ความผิดพลาดเวลาซื้อกองทุน

สวัสดีคร้าบ วันนี้กลับมาพบกับผม หมอนัท คนดี คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ “บทความใหม่” คราวนี้มาพบกับทบความแบบสบาย ๆ ง่าย ๆ แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม และคนส่วนใหญ่มีปัญหากับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมือใหม่

jumbo jili

ส่วนมือเก๋า บางปัญหาที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ก็ยังมีบางคนที่ยังคงเป็นอยู่ หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ครับ ก็เลยถือโอกาสออกบทความ ทบทวนกันสักนิดเพื่อให้ใครหลายๆ คนได้ทราบถึงแนวทาง แนวคิดการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้นครับ
แต่ความผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด จากความไม่เข้าใจในประเภท หรือ องค์ประกอบของกองทุน เช่น NAV หรือ การปันผลของกองทุน ซึ่งคราวนี้ เป็นปัญหาที่เราพบได้บ่อย ๆ กับการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนเองที่ซื้อกองทุนรวมแบบไม่มีวินัย และคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปก็คือ

  1. ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะกับตนเอง
    ปัญหานี้ ผมมักจะพบได้ในช่วง 2-3 ปีมานี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่กองทุนต่างประเทศ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะลงทุนตามคำบอก หรือ คำแนะนำของ บลจ. ที่ออกกองทุน และมักจะลืมไปว่า ความเสี่ยงของกองทุนที่เราจะลงทุนนั้น สูง ขนาดไหน หรือ มีสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับ แนวคิด หรือ นิสัยการลงทุนของเราหรือไม่ครับ

สล็อต

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความโลภ เข้าบังตา บังใจอยู่นั่นเองครับ(55+) เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ มีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดูดี และก็ยังมีความน่าสนใจจากแนวโน้มของการเติบโตในบางอุตสาหกรรม หรือ บางประเทศด้วย(ซึ่งจริง หรือไม่จริง ก็ไม่รู้) หรือ บางคนก็ลงทุนเพราะว่า ความเท่ห์ เพราะว่าใคร ๆ ก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศทั้งนั้น (ไม่ไป ไม่ลงทุนก็เหมือนจะตกเทรนด์)

ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าจะลงทุนไม่ได้ เพียงแต่เราต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตัวเราด้วย

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

หากองทุนที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งคำว่า “เหมาะสม” นั้นหมายถึง

1.1 เข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนนั้นว่า มีการลงทุนแบบไหน เช่น ซื้อแล้วถือยาว หรือ มีกระบวนการเลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์อื่น ๆ เข้ามาอยู่ในกองทุนอย่างไร ถูกใจ หรือ โดนใจเราหรือว่าไม่

1.2 ความเสี่ยงไม่สูงมากเกินไปกว่าที่เราจะรับได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน Healthcare ที่มีความเสี่ยงสูง แต่นักลงทุนมักจะเข้าใจว่าเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ซึ่งไม่ใช่เลย เนื่องจาก Healthcare ในต่างประเทศ ไม่ได้หมายถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการลงทุนในบริษัทยา หรือ บริษัทที่ผลิต วัคซีน รวมถึงกลุ่ม Biotechnology ที่มีความเสี่ยงสูงครับ

สล็อตออนไลน์

4 ความผิดพลาด เวลาซื้อ “กองทุน”
by Dr. Nut,May 23, 2016 10:50 PM
writer of Docternut
Share on Facebook
HIGHLIGHTS
ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง
ซื้อกองทุนมากเกินไป
เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นตอนที่กองทุนมีกำไร
ชอบซื้อกองทุนออกใหม่
สวัสดีคร้าบ วันนี้กลับมาพบกับผม หมอนัท คนดี คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ “บทความใหม่” คราวนี้มาพบกับทบความแบบสบาย ๆ ง่าย ๆ แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม และคนส่วนใหญ่มีปัญหากับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมือใหม่
ส่วนมือเก๋า บางปัญหาที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ก็ยังมีบางคนที่ยังคงเป็นอยู่ หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ครับ ก็เลยถือโอกาสออกบทความ ทบทวนกันสักนิดเพื่อให้ใครหลายๆ คนได้ทราบถึงแนวทาง แนวคิดการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้นครับ
แต่ความผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด จากความไม่เข้าใจในประเภท หรือ องค์ประกอบของกองทุน เช่น NAV หรือ การปันผลของกองทุน ซึ่งคราวนี้ เป็นปัญหาที่เราพบได้บ่อย ๆ กับการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนเองที่ซื้อกองทุนรวมแบบไม่มีวินัย และคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปก็คือ

jumboslot

  1. ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะกับตนเอง
    ปัญหานี้ ผมมักจะพบได้ในช่วง 2-3 ปีมานี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่กองทุนต่างประเทศ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะลงทุนตามคำบอก หรือ คำแนะนำของ บลจ. ที่ออกกองทุน และมักจะลืมไปว่า ความเสี่ยงของกองทุนที่เราจะลงทุนนั้น สูง ขนาดไหน หรือ มีสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับ แนวคิด หรือ นิสัยการลงทุนของเราหรือไม่ครับ

