามารถทำความเร็วูงสุดได้ถึง 60 ไมล์ต่อชัวโมง หรือ ประมาณ 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยน้ำหนักตัวประมาณ 450 กิโลกรัม ส่งผลให้ ซูบารุ 360 ได้รับการยกเว้นจากการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา รายงานผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาบันทึกไว้ว่า ซูบารุ 360 สามารถทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ที่ประมาณ 37 วินาที และอัตราการบริโภคที่ประมาณ 25-35 ไมล์ ต่อ แกลลอน หรือ ประมาณ 11-15 กิโลเมตร ต่อ ลิตร เครื่องยนต์ EK31 รุ่นแรก มีกำลังเพียง 16 แรงม้าเท่านั้น ส่วนในรุ่นสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์ EK32 มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 25 แรงม้า และ 36 แรงม้าในรุ่นสุดท้ายของสายการผลิต ในรุ่นส่งออกนั้น ซูบารุได้ติดตั้งเครื่องยนต์ EK51 เพื่อแทนที่เครื่องยนต์ EK31 เดิม ทำให้ได้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 23 แรงม้าอีกด้วย

jumboslot

ซูบารุ 360 ถูกผลิตออกมาหลาหหลายรูปแบบตัวถัง ไม่ว่าจะเป็น 2 ประตู สเตชั่นวาก่อน (ซูบารุเรียกตัวถังสเตชั่นวาก่อนว่า คัสต้อม), ตัวถัง 2 ประตู เปิดประทุน, และตัวถัง 2 ประตู ซีดาน ที่ใช้เป็นพื้นฐานให้ต่อยอดไปเป็นรุ่นสปอร์ทที่ถูกผลิตออกมาถึง2รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกคือ ซูบารุ ยัง เอส (Young S) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงขึ้นเล็กน้อย ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงนี้ว่า EK32F และยังใช้เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะแทนเกียร์ 3 จังหวะเดิมอีกด้วย ภายในห้องโดยสารได้มีการเปลี่ยนจากเบาะเดี่ยวตอนยาวมาใช้เป็นเบาะแยกสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารแทน ส่วนภายนอกนั้น หลังคาได้มีการคาดแถบสีขาวเข้าไปและทำเป็นร่องบุ๋มไว้สำหรับใส่กระดานโต้คลื่นอีกด้ว รุ่นต่อมาคือ ซูบารุ ยัง เอสเอส (Young SS) ในภาพรวมของ ยังเอสเอส นั้นมีความคล้ายคลึงกับ ยังเอส เพียงแต่ซูบารุทำการปรับปรุงเครื่องยนต์อีกครั้ง โดยการเปลี่ยนมาใช้กระบอกสูบชุบแข็ง และคาร์บูเรเตอร์คู่รุ่นBS32จาก มิคูนิ โซเลกซ์(Mikuni-Solex) ซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับปรุงใหม่นี้ว่า EK32S ผลจากการปรับปรุงในครั้งนี้ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงม้าสูงถึง 36 แรงม้า (หรือประมาณ 27 กิโลวัตต์) ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อปริมาตรเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้าต่อลิตร ในปี 1961 ซูบารุได้ผลิตรถตู้และรถบรรทุกเล็ก ที่มีชื่อว่า ซูบารุแซ็มบ้า โดยซูบารุได้นำเครื่องยนต์ของ ซูบารุ 360 มาใช้ในรถตู้และรถบรรทุกใหม่นี้ด้วย จากขนาดตัวรถที่กระทัดรัด สามารถขับไปในตรอกซอกซอยที่มีขนาดเล็กได้ดี และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ส่งผลให้รถบรรทุกเล็กนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนในรุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออกนั้นรู้จักในชื่อ ซูบารุ 450 ชื่อใหม่นี้มาจากการที่ซูบารุเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก EK31 เดิม มาใช้เครื่องยนต์ EK51 ซึ่งมีขนาด 423cc แทน ในบางประเทศรู้จัก ซูบารุ 450 ในชื่อ ซูบารุ ไมอา(Subaru Maia)

