3 ข้อต้องทำ ก่อนจะซื้อกองทุนรวม

หากเราเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์การลงทุนน้อย มีเงินลงทุนไม่มาก หรือไม่มีเวลาในการวิเคราะห์ติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการเลือกซื้อกองทุนรวมจึงเป็นคำตอบสำหรับคนทั่วไป นอกจากจะได้ลงทุนแล้วยังเป็นการออมเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาให้เราได้

jumbo jili

ในส่วนของผลตอบแทนนั้นจะอยู่ใน 2 รูปแบบ คือ

  1. ส่วนต่างกำไร หรือที่เรียกว่า Capital gain
  2. เงินปันผล หรือ Dividend
    แต่เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กองทุนที่เราจะซื้อมีปันผลให้เราหรือไม่ ต้องศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนครับ

สล็อต

นี้เป็น 3 ขั้นตอน “ต้องทำ” ก่อนจะซื้อกองทุนรวมฉบับมือใหม่ มีอะไรบ้าง มาดูกันครับ

  1. คัดเลือกธีมที่เราจะลงทุน คัดเลือกกองทุนรวม
    ก่อนจะซื้อ เราต้องเลือกก่อนว่าเราจะเลือกลงทุนในธีมอะไร ธีมเทคโนโลยี ธีมการลงทุนต่างประเทศ กองทุนหุ้นจีน กองทุนหุ้นอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีให้เราเลือกมากมายตามแต่ละ บลจ.ที่มีอยู่มาก

** ทดลองคัดกรองกองทุนรวมได้ที่ www.aimc.or.th และ www.morningstarthailand.com

  1. เจาะลึกข้อมูล อ่านหนังสือชี้ชวน และ Fund Fact Sheet
    เมื่อเราธีมและกองทุนที่ต้องการแล้ว อันดับต่อมาคือศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลให้เข้าใจว่ากองทุนนี้ลงทุนในอะไรบ้าง มีสัดส่วนเท่าไร มีนโยบายจ่ายปันผลไหม โดยการอ่านจากหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน และ Fund Fact Sheet ซึ่งเราสามารถหาอ่านได้จากเว็บไซด์ของ บลจ. นั้นๆเองได้เลย

สล็อตออนไลน์

  1. วิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆที่สะดวกต่อเรา
    เมื่อเลือกกองทุนที่ถูกใจแล้วเราอาจจะศึกษาปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น

ค่าธรรมเนียมของกองทุน – การซื้อขายแต่ละครั้งต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าบริหารกองทุนเท่าไร มีความคุ้มค่ามากไหม เพราะค่าธรรมเนียมถือเป็นต้นทุนของผู้ถือหน่วยที่จะต้องจ่าย
ถ้ากองทุนมีขนาดเล็ก เราอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมมาก
ถ้ากองทุนมีขนาดใหญ่ เราอาจจะเสียค่าธรรมเนียมน้อย

jumboslot

ความสะดวกในการซื้อ
ดูว่า บลจ. นั้นๆซื้อขายได้ง่ายไหม มีการซื้อขายผ่านแอป ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือซื้อขายที่สาขาเพียงอย่างเดียว

สุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อกองทุน นอกจากจะทำความเข้าใจกองทุนแล้ว เรายังต้องทำความเข้าใจตัวเองด้วยว่ารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เงินที่เราลงทุนเป็นเงินที่เราพร้อมจะสูญเสียไหมถ้าไม่ได้เป็นไปตามที่คาด เพราะการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง เราสามารถสร้างผลตอบแทน สร้างกำไรได้ ก็ขาดทุนได้เช่นเดียวกัน

slot

คิดว่าใครหลายๆ คนก็ทราบถึงกองทุนรวม หรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่า Mutual Fund ว่าเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ลงทุนสามารถที่จะเลือกความกองทุนที่เหมาะกับลักษณะการลงทุนของตนเองได้ เช่นรับความเสี่ยงได้น้อย ควรเลือกกองทุนแบบนี้ หรือถ้ารับได้มาก ก็ควรไปลงกองทุนนั้น

แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่ากองทุนไหนที่เราควรจะเลือก 10 หัวข้อที่ควรจะต้องดู

  1. นโยบายหลัก
    นโยบายหลัก หมายถึง กองทุนรวมนั้นนำเงินของนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ไหน โดยสินทรัพย์หลักที่กองทุนรวมไปลงทุนมี 6 ประเภท คือ ตลาดเงิน ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ และแบบผสมของกองทุนที่กล่าวมา
  2. นโยบายรอง
    นโยบายรอง หมายถึง กองทุนรวมนั้นมีลักษณะการลงทุนที่พิเศษนอกเหนือไปจากนโยบายหลักอย่างไรบ้าง ซึ่งนโยบายรองเหล่านี้มักนำมาซึ่งผลตอบแทนที่แตกต่างกันในกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน
  3. เงื่อนไขทางภาษี
    อันนี้ก็สำคัญ สำหรับพนักงานเงินเดือนที่ต้องเสียภาษี กองทุนบางอย่างเราสามารถนำไปหักภาษีได้ ช่วยให้ได้รับเงินคืน เช่นพวกที่อยู่ใน LTF หรือ RMF
  4. พอร์ตการลงทุน
    สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ ดูพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตัวกองทึนรวมที่เราสนใจด้วย เพราะมันจะบอกได้ว่ากองทุนรวมนั้นมีโอกาสได้กำไร หรือขาดทุน นักลงทุนควรทำความรู้จักว่ากองทุนรวมที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์อะไรอยู่บ้าง และสินทรัพย์นั้นมีแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร

ซื้อกองทุนที่ไหนดีกว่ากัน

สวัสดีครับ นักลงทุนทุกท่าน กลับมาพบกันกับผม “หมอนัท” อีกครั้งที่คอลัมน์ Fund Clinic แห่งนี้ ปกติแล้วผมจะเขียนบทความถึงการลงทุนกับกองทุนรวมเสียเป็นส่วนใหญ่ ว่ากองทุนไหนที่น่าสนใจ หรือว่าอยู่ในกระแส และมีแนวโน้มการลงทุนที่ดีก็จะนำมาพูดคุยกันอย่างเสมอๆ แต่วันนี้จะขอพูดคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนสักเล็กน้อย

jumbo jili

ซึ่งเป็นเรื่องสบายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่มีคำถามเข้ามาหาผมมากพอสมควร และเป็นหนึ่งในคำถามยอดนิยมเลยก็ว่าได้ครับ

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่อยากจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวมก็มักจะเสาะหา “สถานที่ซื้อ หรือแหล่งที่ซื้อกองทุน” ที่สะดวกสบาย ใกล้บ้าน หรือว่าเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้เป็นหลัก หรือบางครั้งก็พยายามถามว่าซื้อกับธนาคารไหนดี ซึ่งนักลงทุนหลายๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นคงคิดว่าน่าจะมีธนาคารที่เก่งกาจในเรื่องนี้ และมีกองทุนที่ดี และก็คงคิดว่าผลตอบแทนจากกองทุนที่มาจากธนาคารนั้น ต้องดีแน่ๆ เพื่อที่จะได้เลือกลงทุนกับธนาคารแห่งนั้นที่เดียวไปเลย ซึ่งผมจะบอกเลยครับว่า ไม่มีธนาคารไหนที่จะมีกองทุนที่ดีทุกกองทุนครับ แต่ละธนาคารจะมี

จุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่าการลงทุนในกองทุนนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนผ่านธนาคารเพียงอย่างเดียวนะครับ มีอีกหลายที่เลยที่เราสามารถลงทุนได้ และบางครั้งน่าจะตอบโจทย์การลงทุนในกองทุนมากกว่าเสียด้วยซ้ำครับ

สล็อต

แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักว่ามีที่ไหนบ้าง เรามารู้จักตัวย่อและผู้เกี่ยวข้องของบริษัทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการลงทุนกันก่อนนะครับ

1.บลจ. = บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน-มีหน้าที่คือ เป็นโรงงานผลิตกองทุนออกมาขายใหักับนักลงทุนนั่นเองครับ