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความโลภ เข้าบังตา บังใจอยู่นั่นเองครับ(55+) เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ มีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดูดี และก็ยังมีความน่าสนใจจากแนวโน้มของการเติบโตในบางอุตสาหกรรม หรือ บางประเทศด้วย(ซึ่งจริง หรือไม่จริง ก็ไม่รู้) หรือ บางคนก็ลงทุนเพราะว่า ความเท่ห์ เพราะว่าใคร ๆ ก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศทั้งนั้น (ไม่ไป ไม่ลงทุนก็เหมือนจะตกเทรนด์)

ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าจะลงทุนไม่ได้ เพียงแต่เราต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตัวเราด้วย

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

หากองทุนที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งคำว่า “เหมาะสม” นั้นหมายถึง

1.1 เข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนนั้นว่า มีการลงทุนแบบไหน เช่น ซื้อแล้วถือยาว หรือ มีกระบวนการเลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์อื่น ๆ เข้ามาอยู่ในกองทุนอย่างไร ถูกใจ หรือ โดนใจเราหรือว่าไม่

1.2 ความเสี่ยงไม่สูงมากเกินไปกว่าที่เราจะรับได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน Healthcare ที่มีความเสี่ยงสูง แต่นักลงทุนมักจะเข้าใจว่าเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ซึ่งไม่ใช่เลย เนื่องจาก Healthcare ในต่างประเทศ ไม่ได้หมายถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการลงทุนในบริษัทยา หรือ บริษัทที่ผลิต วัคซีน รวมถึงกลุ่ม Biotechnology ที่มีความเสี่ยงสูงครับ

4 ความผิดพลาด เวลาซื้อ “กองทุน”

slot

  1. ซื้อกองทุนมากเกินไป
    ณ FB คลินิกกองทุน

นาย B: พี่หมอครับ ผมมีปัญหากองทุนมาถามครับ

หมอนัท : ครับ

นาย B : ผมมีกองทุนอยู่ 20 กองทุนครับ ผมสนใจจะซื้อเพิ่ม ไม่รู้ว่ามีกองทุนไหนที่น่าสนใจบางไหมครับช่วงนี้ รบกวนหน่อยนะครับ ส่วนกองทุน AAA ผมขาดทุนอยู่ทำไงดี และกองทุน BBB กำลังขึ้นมาขายได้ไหมครับ กองทุน CCC ก็ดีนะครับ แต่ทำไมช่วงนี้ผันผวนจัง……….etc….. จนถึงกองทุนที่ 20

หมอนัท : อ่อ…น้องครับ นี่จะเล่มเกมส์ 20 คำถามกับพี่เหรอ …(พยายามสงบใจ) น้องขายเหอะครับเชื่อพี่ เอาให้เหลือ 3-4 กองทุนก็พอแล้วนะครับ…..หรือไม่ก็ไปซื้อกองทุนดัชนี หรือ passive fund น่าจะดีกว่าครับ

นาย B : อ่อ… ขอบคุณครับ

(จากนั้นผมก็ไม่เห็นน้องคนนี้มาถามอีกเลย)

นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นนะครับ อันนี้เป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าหลายคนรักพี่เสียดายน้อง กองทุนประเภทเดียวกัน เช่นกองทุนหุ้น ก็มีหลายกองทุน กองทุนตราสารหนี้ก็มีหลายกองทุน เพราะว่าใคร ๆ ก็บอกว่ากองทุนนั้นดี กองทุนนี้ดี และเราก็ลงทุนโดยกลัวที่จะเสียโอกาส ซึ่ง ไม่ใช่หลักการลงทุนที่ดีเลย

ลองนึกดูง่าย ๆ นะครับ อย่างกองทุนหุ้นเอง บางกองทุนก็ไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน ยิ่งเราซื้อกองทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสซ้ำกันเท่านั้นครับ เช่นกองทุนAA อาจจะมีหุ้น 30 ตัว ซึ่งซ้ำกับกองทุน BB ประมาณ 10 ตัว เรามีกองทุนแบบนี้มากขึ้น 5 กองทุน หุ้นที่อยู่ในกองทุนก็ซ้ำกันเกิน 30 กองทุนแล้วครับ ซึ่งถ้าพิจารณาดี ๆ เราไปลงทุนในกองทุน SET50 หรือ กองทุนแบบ Passive Fund อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง ๆ นั่นเองครับ

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

เลือกองทุนที่ดี ที่เราชอบมาเพียง 2 กองทุนต่อประเภทกองทุน ก็เพียงพอแล้ว เช่นกองทุนหุ้น 2 กองทุน กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ซึ่งถ้าจะให้กระจายความเสี่ยงมากขึ้น ก็ให้เราเลือกกองทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่นกองทุนนึงเน้น Buy and Hold อีกกองทุนเน้นการซื้อ-ขาย เป็นต้น