slot

ซูบารุ 1000

ซูบารุ 1000 เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกที่ผลิตโดย ซูบารุ, และยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกของซูบารุ ที่ได้ใช้เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์อีกด้วย.ในปี 1960 ซูบารุ มีความต้องการที่จะสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซูบารุ 1500 พวกเขาจึงได้พัฒนารถยนต์ขึ้นมาหนึ่งรุ่นภายใต้รหัสโครงการ A-5 รถยนต์ต้นแบบระหว่างการพัฒนานั้นเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์(Boxer engine) 4จังหวะ 4สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 1500cc ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบปีกนกคู่ จากทรัพยากรณ์ที่มีจำกัดของ FHI ซูบารุจึงต้องยุติโครงการไว้เพียงเท่านั้น ในช่วงที่ ซูบารุ 360 ถูกวางจำหน่ายอยู่นั้น ซูบารุเองต้องการรถที่นั่งสบายกว่า คันใหญ่กว่า และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้4คนโดยไม่รู้สึกคับแคบ ซึ่งดูเหมือนว่าโตโยต้า โคโรลล่า, นิสสัน ซันนี, มาสด้า แฟมิเลีย, ฮีโน่ คอนเตซซ่า, อิซูสุ เบลเลตต์, และ มิตซูบิชิ โคลต์ 1000 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ซูบารุ 360 นอกจากจะต้องการรถยนต์ที่คันใหญ่ขึ้นนั่งสะบายขึ้นแล้วนั้น ซูบารุยังต้องการที่จะลดเสียงรบกวนและเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยการย้ายเครื่องยนต์มาไว้ด้านหน้าของตัวรถและเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแทนระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบเดิม รวมทั้งเปลี่ยนมาใช้ระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้ง4ล้อ ณ ขณะนั้นรถยนต์ญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ วางไว้บริเวณด้านหน้าของตัวรถและใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้านั้น มีเพียงแค่ โตโยต้า พับบลิก้า ที่ใช้เครื่องยนต์ ตระกูล U เท่านั้น

jumbo jili

ในปี 1963 ซูบารุได้พยามยามที่จะเริ่มต้นโครงการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่อีกครั้ง ภายใต้รหัสโครงการ A-4 ด้วยความยาวตัวถัง 3,885 mm (153.0 in), ความยาวฐานล้อ of 2,400 mm (94 in), ความกว้างฐานล้อหน้า 1,230 mm (48 in), ความกว้างฐานล้อหลัง 1,220 mm (48 in), น้ำหนักรวม 500 kg (1,100 lb) จากขนาดของตัวรถ A-4 จึงถูกจัดไว้ในรถขนาดเล็ก. เพื่อที่จะลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ ทั้งยังต้องการที่จะให้เครื่องยนต์มีขนาดเล็กลงอีกด้วย รถยนต์ต้นแบบ A-4 จึงถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ขนาด 923cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ แทนที่เครื่องยนต์ 1500cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ถูกติดตั้งในรถต้นแบบ A-5 รถยนต์ต้นแบบถูกทดลองผลิตออกมาทันทีในรหัสสายการผลิต A-63 และถูกเปิดตัวในชื่อ ซูบารุ 1000