2.บล. = บริษัทหลักทรัพย์-มีหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขาย หุ้น กองทุน และสินทรัพย์อื่นๆ พูดง่ายๆ ว่า บล.จะเอากองทุนของแต่ละ บลจ.ที่ผลิตออกมา มาขายต่อให้กับนักลงทุนนั่นเองครับ

3.บลน. = บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน-มีหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขายกองทุนเพียงอย่างเดียวครับ ไม่เหมือนกับ บล.ที่สามารถเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นได้ด้วย

4.ตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน-อันนี้เป็นบุคคลธรรมดาที่มีใบอนุญาตในการทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ และซื้อขายหน่วยลงทุน เราอาจจะเคยเห็นเพื่อนๆ เราที่ทำงานด้วยกัน ขายประกันใช่ไหมครับ คล้ายกันครับ แต่เพื่อนๆ กลุ่มนี้จะขายกองทุนแทนนั่นเอง

คราวนี้เรามาต่อกันครับ เชื่อว่าหลายๆ คน อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่ามีทางไหนบ้างที่เราจะซื้อกองทุนได้อย่างสบายใจ ตามผมมาครับ

สล็อตออนไลน์

ทองคำ 13 ส.ค. ขึ้น 100 บาท
บาทเปิด 33.11บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
ซื้อกองทุนกับธนาคาร และ บลจ.โดยตรง

ข้อดี-อันนี้น่าจะเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด เพียงแค่เดินเข้าไปในธนาคารที่อยู่ใต้ตึกที่ทำงาน หรือว่าใกล้บ้าน และวิธีการก็ง่ายมากครับ เหมือนกับการเปิดบัญชีเงินฝากเท่านั้นครับ ท่านก็สามารถลงทุนในกองทุนได้แล้ว

นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ โดยตรง เช่น ถ้าลงทุนในกองทุน EEE จะได้บัตรเครดิต หรือสิทธิพิเศษในระดับ Gold ด้วยนั่นเอง

ข้อสังเกต-วิธีนี้ส่วนใหญ่ธนาคารเองก็จะเลือกขายเฉพาะกองทุนที่ออกโดย บลจ.ที่เป็นเครือข่ายของธนาคารนั้นๆ ครับ เช่น ธนาคาร AAA ก็จะมีขายกองทุนที่ออกโดย บลจ. AAA ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกัน หรือว่ามีความผูกพันกันอยู่ครับ

jumboslot

และกองทุนดีๆ ไม่ได้รวมกันอยู่ที่เดียว เช่น กองทุนหุ้นของธนาคารนี้น่าสนใจ แต่กองทุนตราสารหนี้ของอีกธนาคารทำผลตอบแทนได้ดี เราก็ควรที่จะไปซื้อกองทุนตราสารหนี้จากอีกธนาคารนึง ซึ่งจะเสียเวลาเยอะพอสมควรครับ และการที่จะติดตามพอร์ตการลงทุนก็เป็นไปได้ยากเช่นกันครับ

ซื้อกับ บล.และ บลน.หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน

ข้อดีคือ เนื่องจากว่า บล.และ บลน.นั้น เป็นตัวแทนขายที่ค่อนข้างจะมีกองทุนให้เลือกมากกว่าครับ คือ มีกองทุนดีๆ ของแต่ละ บลจ.มารวมกับไว้ในที่เดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับว่า บล. หรือว่า บลน.นั้น ได้ตกลงกับ บลจ.ไว้กี่เจ้า ซึ่งถ้ามีกองทุนหลากหลายก็น่าสนใจ

slot

เนื่องจากว่า บล.และ บลน.นั้นจะมีการรวมผลตอบแทนจากกองทุน มีข้อมูลกองทุน รวมถึงบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกองทุนได้อย่างกว้างขวางเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้แพง

ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด

ส่วนข้อสังเกตคือ คนที่ลงทุนกับ บล.อาจจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับการลงทุนโดยตรงกับทางธนาคาร หรือ บลจ.น่าจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเลือกที่ซื้อกองทุนมากขึ้นนะครับ ส่วนวันนี้ผมขอลาไปก่อน แล้วพบกันครั้งหน้า สวัสดีครับ

ทำไม SSF ถึงน่าซื้อในปีนี้

หนึ่งในตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจประจำปี 2564 คงหนีไม่พ้นกับกองทุน SSF หรือ กองทุนรวมเพื่อการออม ซึ่งถือว่า กองทุน SSF นี้เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคน

jumbo jili

5 เทคนิคเลือกกองทุน SSF อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

โดยเงื่อนไขในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีนั้น มีดังนี้

ผู้เสียภาษีสามารถซื้อกองทุนรวม SSF ได้สูงสุด 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ต้องเสียภาษีในแต่ละปี แต่เงินที่ซื้อสูงสุดต้องไม่เกิน 200,000 บาท
นอกจากนั้นเมื่อนำยอดซื้อกองทุนรวม SSF มารวมกับค่าลดหย่อนในกลุ่มเกษียณ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) + กบข./กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน + กองทุนการออมแห่งชาติ + ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทอีกด้วย
หากซื้อ กองทุน SSF ในปีไหนจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้นทันที โดยไม่มีเงื่อนไขให้ซื้อติดต่อกันเหมือนกับ RMF
เมื่อซื้อแล้ว ต้องถือครองกองทุน SSF เป็นเวลา 10 ปี (เต็ม) นับตั้งแต่วันที่ซื้อกองทุน

สล็อต

ซึ่งถ้าหากใครปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ และขายกองทุนหลังจากที่ครบกำหนดแล้ว กฎหมายยังยกเว้น กำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ให้ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย

อย่างที่บอกไปว่า กองทุน SSF มีหลายระดับความเสี่ยงให้เลือกลงทุนตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง และยังให้สิทธิ์ในการสับเปลี่ยนกองทุนได้ตลอด (การสับเปลี่ยนในกลุ่มกองทุน SSF ไม่ถือเป็นการขายและซื้อหน่วยลงทุนใหม่) หากไม่พอใจกับผลการดำเนินงานของบลจ. ที่ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน

จะเห็นว่าเงื่อนไขของการลงทุนในกองทุน SSF นั้นเหมาะกับการถือครองในระยะยาว ซึ่งนอกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว สิ่งที่ได้เพิ่มเติมจากการลงทุน คือ ผลตอบแทนนั่นเอง

อีกเหตุผลสำคัญที่ กองทุน SSF เป็นกองทุนที่น่าลงทุนในปีนี้ ก็เพราะว่ามันถูกออกแบบมาให้สำหรับคนที่เป้าหมายในระยะยาว (10 ปีขึ้นไป) โดยที่ไม่ไปรวมกับส่วนที่เป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณอย่าง RMF เช่น กลุ่มเด็กจบใหม่ หรือ กลุ่มที่เริ่มทำงาน ที่ต้องการเก็บเงินตามเป้าหมายในระยะ 10 ปีขึ้นไป เพื่อรองรับอนาคตข้างหน้า หรืออาจจะเป็นกลุ่มที่ต้องการเก็บเงินแยกออกจากเงินเกษียณตามวัตถุประสงค์ด้านอื่นๆ เพราะข้อดีของกองทุน SSF คือ เราไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี แค่ซื้อแล้วต้องถือครองตามเวลาที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

สล็อตออนไลน์

ข้อดีของกองทุน SSF และเทคนิคการเลือก กองทุน SSF ให้เหมาะสม

อย่างไรก็ดี นอกจากจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ว่ามาแล้ว ยังมีเทคนิคเลือกกองทุน SSF ให้โดนใจแบบง่ายๆ มาฝากกันด้วย โดยใช้หลักการ 3 ข้อดังนี้

