วิธีเลือกกองทุนรวม

คิดว่าใครหลายๆ คนก็ทราบถึงกองทุนรวม หรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่า Mutual Fund ว่าเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ลงทุนสามารถที่จะเลือกความกองทุนที่เหมาะกับลักษณะการลงทุนของตนเองได้ เช่นรับความเสี่ยงได้น้อย ควรเลือกกองทุนแบบนี้ หรือถ้ารับได้มาก ก็ควรไปลงกองทุนนั้น

jumbo jili

แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่ากองทุนไหนที่เราควรจะเลือก 10 หัวข้อที่ควรจะต้องดู

  1. นโยบายหลัก
    นโยบายหลัก หมายถึง กองทุนรวมนั้นนำเงินของนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ไหน โดยสินทรัพย์หลักที่กองทุนรวมไปลงทุนมี 6 ประเภท คือ ตลาดเงิน ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ และแบบผสมของกองทุนที่กล่าวมา
  2. นโยบายรอง
    นโยบายรอง หมายถึง กองทุนรวมนั้นมีลักษณะการลงทุนที่พิเศษนอกเหนือไปจากนโยบายหลักอย่างไรบ้าง ซึ่งนโยบายรองเหล่านี้มักนำมาซึ่งผลตอบแทนที่แตกต่างกันในกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน

สล็อต

  1. เงื่อนไขทางภาษี
    อันนี้ก็สำคัญ สำหรับพนักงานเงินเดือนที่ต้องเสียภาษี กองทุนบางอย่างเราสามารถนำไปหักภาษีได้ ช่วยให้ได้รับเงินคืน เช่นพวกที่อยู่ใน LTF หรือ RMF
  2. พอร์ตการลงทุน
    สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ ดูพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตัวกองทึนรวมที่เราสนใจด้วย เพราะมันจะบอกได้ว่ากองทุนรวมนั้นมีโอกาสได้กำไร หรือขาดทุน นักลงทุนควรทำความรู้จักว่ากองทุนรวมที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์อะไรอยู่บ้าง และสินทรัพย์นั้นมีแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร
  3. ค่าธรรมเนียม
    ค่าธรรมเนียมกองทุนนั้นถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมากในการลงทุน เพราะมีส่วนกำหนดผลตอบแทนในอนาคต:

สล็อตออนไลน์

กองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมมาก > ผลตอบแทนที่นักลงทุนควรจะได้รับต่ำลง เพราะต้องแบ่งเงินบางส่วนออกไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียม

เพราะฉนั้นนักลงทุนควรเลือกกองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน

  1. ตอบแทนย้อนหลัง
    การดูผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลาดไม่ได้ เพราะมันสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มว่ากองทุนรวมนั้นๆ จะมีโอกาสทำกำไรหรือไม่ โดยส่วนใหญ่นิยมเปรียบเทียบผลตอบแทนกับดัชนีที่เหมาะสมเป็นหลักซึ่งต่างไปในแต่ละสินทรัพย์ เช่น

กองทุนรวมตราสารเงิน : ค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด 3 ธนาคารของประเทศ
กองทุนรวมตราสารหนี้ : ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล

  1. ความเสี่ยง
    ดูความเสี่ยงก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ ถึงแม้จะจับต้องได้ยากเพราะต้องอาศัยการประเมินและประสบการณ์ หากนักลงทุนเข้าใจสินทรัพย์การลงทุนได้ดี นักลงทุนก็จะเข้าใจถึงปัจจัยความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง

jumboslot

หนึ่งในปัจจัยที่ใช้ดูเรื่องความเสี่ยงคือ Sharp Ratio ซึ่งเป็นค่าทางสถิติที่คำนวณมาจากผลตอบแทนย้อนหลังเปรียบเทียบกับความผันผวนย้อนหลัง

  1. นโยบายจ่ายปันผล

ขึ้นอยู่ความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในระหว่างการลงทุน เช่น หากต้องการกระแสเงินสดเพื่อนำไปใช้จ่ายต่อ ก็ควรเลือกกองทุนที่มีการจ่ายค่าปันผล แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือเอาเงินปันผลไปลงทุนอยู่ดี ก็ดูกองทุนที่ไม่มีจ่ายเงินปันผล

อนึ่งการที่ยังไม่รับเงินปันผล จะสามารถประหยัดค่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปได้ กองทุนที่มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผลจะประหยัดภาษีกว่ากองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ยกเว้น กรณีที่นักลงทุนสามารถขอคืนภาษีได้ทั้งหมด

  1. เงื่อนไขการซื้อ

แน่นอนว่าแต่ละกองทุนมีการบริหารจัดการจากคนละบริษัท นโยบายจึงแตกต่างกันไปด้วย โดยเรื่องหลักๆ ที่ต้องดูมรดังนี้

slot

จำนวนขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรก
จำนวนขั้นต่ำในการซื้อครั้งถัดไป
สถานที่ซื้อ เช่น บลจ.โดยตรง ธนาคารที่เป็นนายหน้า ออนไลน์
วิธีการซื้อ เช่น จ่ายเงินสด ตัดบัตรเครดิต ตัดบัญชีแบบอัตโนมัติ
ราคาอ้างอิงของหน่วยลงทุนที่จะได้

  1. เงื่อนไขการขายคืน
    เงื่อนไขการขายคืนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราอาจจะได้กำไรระหว่างทาง แต่พอตอนขายคืนกลับกลายเป็นขาดทุนจากการขายคืน สรุปจากได้กำไรกลายเป็นขาดทุน โดยเรื่องที่ต้องดูหลักมีดังนี้

เงื่อนไขในการขายคืน > แบบเปิด vs แบบปิด
จำนวนขั้นต่ำในการขายคืน
สถานที่ขายคืน เช่น บลจ.โดยตรง ธนาคารที่เป็นนายหน้า ออนไลน์
วิธีการได้รับเงิน เช่น รับเป็นเงินสด รับเป็นเงินเข้าบัญชีธนาคาร รับเป็นเช็ค
ราคาอ้างอิงของหน่วยลงทุนที่จะได้
จำนวนวันที่จะได้รับเงินคืน
นอกจาก 10 หัวข้อข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับราคาซื้อขายของกองทุน หรือที่เรียกว่า NAV หรือ Net Asset Value ที่เกิดจากการคำนวณทรัพย์สินรวมของกองทุนเพื่อตีเป็นราคาในการซื้อขาย

กองทุนรวมถือเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้มีเวลาหรือความสนใจในการจะศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อจะลงทุนได้ด้วยตนเอง กองทุนรวมก็จะช่วยทุ่นแรงในการหาผู้จัดการกองทุนมาช่วยลงทุนและดูแลเงินของนักลงทุนให้