สล็อต

ซูบารุ 1000 สเตชัน วาก้อน
ในวันที่ 21 ตุลาคม ปี 1965 ซูบารุได้ทำการเปิดตัว ซูบารุ 1000 ครั้งแรกที่ โรงแรม ฮิลตัน โฮเตล โตเกียว(Hilton Hotel Tokyo) ในปัจจุบันรู้จักในชื่อ โฮเตล โตคิว แคปปิตอล(Hotel Tokyu Capitol) ในวันที่ 29 ตุลาคม หลังจากเปิดตัวได้ 8 วัน ซูบารุได้นำ ซูบารุ 1000 ไปแสดงที่งาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่12 (12th Tokyo Motor Show) แต่กว่าที่จะเปิดจำหน่ายก็เป็นเวลากว่า 1 ปีหลังจากงานเปิดตัว ซูบารุเริ่มจำหน่าย ซูบารุ 1000 ในวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1966 บารุ 1000 ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากรถยนต์ส่วนใหญ่ทีมีจำหน่ายในขณะนั้น ด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 4 สูบ โอเวอร์เฮดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ วิศวกรของซูบารุได้เริ่มจากการศึกษาเครื่องยนต์ของ พอร์เช่, ดีเคดับบลิว และ เชฟโรเลต คอร์แว วิศวกรของซูบารุมีความเห็นว่าควรจะนำเครื่องยนต์ชนิดนี้มาจับคู่กับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ปัญหาหลักที่วิศวกรได้พบคือ การใช้ยูนิเวอร์แซลจอยท์(Universal joints)หรือลูกปืนกากบาทกับเพลาขับหน้านนั้น ส่งผลให้มีการสั่งสะเทือนค่อนข้างมาก แต่ปัญหานั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ผลิตลูกปืนแบริ่งชื่อดังอย่าง โตโย แบริ่ง (Toyo Bearing) ปัจจุบันรู้จักในชื่อ เอ็นทีเอ็น(NTN) วิศวกรจากซูบารุและโตโยแบริ่งได้ร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่มีชื่อว่า ดับเบิ้ลออฟเซ็ตจอยท์(Double offset joint)ขึ้นมา และได้นำมาใช้งานแทนยูนิเวอร์แซลจอยท์เดิม ในปัจจุบันเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ได้กลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของรถยนต์ซูบารุไปแล้ว
ระบบบังคับเลี้ยว และ ระบบกันสะเทือน
ประเภทระบบบังคับเลี้ยว : แร็คแอนด์พิเนี่ยน(Rack and Pinion)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด : 4.8 เมตร
ประเภทระบบกันสะเทือน : ด้านหน้าแบบ อิสระปีกนกคู่(Double Wishbone) ด้านหลังแบบ อิสระเทรลลิ่งอาร์ม(Trailling Arm)
ระบบห้ามล้อ : ดรัมเบรกทั้ง4ล้อ คู่หน้าใช้แบบ ดูโอ้เซอโว(Duo Servo) คู่หลังใช้แบบหลีดดิ้ง (Leading)
ขนาดยาง : 5.50-13-4PR
ราคาจำหน่าย ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1966
ซูเปอร์เดอลุกซ์(Super Deluxe) : 580,000 ¥, เดอลุกซ์(Deluxe) : 535,000 ¥, สแตนดาร์ด(Standard) : 495,000 ¥.
ซูบารุ 1000 เอสเอส

สล็อตออนไลน์

ด้านหน้าของ ซูบารุ 1000 สปอร์ต ซีดาน
รุ่นสปอร์ทของ ซูบารุ 1000 ถูกเปิดตัวออกมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 1967 ซูบารุ 1000 เอสเอส มีพื้นฐานมาจาก ซูบารุ 1000 ที่ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขในหลายจุด, เครื่องยนต์ EA52 ถูกปรับแต่งในหลายชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็น เพลาราวลิ้น ฝาสูบ และ เพลาข้อเหวี่ยง รวมทั้งเปลี่ยนไปใช้คาร์บูเรเตอร์คู่จาก มิคูนิ-โซเล็ก(Mikuni-Solex)ส่งผลให้อัตราส่วนกำลังเพิ่มเป็น 10:1 และซูบารุเรียกเครื่องยนต์ที่ถูกปรับแต่งในครั้งนี้ว่า EA53 ตัวอักษรย่อ เอสเอส(SS) มาจากคำว่า สปอร์ทซีดาน (Sport Sedan)