เป้าหมายการลงทุนกองทุน SSF ในระยะยาว

  1. ถามความต้องการของตัวเองก่อน นั่นคือ เป้าหมายในการลดหย่อนภาษี และ ลงทุนระยะยาว 10 ปีขึ้นไป พร้อมกับกระแสเงินสด (สภาพคล่อง) ในแต่ละปี ถ้าหากตอบคำถามตัวเองได้ว่า ในเมื่อเราเสียภาษี และมีเงินอยู่ พร้อมที่จะลงทุนตามเป้าหมายที่วางไว้ข้างหน้าอย่างน้อย 10 ปี กองทุน SSF นี้ก็อาจจะเป็นคำตอบที่น่าสนใจ

ประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงกองทุน SSF

jumboslot

  1. ประเมินผลตอบแทน ความเสี่ยง และสไตล์การลงทุนของกองทุนที่เหมาะกับเรา ทั้งเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หุ้น ทองคำ หรือ แบบผสมผสานการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในแต่ละระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งถ้าหากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมกับประเมินความเสี่ยงไว้ครบถ้วนแล้ว การเลือกสินทรัพย์ลงทุนก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปอีก

ค่าธรรมเนียม เงินปันผล และผลตอบแทนของกองทุน SSF

slot

  1. พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียม เงินปันผล ผลตอบแทนที่ผ่านมา โดยปัจจัยในการพิจารณาอยู่ที่น้ำหนักของแต่ละคนที่ให้กับเรื่องนั้น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมเหมาะสมกับผลการดำเนินงานหรือไม่ เราอยากได้รับเงินปันผลเป็นกระแสเงินสดมาเรื่อย ๆ หรือไม่ (แต่ต้องแลกกับการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%) ไปจนถึงผลการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากกองทุน SSF บางกองเป็นกองที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเดิมของ บลจ. ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาด้วยว่าเราให้น้ำหนักกับเรื่องไหนเป็นพิเศษหรือไม่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวม มักจะเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนมือใหม่จะเลือกลงทุน เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์การลงทุนมากนัก จึงไม่กล้าที่จะเลือกลงทุนในหุ้นเอง หรือไม่มีเวลาตามข่าวสารตลาด การที่มีผู้จัดการกองทุนนำเงินไปบริหารการลงทุนให้น่าจะดีกว่า แม้จะเป็นนักลงทุนมือใหม่ แต่มักจะเห็นว่าได้มีการศึกษาหาความรู้อยู่ตลอด ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมขึ้นมา มาดูกันว่าคำถาม 10 อันดับแรกที่พบเจอบ่อยเป็นคำถามอะไรกันบ้าง

jumbo jili

อันดับ 10 ตอนเช้าตลาดหุ้นตกหนัก ซื้อเพิ่มเลยดีไหม

การคิดราคา หรือ NAV ของกองทุน จะใช้ราคาปิดของตลาดหุ้นในแต่ละวัน ดังนั้นการดูภาพรวมตลาดจะเหมาะกับนักลงทุนที่ซื้อกองทุนดัชนี หากตอนเช้าตลาดเป็นขาลง แต่ตอนตลาดปิดพลิกกลับมาเป็นขาขึ้น จะทำให้ราคา NAV ของวันนี้จะสูงขึ้นกว่าเมื่อวาน

อันดับ 9 ยิ่งกระจายความเสี่ยงยิ่งดี งั้นซื้อหลายๆ กองดีไหม

ถ้าเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนคล้ายๆ กัน เช่น กองทุนรวมหุ้น การถือหลายๆ กอง อาจจะเกิดการลงทุนทับซ้อนกันได้ เพราะจะมีการถือหุ้นตัวเดียวกัน แบบนี้จะไม่ช่วยในเรื่องการกระจายความเสี่ยง หากต้องการเน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก การกระจายการลงทุนไปในหุ้นประเทศอื่นๆ อาจจะช่วยลดความผันผวนได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะไม่ขึ้นและลงพร้อมๆ กัน ทำให้สามารถรักษาผลตอบแทนของพอร์ตได้

อันดับ 8 ซื้อกองทุน Passive หรือ Active ดีกว่ากัน

การจะเลือกแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละท่าน กองทุน Passive จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับตลาด สามารถรับความผันผวนได้บ้าง ส่วนกองทุน Active จะมีความผันผวนมากกว่า เนื่องจากจะมีโอกาสที่ผลตอบแทนจะสูงกว่าตลาดได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้มากกว่าตลาดเช่นกัน ดังนั้นจึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง

สล็อต

อันดับ 7 ซื้อกองทุนวันปิดสมุดทะเบียนจะได้ปันผลไหม

วันปิดสมุดทะเบียน หรือ XD ย่อมาจาก Excluding Dividend ดังนั้นการซื้อวันปิดสมุดทะเบียน จะไม่ได้เงินปันผลแล้ว หากต้องการรับเงินปันผลในรอบนี้ นักลงทุนจะต้องซื้อก่อนวันปิดสมุดทะเบียน

อันดับ 6 ซื้อกองทุน IPO ดีไหม

การซื้อกองทุน IPO มีข้อดีตรงที่มีค่าธรรมเนียมตอนซื้อที่ต่ำกว่าช่วงหลัง IPO เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งค่าธรรมเนียมนั้นเป็นเพียงหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อกองทุน ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก คือ นโยบายการลงทุน การกระจายความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ผ่านมา (กรณีเป็นกองทุนแบบ Feeder Fund) หากนักลงทุนยังไม่มั่นใจนัก อาจจะรอดูผลตอบแทนระยะสั้นประมาณ 3-6 เดือนก่อน เพื่อดูว่าเทียบกับ Benchmark แล้ว ทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าไหม

อันดับ 5 ทำไมซื้อกองทุนแล้วได้ราคาไม่ตรงกับในเว็บ

สล็อตออนไลน์

ราคา หรือ NAV ที่แสดงในเว็บ จะเป็นราคาที่ไม่รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของกองทุน ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้จะไม่ได้หักจากเงินลงทุนที่เราซื้อกองทุนไป แต่จะหักอยู่ในราคา NAV เลย ทำให้เวลาที่เราเข้าซื้อ จะขึ้นราคา NAV ที่แพงกว่า และเวลาขายออก จะขายได้ราคา NAV ที่ต่ำกว่า

คำถามยอดฮิตเพิ่มเติม : นอกจากคำถามว่าซื้อกองทุนแล้วได้ราคาไม่ตรงกับในเว็บเนื่องจากเรื่องค่าธรรมเนียมแล้ว หลายคนสงสัยว่า ซื้อกองทุนรวมวันนี้ จะได้ NAV วันไหน ในเมื่อ NAV ที่โชว์บนเว็บหรือในแอป ยังเป็น NAV เมื่อ 2-3 วันที่แล้วอยู่

คำตอบคือ จะได้รับ NAV ของวันที่ซื้อ (ก่อนเวลา cut-off time ของแต่ละกอง) ตัวอย่างเช่น ซื้อกองทุน xx วันที่ 26 ม.ค. 64 ก่อนเวลา cut-off time ก็จะได้ NAV กองทุนนั้นของวันที่ 26 ม.ค. 64 (หลังตลาดปิดแล้ว) อย่างไรก็ตาม การซื้อกองทุนรวมจะเป็นแบบ T+1 สำหรับกองในประเทศ และ T+2-3 สำหรับกองต่างประเทศ กล่าวคือ หลังจากซื้อกองทุนแล้ว ต้องรอประมาณ 2-3 วันทำการ NAV ถึงจะขึ้นโชว์บนพอร์ต (ถ้าซื้อ 26 ม.ค. Nav จะขึ้นโชว์บนพอร์ตเราประมาณ 28-29 ม.ค. เป็นต้น)