jumboslot

จากเครื่องยนต์ที่ถูกปรับแต่งแล้วจับคู่กับระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและน้ำหนักตัวรถที่เบา ส่งผลให้ซูบารุ 1000 เอสเอส เปรียบได้ดั่ง “อาวุธร้าย” ในเดือนกันยายนปี 1968 ซูบารุ 1000 เอสเอส สามารถคว้าแชมป์ในรายการแข่งขัน แจแปนิส อัลไพน์ แรลลี่ ครั้งที่10 (10th Japanese Alpine Rally)ได้สำเร็จ
การเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงอายุ ซูบารุ 1000 รหัสตัวถัง A12/512/522 (ปี1966 ถึง ปี1969)
-21 ตุลาคม 1965 : เปิดตัวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกที่โรงแรม ฮิลตัน โฮเตล โตเกียว(Hilton Hotel Tokyo)ในปัจจุบันรู้จักในชื่อโรงแรม โฮเตล โตคิว แคปปิตอล(Hotel Tokyu Capitol)
-29 ตุลาคม 1965 : นำไปจัดแสดงที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่12 (12th Tokyo Motor Show)
-14 พฤษภาคม 1966 : เปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกที่โรงแรม ทาคานาวะ ปริ๊นซ์ โฮเตล(Takanawa Prince Hotel) และเริ่มจัดโร้ดโชวน์ 3 จังหวัดแรกที่ซูบารุนำรถยนต์ ซูบารุ 1000 ไปจำหน่ายคือ โตเกียว, ไอจิ และ โอซาก้า รถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตออกมาจำหน่ายมีรหัสตัวถังคือ A522 สิ้นสุดการจัดโร้ดโชว์ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้น
ตุลาคม 1966 : เพิ่มเข็มขัดนิรภัยแบบ3จุด เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งเสริม
-15 กุมภาพันธ์ 1967 : เปิดตัวรุ่น 2 ประตูซีดานมีรหัสตัวถังคือ A512
-10 มิถุนายน 1967 : ปรับไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนรหัสตัวถังเป็น A-12
สิงหาคม 1967 : เพิ่มระยะรับประกันเป็น 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
-14 กันยายน 1967 : เปิดตัวรุ่น 5 ประตู สเตชันวากอน ราคาจำหน่าย รุ่นเดอลุกซ์(Deluxe) 525,000 ¥, รุ่นสแตนดาร์ด(Standard) 475,000 ¥.
-1 พฤศจิกายน 1967 : เปิดตัวรุ่น สปอร์ทซีดาน ราคา620,000 ¥
-1 กรกฎาคม 1968 : เปิดตัวรุ่น 3ประตู สเตชันวากอน รหัสตัวถัง A-41 ราคาจำหน่าย รุ่นเดอลุกซ์(Deluxe) 498,000 ¥, รุ่นสแตนดาร์ด(Standard) 448,000¥.
-23 กันยายน 1968 : ชนะการแข่งขันรายการ แจแปนิส อัลไพน์ แรลลี่ ครั้งที่10(10th Japanese Alpine Rally)
-1 พฤศจิกายน 1968 : เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ซูเปอร์เดอลุกซ์(Super Deluxe) ราคาจำหน่าย รุ่น4ประตูซีดาน 580,000 ¥, รุ่น2ประตูซีดาน 545,000¥.
-1 มีนาคม 1969 : เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เอฟเอฟวัน(FF-1)

slot

ซูบารุ อิมเพรสซ่า

ซูบารุ อิมเพรสซ่า เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) ผลิตโดยซูบารุ เริ่มผลิตและเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2535 เพื่อแข่งขันกับรถยนต์ Compact Car ยอดนิยมของญี่ปุ่นและของโลก เช่น Toyota Corolla ,Nissan Sunny ,Honda Civic ,Mitsubishi Lancer และ Mazda Familia หรือ 323 เป็นต้น โดยเข้ามาทดแทนรถ Compact Car รุ่นเก่า ซูบารุ ลีออน และซูบารุยังส่งอิมเพรสซ่าไปแข่งขันในการแข่งขันเวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วยมีคู่แข่งในสมัยเดียวกัน เช่น แลนเซีย, มิตซูบิชิ, โตโยต้า, ฟอร์ด, นิสสัน, มาสด้า, ซีตรอง, และ เปอโยต์ จนคว้าแชมป์เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพในประเภทผู้ผลิตติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (พ.ศ. 2538-2540) และได้รับถ้วยรางวัลประดับสำนักงานใหญ่ย่านชินจูกุ กรุงโตเกียวหลายครั้งอีกด้วย

jumbo jili

อิมเพรสซ่า ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของ Fuji Heavy Industry เพราะสามารถยกระดับตัวเองให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับสากลอย่างเต็มตัวตั้งแต่เริ่มทำรถรุ่นแรกอย่างซูบารุ 1500 หรือรถที่เริ่มวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์รุ่นแรกอย่างซูบารุ 360 ทีเดียว โดยในช่วงแรกมีให้เลือกทั้งตัวถังซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน (หรือสเตชันวากอน) 5 ประตู ถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าอิมเพรสซ่าเป็นเจเนอเรชั่นต่อมาของลีออน รถครอบครัวชื่อดัง แต่ด้วยขนาดที่ไล่เลี่ยกัน ทำให้หลายคนเข้าใจไขว้เขว และในช่วงแรกได้มีการแยกตัวถังซีดานมาโมดิฟายให้แรงกว่ารุ่นซีดานปกติ เรียกว่า WRX และถือเป็น Icon Model ทั้งในแง่ของการเป็นตัวแข่งที่ดี และตัวขายที่มีลูกค้าตอบรับในระดับใช้ได้ ปัจจุบัน ซูบารุ อิมเพรสซ่า มีวิวัฒนาการตามช่วงเวลาได้ 5 Generation (รุ่น) ดังนี้
รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2535-2543)
ซบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 1
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 1 เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2535 และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าจริงๆในเดือนถัดมา มีตัวถังคูเป้ 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน 5 ประตู ระบบขับเคลื่อนมีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้ง 1.5 ,1.6 ,1.8 ,2.0 ,2.2 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในช่วงแรกก็ได้มีการเปิดตัวรุ่น WRX ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกโมดิฟายให้แรงกว่าปกติ มีลูกค้าให้การตอบรับในระดับใช้ได้ และยังเคยถูกส่งไปแข่งขันเวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพจนคว้าแชมป์ในประเภทผู้ผลิตติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ชื่อ อิมเพรสซ่า นั้นถูกคิดค้นขึ้นมาแทนชื่อรุ่น ลีออน เพื่อแสดงถึงความใหม่สดทั้งเรื่องการออกแบบและวิศวกรรม ดีไซน์ภายนอกของรถได้รับอิทธิพลมาจากสรีระร่างของหงษ์ที่กำลังบิน แรกเริ่มเดิมที รถรุ่นนี้ถูกสร้างออกมาเพื่อเป็นรถบ้านใช้ง่ายขับสบาย แต่มีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งมีประโยชน์มากในหลายประเทศที่มีภูมิอากาศหลากหลายและสภาพถนนที่คาดเดาไม่ได้ หัวใจหลังของการสร้าง อิมเพรสซ่า อยู่ที่ความทนทาน ไม่จุกจิก ใช้แบบลืมๆได้เช่นเดียวกับ ฮอนด้า ซีวิค (ซึ่งหัวหน้าโครงการพัฒนารถรุ่นนี้บอกเองว่านั่นคือคู่แข่งที่เขากลัวที่สุด) คิดดูก็แล้วกันว่าในช่วงแรก ทีมผู้บริหารบางคนยังเสนอให้เปลี่ยนมาใช้ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงเพื่อประหยัดต้นทุนลงด้วยซ้ำ แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกเขี่ยตกโต๊ะไปและยังมาพร้อมกับความคิดใหม่ที่ว่า “เออ นั่นสิ แล้วทำไมเราไม่สร้าง อิมเพรสซ่า รุ่นแรงๆออกมาซะเลยล่ะ” จากเดิมที่จะมีแค่หงษ์บ้านไว้ให้พ่อบ้านแม่บ้านขับใช้งาน ก็กลายเป็นว่า มีหงษ์ติดหอยถือกำเนิดขึ้นในห้องโปรเจกต์ของ ซูบารุ ซึ่งในช่วงเวลานั้น มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน ยังเป็นวุ้นอยู่ พวกเขาจึงเล็งเทียบกับ นิสสัน พัลซ่าร์ GTi-R โดยมี นิสสัน สกายไลน์ GT-R R32 เป็นรถ Benchmark ในการปรับแต่งองค์ประกอบในการขับขี่ด้วย ช่วงล่างยกชุดแม็คเฟอร์สันสตรัทจาก เลกาซี มาใส่ แค่อาจมีช่วงล่าง บางจุดที่ต่างกัน แต่จุดยึดต่างๆเหมือนกัน..โช้คกับสปริงนั้นใส่กันได้เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกเขามีเครื่องยนต์ EJ20G ที่ให้กำลังสูงสุด 220แรงม้า จาก เลกาซี RS อยู่แล้ว แค่นำเครื่องนั้นมาปรับแต่งเพิ่ม เปลี่ยนกลไกวาล์วจากแบบรองชิมเป็นแบบไฮดรอลิก และเปลี่ยนเทอร์โบเป็น TD04H พร้อมกับปรับช่วงล่างและระบบเบรกให้รองรับกับพลังที่เพิ่มมา WRX รุ่นแรกจึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับพลัง 240 แรงม้า ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมมากกว่าที่ทางผู้บริหารค่ายดาวลูกไก่คาดเอาไว้มาก ขนาดตัวรถที่เล็กและเบากว่า เลกาซี ก็เป็นคุณลักษณะอันดีเยี่ยมที่นำไปสานต่อให้กลายเป็นรถเวิลด์แรลลี่คาร์ได้ด้วย และโชคดีที่พวกเขาตัดสินใจไฟเขียวให้โครงการนี้ และพัฒนารถแข่งออกมาทันกับช่วงเวลาที่ มิตซูบิชิ เปลี่ยนรถแข่งของพวกเขาจาก กาแลนต์ VR-4 เป็น แลนเซอร์ อีโวลูชัน พอดี ส่วนเวอร์ชัน Production นั้น ทาง ซูบารุ ก็เอาไปวิ่งจับเวลาในสนามเนือร์บวร์คริง และได้ตัวเลข 8 นาที 28.93 วินาที มันอาจจะไม่ได้เร็วมากถ้าเทียบกับรถแรงสมัยนี้ แต่อย่าลืมว่าในปี 1992 นั้น บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม5/เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี500 ยังมีม้าแค่ 300 กว่าตัว ไม่ใช่ 550-560 ตัว อย่างสมัยนี้ และซูเปอร์คาร์อิตาเลียนอย่าง ลัมโบร์กีนี Diablo ยังมีม้าไม่ถึง 500 ตัว