อันดับ 4 กองทุนปันผลกับไม่ปันผลแบบไหนดีกว่า

กองทุนปันผลจะเหมาะกับนักลงทุนต้องการกระแสเงินสดกลับมาใช้ในชีวิตประจำวัน และไม่ได้ต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคามากนัก หากนักลงทุนต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคา กองทุนปันผลอาจจะไม่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากเมื่อมีการจ่ายปันผลออกมา ราคา NAV ของกองทุนจะลดลง ทำให้ราคา NAV ของกองทุนปันผลนั้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

jumboslot

อันดับ 3 กองทุนที่ถืออยู่ขาดทุนทำอย่างไรดี

ส่วนใหญ่ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อกองทุน มักจะซื้อเพราะต้องการลงทุนในระยะยาว แต่เมื่อขาดทุนจะความกังวลใจ ดังนั้นอยากให้ย้อนกลับไปตอนที่ตัดสินใจซื้อ ว่าซื้อเพราะอะไร เมื่อขาดทุนแล้วกองทุนนี้ยังตอบโจทย์เป้าหมายในตอนแรกอยู่ไหม ถ้าพื้นฐานยังดีอยู่ จะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการซื้อเพิ่ม แต่หากไม่ดีแล้วก็คงต้องจากลากันไป เลือกกองใหม่ที่ตอบโจทย์เป้าหมายดีกว่า

อันดับ 2 DCA วันไหนดี

การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน นักลงทุนหลายๆ ท่านจะอยากเลือกวันที่ได้ราคาต่ำที่สุด แต่จริงๆ การลงทุนแบบ DCA นั้นเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นควรเลือกวันที่เราสะดวกที่สุดดีกว่า เช่น เลือก DCA วันที่เงินเดือนออก จะได้เป็นการออมก่อนใช้ไปในตัว เนื่องจากราคา NAV ในหนึ่งเดือนไม่ได้มีความผันผวนมากเกินไป

slot

อันดับ 1 กองทุนไหนดี

คำถามยอดฮิตอันดับ 1 เชื่อว่าผู้อ่านเองคงจะเคยเป็นฝ่ายถาม หรือ โดนถามมาบ้าง เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ เพราะยังไม่ทราบว่าผู้ถามมีเป้าหมายการลงทุนอะไร ระยะเวลาการลงทุนนานเท่าไหร่ รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน กองทุนที่ดีของคนหนึ่ง อาจจะไม่ดีต่ออีกคนก็ได้ เนื่องจากการมีเป้าหมายที่ต่างกัน ระยะการลงทุนและการยอมรับความเสี่ยงที่ต่างกัน ส่งผลต่อการเลือกกองทุนทั้งหมด ดังนั้นหากผู้ถามให้แนบคำตอบเหล่านี้มาด้วย จะทำให้ตอบได้ง่ายขึ้นค่ะ

จบไปแล้วสำหรับ 10 อันดับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม จะเห็นว่าหลักสำคัญของการลงทุนนั้น นักลงทุนควรจะเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยง เมื่อเกิดผลขาดทุนจะได้ไม่มีอาการกังวลใจเกินไป หรือ สามารถสับเปลี่ยนกองทุนใหม่ได้

วิธีเลือกกองทุนดัชนี

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกกองทุนดัชนีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างไร ขอให้คุณพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

jumbo jili

รูปแบบการลงทุน หากคุณต้องการลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว การลงทุนดัชนีหุ้นดูจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการความมั่นคง คุณอาจเลือกลงทุนในดัชนีตราสารหนี้

ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คุณยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ความเสี่ยงเฉพาะของกองทุนมีอะไรบ้าง กองทุนดัชนีนี้ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนไหม

ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมเวลาซื้อกองทุนแพงไหม แล้วเวลาขายกองทุนจะโดนหักเยอะมั้ย ค่าใช้จ่ายกองทุนถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับกองทุนดัชนีอื่น

วิธีดูว่ากองทุนใดเป็นกองทุนดัชนี

หากคุณสงสัยว่ากองทุนที่คุณดูอยู่เป็นกองทุนดัชนีหรือไม่ คุณเพียงแค่คลิกดูหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หากกลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุนเป็นดังที่แสดงในภาพด้านล่างแล้วล่ะก็ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนดัชนี

ในกรณีที่คุณคลิกหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวม หากนโยบายการลงทุนเป็นแบบภาพด้านล่างล่ะก็ กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนดัชนี

สล็อต

สรุป

กองทุนดัชนี (Index Fund) คือกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง เช่น SET50, S&P500 และ DJIA เป็นต้น

กองทุนดัชนีใช้ลงทุนเชิงรับที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด พูดง่าย ๆ คือ หากดัชนีวิ่งขึ้น 5% กองทุนดัชนีควรจะวิ่งขึ้นให้ได้ใกล้เคียง 5% มากที่สุด

กองทุนดัชนีมาพร้อมกับความเสี่ยงต่ำ ค่าใช้จ่ายต่ำ ผลตอบแทนระยะยาวและเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ แต่นักลงทุนก็ต้องยอมรับการขาดความยืดหยุ่น ผลตอบแทนที่จำกัดและการยอมรับว่าผลตอบแทนอาจเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง (มากกว่าหรือน้อยกว่าดัชนีอ้างอิง)

สล็อตออนไลน์

กองทุนดัชนีมีต้นทุนการบริหารต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund เพราะกองทุนดัชนีเพียงแค่เลียนแบบการลงทุนแบบเดียวกับดัชนี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างบุคลากรในการค้นหาหลักทรัพย์แต่อย่างใดและดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้กองทุนดัชนีมีจำนวนธุรกรรมน้อยครั้งกว่า

ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund จำเป็นต้องจ้างทีมงานค้นคว้าหาหลักทรัพย์ที่ใช่เข้ากองทุน ทำให้มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ค่าใช้จ่ายของกองทุนดัชนีต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% จนถึง 2.5%

ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง = จำนวนเงินลงทุนมากขึ้น = $$$ ที่มากขึ้นนั่นเอง

ความเสี่ยงต่ำ

jumboslot


เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอที่จะกระจายการลงทุน ทำให้กองทุนดัชนีเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุน เพราะคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์นับร้อย นับพันรายการด้วยเงินเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น

ผลตอบแทนน่าสนใจ

ถึงแม้ดัชนีจะมีขึ้นลงตามหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่ในระยะยาวแล้ว กองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนแบบ Active Fund

ข้อเสียของกองทุนดัชนี

ขาดความยืดหยุ่น

slot


เพราะกองทุนดัชนีจำเป็นต้องลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง ทำให้ยามดัชนีอ้างอิงเป็นบวก คุณจะเห็นตัวเลขสีเขียวพร้อมรอยยิ้ม แต่หากดัชนีอ้างอิงดิ่งลงอย่างรุนแรง กองทุนดัชนีก็ดิ่งทะลุนรกไม่ต่างกัน คุณจะเห็นตัวเลขสีแดงบาดจิตบาดใจและทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ขายออก (พร้อมผลขาดทุนยับยู่ยี่)

ผลตอบแทนจำกัด

เพราะเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด โอกาสที่คุณจะได้รับผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดจึงแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นการทำผลตอบแทนมากกว่าตลาด (แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดเช่นกัน)

Tracking Error

Tracking Error คือความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของกลุ่มการลงทุนจะเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง หรือก็คือกองทุนดัชนีจะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงแค่ไหน ซึ่งคุณควรเลือกลงทุนกองทุนดัชนีที่มี Tracking Error ต่ำ

กองทุนดัชนี

หากคุณต้องการลงทุนแต่ไม่มีความรู้ ไม่มีเวลาติดตามและมีเงินลงทุนจำกัด การลงทุนในกองทุนดัชนีเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณ

jumbo jili

คุณอยากทราบว่ากองทุนดัชนีคืออะไร ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในกองทุนดัชนี และคุณจะเลือกกองทุนดัชนีที่ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนอย่างไร

บทความนี้มีคำตอบครับ

กองทุนดัชนีคืออะไร

กองทุนดัชนี (Index Fund หรือ Tracker Fund) คือกองทุนรวมหรือกองทุนอีทีเอฟ (กองทุนรวมที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งซื้อขายแบบเดียวกับหุ้น) ที่จัดกลุ่มการลงทุนตามหรือเลียนแบบดัชนีอย่างเช่น

iBoxx ABF Thailand Index คือดัชนีชี้วัดผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐ ตัวอย่างเช่น ABFTH (กองทุนดัชนีพันธบัตรแรกของไทย)

SET50 คือดัชนีที่แสดงระดับราคาหุ้น 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาดและสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก ตัวอย่างเช่น K-SET50, T-SET50, SCBSET50 เป็นต้น

S&P500 คือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่วัดผลการดำเนินงานของ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น SCBS&P500, TMBUS500, TISCOUS เป็นต้น

สล็อต

พูดง่าย ๆ คือ “ดัชนีมีอะไร กองทุนดัชนีก็มีตามนั้น” แต่ไม่เป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจำเป็นต้องกันเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง

กองทุนดัชนีใช้การลงทุนแบบเชิงรับ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด เช่น หากดัชนี A วิ่งขึ้น 3% กองทุนที่อ้างอิงดัชนี A ควรจะต้องวิ่งขึ้นใกล้เคียงกับดัชนี A มากที่สุดจึงจะถือว่าดี

แตกต่างกองทุนแบบ Active Fund (เน้นการลงทุนเชิงรุก) ที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาด แต่ความจริงที่น่าตกใจคือ กองทุนแบบ Active Fund ส่วนใหญ่ทำผลงานย่ำแย่กว่ากองทุนดัชนีเสียอีก!