สล็อต

นอกจากนี้ ยังมีตัวถัง Outback Sport เนื่องจากในช่วงนั้น เป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นนิยมรถเพื่อสันทนาการ (RV : Recreation Vehicle) กันมาก แต่ในช่วงนั้นซูบารุยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะพัฒนารถ SUV และ MPV เพื่อต่อกรกับบรรดาคู่แข่งในตลาดที่ต่างก็มีรถ SUV และ MPV ทำตลาด เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า มิตซูบิชิ อีซูซุและซูซูกิ มีทั้งเวอร์ชันอเมริกา และญี่ปุ่น แต่ไม่เคยส่งมาทำตลาดในประเทศไทย โดยเวอร์ชันอเมริกาจะใช้ชื่อว่า Subaru Impreza Outback Sports เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ถือเป็นรถรุ่นปี 1995 และพอจะมีชาวอเมริกันหาซื้อไปใช้งานอยู่บ้าง ทำให้ซูบารุตัดสินใจทำเวอร์ชันญี่ปุ่นออกมาในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2538 ในชื่อ Subaru Impreza Sports Wagon GRAVEL EX แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจเลิกทำเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนโฉมสู่รุ่นที่ 2 ของอิมเพรสซ่าในปี พ.ศ. 2543

สล็อตออนไลน์

ในประเทศไทย บริษัท สยามซูบารุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสยามกลการเคยนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยนำเลกาซีรุ่น BC เข้ามาจำหน่ายในไทย แต่สามารถสร้างยอดขายได้แค่พอประมาณเท่านั้น หากไม่ทำอะไรแล้วซูบารุอาจจะต้องม้วนเสื่อกลับไปญี่ปุ่นอย่างที่เคยเป็นมาก่อน รุ่นที่นำเข้ามีตั้งแต่รุ่น 1.6 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า 90 แรงม้า ซีดาน 4 ประตู ราคา 695,000 บาท รุ่น 1.8 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ 103 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ และมีตัวถังซีดาน 4 ประตูและสปอร์ตวากอน 5 ประตู โดยราคาตัวถังซีดาน 4 ประตูอยู่ที่ 795,000 บาท และรุ่น WRX เทอร์โบ เครื่องยนต์ EJ20 ราคา 985,000 บาท อาจจะมองว่าไม่แพง แต่สมัยนั้น Accord รุ่นนำเข้าราคา 1.17 ล้าน ถึงแม้จะแรงและขับสนุก แต่ภายในก็ไม่ต่างจากรถบ้านธรรมดา ต่างจาก Accord ซึ่งเป็นรถราคาแพงกว่า แต่ไม่เน้นขับสนุกมากนัก อิมเพรสซ่าที่ถูกขายออกไปส่วนมากมักจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร พรีเซ็นเตอร์ในสมัยนั้นคือไตรภพ ลิมปพัทธ์ พิธีกรชื่อดังและเจ้าของบริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ทำให้ลูกค้าซูบารุทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ได้เซ็นใบจองเพื่อซื้อหาอิมเพรสซ่ามาขับขี่ ขายมาได้เรื่อยๆ เป็นตัวทำเงินให้กับซูบารุในไทยเรื่อยมา (ซึ่งปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับ Subaru XV ในปัจจุบันเช่นกัน) ภายหลังได้มีการไมเนอร์เชนจ์ตามตลาดออสเตรเลีย จะได้แรงม้าเพิ่มจาก 210 แรงม้าเป็น 218 แรงม้าด้วยอานิสงส์ของการปรับจูนเครื่องตามแบบ PHASE II พร้อมพวงมาลัย MOMO สี่ก้าน พร้อมติดตั้งถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้ามาด้วย ล้อ 16 นิ้ว และสปอยเลอร์แบบเตี้ย ในชื่อ Impreza Turbo Plus ซึ่งในตลาดมือสองจะหายากมากถึงมากที่สุด เพราะมีขายออกไปไม่กี่คัน ต่างจาก GC รุ่นแรกๆที่มีขายทั้งแบบเทอร์โบและรถ 1.6 กับ 1.8 จึงหารถแปลง รถทำได้ง่ายกว่ามาก ปัจจุบันยังมีให้เห็นตามท้องถนนทั่วไปอยู่เรื่อยๆ