ข้อดีและข้อเสียของกองทุนดัชนี

ข้อดี ข้อเสีย
ต้นทุนต่ำ ขาดความยืดหยุ่น
ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนจำกัด
ผลตอบแทนน่าสนใจ Tracking Error
เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่
ข้อดีของกองทุนดัชนี

สล็อตออนไลน์

ต้นทุนต่ำ

กองทุนดัชนีมีต้นทุนการบริหารต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund เพราะกองทุนดัชนีเพียงแค่เลียนแบบการลงทุนแบบเดียวกับดัชนี ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างบุคลากรในการค้นหาหลักทรัพย์แต่อย่างใดและดัชนีมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้กองทุนดัชนีมีจำนวนธุรกรรมน้อยครั้งกว่า

ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund จำเป็นต้องจ้างทีมงานค้นคว้าหาหลักทรัพย์ที่ใช่เข้ากองทุน ทำให้มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งกว่าและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ค่าใช้จ่ายของกองทุนดัชนีต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กองทุนแบบ Active Fund มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% จนถึง 2.5%

ค่าใช้จ่ายที่น้อยลง = จำนวนเงินลงทุนมากขึ้น = $$$ ที่มากขึ้นนั่นเอง

ความเสี่ยงต่ำ

jumboslot

เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอที่จะกระจายการลงทุน ทำให้กองทุนดัชนีเป็นตัวเลือกที่ดีในการกระจายการลงทุน เพราะคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์นับร้อย นับพันรายการด้วยเงินเริ่มต้นหลักร้อยเท่านั้น

ผลตอบแทนน่าสนใจ

ถึงแม้ดัชนีจะมีขึ้นลงตามหลักทรัพย์ที่อ้างอิง แต่ในระยะยาวแล้ว กองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนแบบ Active Fund

ข้อเสียของกองทุนดัชนี

ขาดความยืดหยุ่น

slot

เพราะกองทุนดัชนีจำเป็นต้องลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง ทำให้ยามดัชนีอ้างอิงเป็นบวก คุณจะเห็นตัวเลขสีเขียวพร้อมรอยยิ้ม แต่หากดัชนีอ้างอิงดิ่งลงอย่างรุนแรง กองทุนดัชนีก็ดิ่งทะลุนรกไม่ต่างกัน คุณจะเห็นตัวเลขสีแดงบาดจิตบาดใจและทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ขายออก (พร้อมผลขาดทุนยับยู่ยี่)

ผลตอบแทนจำกัด

เพราะเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด โอกาสที่คุณจะได้รับผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดจึงแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นการทำผลตอบแทนมากกว่าตลาด (แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดเช่นกัน)

Tracking Error

Tracking Error คือความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของกลุ่มการลงทุนจะเบี่ยงเบนจากดัชนีอ้างอิง หรือก็คือกองทุนดัชนีจะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงแค่ไหน ซึ่งคุณควรเลือกลงทุนกองทุนดัชนีที่มี Tracking Error ต่ำ

วิธีออมเงินให้งอกเงย

จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้หลายคนประสบปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยวางแผนด้านการเงินมาก่อน หรือแม้บางรายพอมีเงินเก็บแต่ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ดังนั้นเราจึงควรลงทุนสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยขึ้นด้วย

jumbo jili

แต่สำหรับคนที่มีเงินออมต่อเดือนน้อย อยากให้ลองเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินจำนวนแค่นี้ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้แล้ว ดีกว่าฝากออมทรัพย์ธรรรมดาที่มีดอกเบี้ยแค่ 0.25% หรือรับดอกเบี้ยแค่ 2.5 บาทเท่านั้น

โดยสำนักข่าว”อีไฟแนนซ์ไทย” ได้รวบรวม 7 วิธีออมให้เงินงอกเงยได้ แค่มีเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทไว้ดังนี้

  1. บัญชีเงินออมดิจิทัล

บัญชีเงินออมดิจิทัลหรือเข้าใจง่ายๆ คือบัญชีออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก(Book Bank) ซึ่งบัญชีดังกล่าวจะได้รับดอกเบี้ยประมาณ 0.5-1.5% สามารถฝาก ถอน โอนได้ ผ่านระบบออนไลน์ โดยในหลายธนาคารไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำในการฝาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะมีวินัยในการเก็บอย่างสม่ำเสมอ แต่อยากได้ดอกเบี้ยมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอย่างน้อยๆ เงินเริ่มต้นแค่ 1,000 บาท หากคิดดอกเบี้ย 0.5% จะได้ดอกเบี้ยแล้วประมาณ 5 บาท

สล็อต

2.เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี

บัญชีเงินฝากประจำแบบปลอดภาษี ปัจจุบันเริ่มต้นเงินฝากขั้นต่ำตั้งแต่ 500 หรือ 1,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงประมาณ 1.25-2.30% ซึ่งต้องฝากเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากัน มีกรอบเวลา 24 เดือน หรือ 36 เดือน ข้อดีคือไม่ต้องเสียภาษี แต่จำกัดการเปิดบัญชี 1 คนต่อ 1 บัญชีเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มออม อยากฝึกวินัยไม่ชอบเสี่ยงและมีเงินไม่มาก ได้ครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

คิดง่ายๆ หากเราออมเงิน 1,000 บาท ครบ 24 เดือน ปกติเงินต้นเพียง 24,000 บาท แต่หากฝากประจำแบบปลอดภาษี คิดดอกเบี้ย 2.30% จะได้เงินเพิ่มอีก 552 บาท หรือมีเงินออมเพิ่มขึ้นรวม 24,552 บาท

  1. เงินฝากประจำทั่วไป

บัญชีเงินฝากประจำแบบทั่วไป ปัจจุบันมีเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท ก็สามารถเปิดบัญชีฝากได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงประมาณ 0.5-1.5% โดยต้องฝากเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากัน มีกรอบช่วงเวลาตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 48 เดือน ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่งกำหนด เงื่อนไขคือต้องเสียภาษีดอกเบี้ย ณ ที่จ่ายประมาณ 15% แต่ข้อดีคือ 1 คนสามารถเปิดบัญชีประเภทดังกล่าวได้มากกว่า 1 บัญชี เหมาะสำหรับคนเริ่มมีวินัยการออมแล้ว และมีเงินต้นจำนวนมาก แต่ไม่อยากเสี่ยงเสียเงินต้น

สล็อตออนไลน์

  1. สลากออมทรัพย์

หากใครมีเงินเพียง 1,000 บาท แต่สนใจลงทุนในสลากออมทรัพย์ เริ่มต้นได้ที่ ธนาคารออมสิน ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปีขึ้นไป เพื่อลุ้นถูกรางวัลในแต่ละเดือน หรือตามเงื่อนไขของสลากแต่ละรุ่นกำหนด สามารถซื้อเพียงครั้งเดียวหรือเพิ่มหลายครั้ง ซึ่งผลตอบแทนคือลุ้นการถูกสลากรางวัล

โดยกรอบเงินรางวัลมีตั้งแต่ 20 บาท ถึง 10 ล้านบาท เพราะฉะนั้นใครหวังเฮงถูกเงินล้านแบบไม่ต้องเสียเงินต้นแบบลอตเตอรี่ แถมสลากบางรุ่นยังมีดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สลากออมทรัพย์อาจเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนชอบลุ้น

  1. กองทุนรวม

หากผลตอบแทนที่กล่าวมายังไม่เร้าใจพออยากได้สูงกว่า 2% และพอจะมีความรู้ด้านการลงทุน แต่ไม่มีเวลาบริหารเอง แนะนำกองทุนรวมเพราะมีผู้จัดการกองทุนมาบริการเงินให้ ซึ่งมีกองทุนให้เราเลือกมากมาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ซึ่งบางแห่งมีเงินแค่ 1 บาทก็สามารถลงทุนได้แล้ว

jumboslot

โดยแต่ละกองจะกำหนดเงื่อนไขความเสี่ยงของผู้ลงทุนในระดับที่รับได้ แบ่งเป็น 8 ระดับ มีทั้งเสี่ยงต่ำ ปานกลาง มาก และมากที่สุด โดยแต่ละกองจะอธิบายถึงความเสี่ยง รายละเอียด และผลตอบแทนย้อนหลังให้พิจารณาตามหนังสือชี้ชวน

สำหรับผลตอบแทนบางกองอาจได้กลับมาในระดับ 5-10% ต่อปี เทียบเงินต้น 1,000 บาทจะได้ผลตอบแทนประมาณ 50-100 บาท หรืออาจมากกว่า 50% ต่อปี หรือรับผลตอบแทนเพิ่ม 500 บาท แต่ความเสี่ยงเงินต้นหายก็มีด้วยเช่นกัน

  1. ออมหุ้นไทยแบบ DCA ผ่านโบรกเกอร์

เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนหุ้นไทยอย่างสม่ำเสมอ แต่เงินลงทุนและความรู้ยังน้อย โดย DCA คือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนในหุ้นตัวเดียวกันทุกๆ เดือนหรือสัปดาห์ ตามที่บริษัทหลักทรัพย์(บล.) หรือโบรกเกอร์แต่ละรายกำหนด ทำให้เราสามารถซื้อหุ้นที่มีทิศทางการดำเนินงานดีแต่ราคาสูงได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 50, SET100 ให้เลือกลงทุน

ซึ่งเงินที่งอกเงยจากการลงทุนมาจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นและเงินปันผล โดยสถิติข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าการลงทุนหุ้นไทยมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี หากคิดผลตอบแทนเงินออมเพียง 1,000 บาท จะมีกำไรแล้ว 100 บาท

slot

  1. ออมทอง

มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ วลีนี้ยังคงใช้ได้กับสังคมไทย แต่การซื้อเพื่อได้ทองมาครอบครองอาจใช้เงินมากกว่าที่มี ดังนั้นร้านค้าทองหลายแบรนด์จึงออกโปรแกรมออมทอง เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนเงินน้อย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสม และหากสะสมเงินครบตามราคาสินค้าทอง สามารถแลกรับทองจริงได้ หรือเลือกสะสมเงินต่อเพื่อแลกรับทองขนาดที่ใหญ่กว่า รวมถึงขายเพื่อนำเงินสดออกมาก่อนก็ได้เช่นกัน โดยปัจจุบันสามารถใช้เงินขั้นต่ำ 10 บาทเพื่อออมทองได้ ซึ่งผลตอบแทนช่วงปี 63 ที่ผ่านมาพบว่าหากใครถือครองทองคำต้นปีถึงปลายปีจะได้กำไรประมาณ 20% หรือคิดเงินลงทุน 1,000 บาท จะได้กำไรถึง 200 บาท

ทั้งหมดนี้คือแนวทางการออมสำหรับผู้มีเงินน้อย 1,000 บาท แม้การเริ่มออมจะยากสำหรับใครหลายคน แต่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจออมเงินกันง่ายมากขึ้น เพราะเมื่อเราประสบวิกฤตทางการเงิน อาจทำให้การใช้ชีวิตนั้นยากยิ่งกว่า ดังนั้นหากเราเริ่มลงมือ และสร้างวินัยเลือกการออมอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 1 วิธี ก็จะทำให้เราป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ และที่สำคัญอาจทำให้เรารวยได้จากเงินออมเพียงน้อยนิดก้อนนี้

นึกไว้เสมอว่า “ของใหม่” อาจจะไม่ใช่ “ของดี”

ในกรณีที่ของใหม่มาก ๆ ประมาณว่าเพิ่งตั้งขึ้นเป็นครั้งแระ หรือ เป็นกองทุนที่ไม่มี master fund(ถ้าเป็น FIF) อาจจะต้องพิจารณาให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยดูจากคนที่มาเป็นผู้จัดการกองทุน สอบถามถึงประวัติการบริหารกองทุนเดิม หรือ ถ้าเป็นไปได้ ให้ “รอดูผลงานการลงทุน” ก่อนที่จะลงทุน ตราบใดที่เงินยังอยู่ในมือเรา มันไม่ได้หายไปไหนครับ ดังนั้น ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามกว่าแน่นอนในกรณีนี้

jumbo jili

ส่วนถ้าเป็นกองทุนที่เป็น FIF และมีกองทุน Master Fund แล้วละก็ ก็ให้ไปย้อนดูว่า กองทุน Master Fund นั้น มีประวัติอย่างไร บริหารได้ดีไหม

อย่าลืมว่า กองทุนต่างประเทศแบบนี้ มีค่าธรรมเนียม 2 ต่อ (ทั้งในและต่างประเทศ) มีเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย และ กองทุนในไทยที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกทีนั้น บางทีก็มีการดำเนินนโยบายไม่เหมือนกับกองทุน Master Fund ในต่างประเทศก็เป็นไปได้ครับ ดังนั้น ผลตอบแทนของกองทุนในไทยนั้น อาจจะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าที่เห็นในกองทุน Master Fund ในต่างประเทศก็เป็นไปได้ครับ ดูดี ๆ นะครับ

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญของการลงทุน ไม่ใช่เพียงแค่ปล่อยให้เป็นภาระแก่ผุ้จัดการกองทุนในการบริหารเงินลงทุนของเรา เพราะว่า ผู้จัดการกองทุนเอง ก็ยังผิดพลาดได้ครับ
การลงทุนเองก็มีความเสี่ยงที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอต่อให้เป็นคนเก่งมีประสบการณ์ก็ตามที่ ดังนั้นนักลงทุนเองก็ต้องระมัดระวังการลงทุน อย่าใจร้อน และต้องคอยติดตามการลงทุนด้วยนะครับ

สล็อต

นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นนะครับ อันนี้เป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าหลายคนรักพี่เสียดายน้อง กองทุนประเภทเดียวกัน เช่นกองทุนหุ้น ก็มีหลายกองทุน กองทุนตราสารหนี้ก็มีหลายกองทุน เพราะว่าใคร ๆ ก็บอกว่ากองทุนนั้นดี กองทุนนี้ดี และเราก็ลงทุนโดยกลัวที่จะเสียโอกาส ซึ่ง ไม่ใช่หลักการลงทุนที่ดีเลย

ลองนึกดูง่าย ๆ นะครับ อย่างกองทุนหุ้นเอง บางกองทุนก็ไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน ยิ่งเราซื้อกองทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสซ้ำกันเท่านั้นครับ เช่นกองทุนAA อาจจะมีหุ้น 30 ตัว ซึ่งซ้ำกับกองทุน BB ประมาณ 10 ตัว เรามีกองทุนแบบนี้มากขึ้น 5 กองทุน หุ้นที่อยู่ในกองทุนก็ซ้ำกันเกิน 30 กองทุนแล้วครับ ซึ่งถ้าพิจารณาดี ๆ เราไปลงทุนในกองทุน SET50 หรือ กองทุนแบบ Passive Fund อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง ๆ นั่นเองครับ