jumboslot

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2543-2550)
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 2
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2543 มีตัวถังซีดาน 4 ประตู และสปอร์ตวากอน 5 ประตู มีเครื่องยนต์ 1.5 ,1.6 ,2.0 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ยังคงมีเวอร์ชัน WRX และ Outback Sports โดยเวอร์ชัน Outback Sports ดัดแปลงมาจากรุ่นสปอร์ตวากอน นำเข้าจากโรงงานในเมืองโอตะ จังหวัดกุมมะ เปิดตัวในปี พ.ศ. 2544 ในฐานะรถรุ่นปี 2002 มีการปรับโฉม Minorchange ในปี พ.ศ. 2547 และปี พ.ศ. 2548 ในฐานะรถรุ่นปี 2006 ทำตลาดจนถึงปี พ.ศ. 2550
ที่ 3 (พ.ศ. 2550-2554)
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 3
ซูบารุ อิมเพรสซ่า XV
ซูบารุ อิมเพรสซ่า รุ่นที่ 3 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2550 มีตัวถังซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู มีเครื่องยนต์ 1.5 ,2.0 และ 2.5 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 และ 5 สปีด ยังคงมีรุ่น Outback Sport และ WRX เช่นเดิม แต่เป็นครั้งแรกที่มีรุ่น XV ออกสู่ตลาด และเป็นครั้งแรกที่พลิกแนวคิดการทำอิมเพรสซ่ารุ่นนี้ โดยยุบตัวถังสปอร์ตวากอน 5 ประตูออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นแฮทช์แบค 5 ประตู เนื่องจากที่ผ่านมา ซูบารุมุ่งเน้นทำตลาดรถสมรรถนะสูง จนกระทั่งรถยนต์แบบดั้งเดิมที่ตนเองเคยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่บ้าง ตั้งแต่รุ่นลีออน (Leone) มาจนถึงอิมเพรสซ่ารุ่นแรกค่อยๆ หดหายไป เวลาที่ลูกค้าเข้าไปในโชว์รูมซูบารุเขาไม่ได้ซื้อรุ่นสมรรถนะดีๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อมันไม่สร้างรายได้ ก็ต้องสร้างแรงจูงใจในการทำรถยนต์รุ่นมาตรฐานให้สอดรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น น่าจะช่วยสร้างยอดขายและรายได้ให้มากกว่า ในขณะเดียวกับ ซูบารุต้องการจะขายอิมเพรสซ่าในยุโรปให้ได้มากขึ้น เนื่องจากในยุโรปยังนิยมรถแฮทช์แบคกันอยู่ แต่ซูบารุไม่เคยมีแนวคิดที่จะทำรถยนต์แฮทช์แบคขนาดกลางไปขายในยุโรปมาก่อน จะมีแต่รุ่นที่เล็กกว่าอย่าง ซูบารุ เร็กซ์ (Subaru Rex) และ ซูบารุ จัสตี (Subaru Justy) ที่เลิกขายไปแล้ว ทำให้ยากต่อการขยายตลาดไปยังยุโรป

สำหรับรุ่น Outback Sport ได้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2550 ทำตลาดเฉพาะในอเมริกาเหนือ และยังมียอดขายและการตอบรับที่อยู่ในระดับใช้ได้ จึงมีการพัฒนารุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันแบบ Full Modelchange ของ Impreza XV ควบคู่ไปกับโครงการพัฒนารุ่นเปลี่ยนโฉมของ Impreza เมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยระหว่างที่โครงการดำเนินไป ซูบารุตัดสินใจหยั่งเชิงตลาดด้วยการส่งเวอร์ชัน Outback ของ Impreza Hatchback รุ่นปี 2007 – 2012 โดยเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show ในเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2553 ก่อนจะนำกลับไปเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน เพื่อชิมลางตลาดให้แน่ใจอีกครั้ง โดยเวอร์ชันญี่ปุ่น มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง EJ15 บล็อก 4 สูบ Boxer DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี เชื่อมได้กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเครื่องยนต์รหัส EJ20 บล็อก 4 สูบ Boxer SOHC 16 วาล์ว 1,994 ซีซี มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดเท่านั้น ยอดขายถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ ทำให้ FHI มั่นใจว่า โอกาสที่โครงการ XV รุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาอยู่ จะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม ในตลาดที่ไกลกว่าเดิม นั่นคือ ทุกประเทศที่มี Subaru ทำตลาดอยู่จะเพิ่มมากขึ้น

slot