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

สล็อตออนไลน์

เลือกองทุนที่ดี ที่เราชอบมาเพียง 2 กองทุนต่อประเภทกองทุน ก็เพียงพอแล้ว เช่นกองทุนหุ้น 2 กองทุน กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ซึ่งถ้าจะให้กระจายความเสี่ยงมากขึ้น ก็ให้เราเลือกกองทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่นกองทุนนึงเน้น Buy and Hold อีกกองทุนเน้นการซื้อ-ขาย เป็นต้น

  1. เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเฉพาะตอนที่กองทุนมีกำไร
    แน่นอนครับ ใคร ๆ ก็อยากที่จะรวยเร็ว รวยแรง รวยสุด ๆ แต่การทุ่มเงินลงทุนมากเกินความจำเป็นก็อาจจะทำให้ เราผิดพลาดได้เช่นกัน โดยคนส่วนใหญ่มักจะเพิ่มเงินลงทุนให้มากขึ้น เมื่อเห็นว่ากองทุนที่ตนเองลงทุนอยู่นั้น เริ่มทำผลตอบแทนได้ดี ได้สูงมากขึ้น

ผลก็คือได้ของแพงจำนวนมากมาอยู่ในมือ ประกอบกับในขณะนั้น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นที่อยู่ในกองทุนขึ้นมามากจนถึงจะอิ่มตัว หรือ มากกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก ๆ แน่นอนว่ามีโอกาสที่กองทุนจะปรับตัวลดลงมาได้มากเช่นกันครับ สุดท้ายเราก็เกิดอาการ หรือ สภาวะติดดอย และเป็นดอยที่สูงเสียด้วยครับ T-T

jumboslot

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

เนื่องจากการลงทุนกับกองทุน ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรเสียเท่าไหร่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าธรรมเนียมค่อนข้างแพง ถ้ามีการซื้อ-ขายบ่อย ๆ ก็อาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุน ดังนั้นก็ควรที่จะคิดเสมอว่า การลงทุนในกองทุนอาจจะไม่ทำให้เรารวยเร็ว รวยแรงได้ แต่การลงทุนในกองทุนนั้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวครับ เมื่อนักลงทุนเลือกกองทุนที่ถูกใจได้แล้ว จะแบ่งเป็น 2 กรณี

3.1 ถ้าลงทุนเป็นเงินก้อน ให้มีการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมไม่ผันผวนมากนัก และควรมีการทำ rebalancing พอร์ตการลงทุน อยู่ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี

3.2 ถ้าลงทุนแบบทยอยลงทุน ให้ทำการ DCA กองทุนรวมหุ้นที่เราสนใจจะทำให้เราได้ราคาเฉลี่ยที่ดี และช่วยให้ง่ายต่อการวางแผนการเงิน ให้บรรลุตามเป้าหมายได้ดีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยวินัยในการลงทุนอย่างมาก และใช้เวลานาน

slot

  1. ชอบซื้อกองทุนออกใหม่
    เดี๋ยวนี้มีกองทุนออกมาใหม่กันมากมาย หลายคนก็มักจะชอบกองทุนที่ออกมาใหม่ โดยเฉพาะกองทุนแบบ FIF

เนื่องจากมีการโปรโมทจาก บลจ. และส่วนใหญ่ก็มักจะมีมุมมองทางเศรษฐกิจมาส่งเสริมให้ดูน่าลงทุนกับกองทุนใหม่ ๆ ก็ทำให้นักลงทุนหลายท่าน แห่กันไปซื้อกองทุนที่เปิดใหม่เหล่านี้ โดยไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยง หรือ ลงทุนทั้ง ๆ ที่ยังไม่เข้าใจว่ากองทุนนั้นไปลงทุนกับหุ้น หรือสินทรัพย์อะไรบ้าง ทำให้หลาย ๆ ครั้ง ลงทุนไปแล้ว เกิดอาการติดดอย (อีกแล้ว)

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

ความผิดพลาดเวลาซื้อกองทุน

สวัสดีคร้าบ วันนี้กลับมาพบกับผม หมอนัท คนดี คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ “บทความใหม่” คราวนี้มาพบกับทบความแบบสบาย ๆ ง่าย ๆ แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม และคนส่วนใหญ่มีปัญหากับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมือใหม่

jumbo jili

ส่วนมือเก๋า บางปัญหาที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ก็ยังมีบางคนที่ยังคงเป็นอยู่ หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ครับ ก็เลยถือโอกาสออกบทความ ทบทวนกันสักนิดเพื่อให้ใครหลายๆ คนได้ทราบถึงแนวทาง แนวคิดการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้นครับ
แต่ความผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด จากความไม่เข้าใจในประเภท หรือ องค์ประกอบของกองทุน เช่น NAV หรือ การปันผลของกองทุน ซึ่งคราวนี้ เป็นปัญหาที่เราพบได้บ่อย ๆ กับการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนเองที่ซื้อกองทุนรวมแบบไม่มีวินัย และคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปก็คือ

  1. ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะกับตนเอง
    ปัญหานี้ ผมมักจะพบได้ในช่วง 2-3 ปีมานี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่กองทุนต่างประเทศ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะลงทุนตามคำบอก หรือ คำแนะนำของ บลจ. ที่ออกกองทุน และมักจะลืมไปว่า ความเสี่ยงของกองทุนที่เราจะลงทุนนั้น สูง ขนาดไหน หรือ มีสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับ แนวคิด หรือ นิสัยการลงทุนของเราหรือไม่ครับ

สล็อต

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความโลภ เข้าบังตา บังใจอยู่นั่นเองครับ(55+) เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ มีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดูดี และก็ยังมีความน่าสนใจจากแนวโน้มของการเติบโตในบางอุตสาหกรรม หรือ บางประเทศด้วย(ซึ่งจริง หรือไม่จริง ก็ไม่รู้) หรือ บางคนก็ลงทุนเพราะว่า ความเท่ห์ เพราะว่าใคร ๆ ก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศทั้งนั้น (ไม่ไป ไม่ลงทุนก็เหมือนจะตกเทรนด์)

ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าจะลงทุนไม่ได้ เพียงแต่เราต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตัวเราด้วย

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

หากองทุนที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งคำว่า “เหมาะสม” นั้นหมายถึง

1.1 เข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนนั้นว่า มีการลงทุนแบบไหน เช่น ซื้อแล้วถือยาว หรือ มีกระบวนการเลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์อื่น ๆ เข้ามาอยู่ในกองทุนอย่างไร ถูกใจ หรือ โดนใจเราหรือว่าไม่

1.2 ความเสี่ยงไม่สูงมากเกินไปกว่าที่เราจะรับได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน Healthcare ที่มีความเสี่ยงสูง แต่นักลงทุนมักจะเข้าใจว่าเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ซึ่งไม่ใช่เลย เนื่องจาก Healthcare ในต่างประเทศ ไม่ได้หมายถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการลงทุนในบริษัทยา หรือ บริษัทที่ผลิต วัคซีน รวมถึงกลุ่ม Biotechnology ที่มีความเสี่ยงสูงครับ

สล็อตออนไลน์

4 ความผิดพลาด เวลาซื้อ “กองทุน”
by Dr. Nut,May 23, 2016 10:50 PM
writer of Docternut
Share on Facebook
HIGHLIGHTS
ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง
ซื้อกองทุนมากเกินไป
เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นตอนที่กองทุนมีกำไร
ชอบซื้อกองทุนออกใหม่
สวัสดีคร้าบ วันนี้กลับมาพบกับผม หมอนัท คนดี คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ “บทความใหม่” คราวนี้มาพบกับทบความแบบสบาย ๆ ง่าย ๆ แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม และคนส่วนใหญ่มีปัญหากับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมือใหม่
ส่วนมือเก๋า บางปัญหาที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ก็ยังมีบางคนที่ยังคงเป็นอยู่ หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ครับ ก็เลยถือโอกาสออกบทความ ทบทวนกันสักนิดเพื่อให้ใครหลายๆ คนได้ทราบถึงแนวทาง แนวคิดการลงทุนที่ถูกต้องมากขึ้นครับ
แต่ความผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด จากความไม่เข้าใจในประเภท หรือ องค์ประกอบของกองทุน เช่น NAV หรือ การปันผลของกองทุน ซึ่งคราวนี้ เป็นปัญหาที่เราพบได้บ่อย ๆ กับการลงทุนในกองทุนรวมของนักลงทุนเองที่ซื้อกองทุนรวมแบบไม่มีวินัย และคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปก็คือ

jumboslot

  1. ซื้อกองทุนที่ไม่เหมาะกับตนเอง
    ปัญหานี้ ผมมักจะพบได้ในช่วง 2-3 ปีมานี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่กองทุนต่างประเทศ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะลงทุนตามคำบอก หรือ คำแนะนำของ บลจ. ที่ออกกองทุน และมักจะลืมไปว่า ความเสี่ยงของกองทุนที่เราจะลงทุนนั้น สูง ขนาดไหน หรือ มีสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับ แนวคิด หรือ นิสัยการลงทุนของเราหรือไม่ครับ

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความโลภ เข้าบังตา บังใจอยู่นั่นเองครับ(55+) เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ มีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดูดี และก็ยังมีความน่าสนใจจากแนวโน้มของการเติบโตในบางอุตสาหกรรม หรือ บางประเทศด้วย(ซึ่งจริง หรือไม่จริง ก็ไม่รู้) หรือ บางคนก็ลงทุนเพราะว่า ความเท่ห์ เพราะว่าใคร ๆ ก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศทั้งนั้น (ไม่ไป ไม่ลงทุนก็เหมือนจะตกเทรนด์)

ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าจะลงทุนไม่ได้ เพียงแต่เราต้องเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตัวเราด้วย

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

หากองทุนที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งคำว่า “เหมาะสม” นั้นหมายถึง

1.1 เข้าใจสไตล์การลงทุนของกองทุนนั้นว่า มีการลงทุนแบบไหน เช่น ซื้อแล้วถือยาว หรือ มีกระบวนการเลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์อื่น ๆ เข้ามาอยู่ในกองทุนอย่างไร ถูกใจ หรือ โดนใจเราหรือว่าไม่

1.2 ความเสี่ยงไม่สูงมากเกินไปกว่าที่เราจะรับได้ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน Healthcare ที่มีความเสี่ยงสูง แต่นักลงทุนมักจะเข้าใจว่าเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ซึ่งไม่ใช่เลย เนื่องจาก Healthcare ในต่างประเทศ ไม่ได้หมายถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการลงทุนในบริษัทยา หรือ บริษัทที่ผลิต วัคซีน รวมถึงกลุ่ม Biotechnology ที่มีความเสี่ยงสูงครับ

4 ความผิดพลาด เวลาซื้อ “กองทุน”

slot

  1. ซื้อกองทุนมากเกินไป
    ณ FB คลินิกกองทุน

นาย B: พี่หมอครับ ผมมีปัญหากองทุนมาถามครับ

หมอนัท : ครับ

นาย B : ผมมีกองทุนอยู่ 20 กองทุนครับ ผมสนใจจะซื้อเพิ่ม ไม่รู้ว่ามีกองทุนไหนที่น่าสนใจบางไหมครับช่วงนี้ รบกวนหน่อยนะครับ ส่วนกองทุน AAA ผมขาดทุนอยู่ทำไงดี และกองทุน BBB กำลังขึ้นมาขายได้ไหมครับ กองทุน CCC ก็ดีนะครับ แต่ทำไมช่วงนี้ผันผวนจัง……….etc….. จนถึงกองทุนที่ 20

หมอนัท : อ่อ…น้องครับ นี่จะเล่มเกมส์ 20 คำถามกับพี่เหรอ …(พยายามสงบใจ) น้องขายเหอะครับเชื่อพี่ เอาให้เหลือ 3-4 กองทุนก็พอแล้วนะครับ…..หรือไม่ก็ไปซื้อกองทุนดัชนี หรือ passive fund น่าจะดีกว่าครับ

นาย B : อ่อ… ขอบคุณครับ

(จากนั้นผมก็ไม่เห็นน้องคนนี้มาถามอีกเลย)

นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นนะครับ อันนี้เป็นเรื่อง ผมเชื่อว่าหลายคนรักพี่เสียดายน้อง กองทุนประเภทเดียวกัน เช่นกองทุนหุ้น ก็มีหลายกองทุน กองทุนตราสารหนี้ก็มีหลายกองทุน เพราะว่าใคร ๆ ก็บอกว่ากองทุนนั้นดี กองทุนนี้ดี และเราก็ลงทุนโดยกลัวที่จะเสียโอกาส ซึ่ง ไม่ใช่หลักการลงทุนที่ดีเลย

ลองนึกดูง่าย ๆ นะครับ อย่างกองทุนหุ้นเอง บางกองทุนก็ไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน ยิ่งเราซื้อกองทุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสซ้ำกันเท่านั้นครับ เช่นกองทุนAA อาจจะมีหุ้น 30 ตัว ซึ่งซ้ำกับกองทุน BB ประมาณ 10 ตัว เรามีกองทุนแบบนี้มากขึ้น 5 กองทุน หุ้นที่อยู่ในกองทุนก็ซ้ำกันเกิน 30 กองทุนแล้วครับ ซึ่งถ้าพิจารณาดี ๆ เราไปลงทุนในกองทุน SET50 หรือ กองทุนแบบ Passive Fund อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง ๆ นั่นเองครับ

แนวคิด และวิธีการแก้ไข

เลือกองทุนที่ดี ที่เราชอบมาเพียง 2 กองทุนต่อประเภทกองทุน ก็เพียงพอแล้ว เช่นกองทุนหุ้น 2 กองทุน กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ซึ่งถ้าจะให้กระจายความเสี่ยงมากขึ้น ก็ให้เราเลือกกองทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่นกองทุนนึงเน้น Buy and Hold อีกกองทุนเน้นการซื้อ-ขาย เป็นต้น

ไลฟ์สไตล์ต้องห้าม ถ้าอยากสบายยามแก่

เราทุกคนล้วนมีความคาดหวังและความฝันที่จะมีชีวิตที่มั่นคงในวัยเกษียณ แต่ถ้าคุณได้แต่หวังแล้ว ไม่มีการวางแผนและไม่ลงมือทำ ฝันของคุณคงไม่มีทางเป็นจริงไปมิได้แน่นอน เพราะในชีวิตประจำวันเราต่างก็มีความรับผิดชอบและพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยที่แตกต่างกันออกไป พบกับบทความจาก www.kapook.com ทีจะเป็นแนวทางให้คุณได้ลองเช็คดูว่า ในแต่ละเดือนคุณหมดเงินไปกับพฤติกรรมอะไรบ้าง

jumbo jili

  1. ติดหวย

หลายคนฝากความหวังไว้กับหวยทั้งบนดินและใต้ดิน เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นของเรา แต่รู้ไหมว่า 80-100 บาทที่เสียไป โอกาสในการถูกรางวัลน้อย หากลองคิดดู คุณเคยถูกหวยกี่ครั้ง ครั้งละกี่บาท แล้วคำนวณดูซิ ว่าระหว่างที่คุณลงทุนไป กับผลตอบแทนที่ได้มาคุ้มมั้ย !!!

  1. ติดบุหรี่-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

รู้ไหม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ถ้าลองคำนวณเงินที่ลงไปกับการรินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงแก้ว และการเผาบุหรี่ไปนับว่าเป็นเงินหลายบาท โดยมีงานวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า คนไทยมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 839-1,539 บาท/เดือน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบเฉลี่ย 546 บาท/เดือน คำนวณดูแล้วหมดเงินไปปีละเป็นหมื่น ลองคิดดูซิ นอกจากคุณเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แล้ว คุณยังเสียสุขภาพอีกด้วย

สล็อต

  1. ติดเพื่อน-สังคม

คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเทศกาลไหนก็ต้องจัดปาร์ตี้สังสรรค์ ถ้าหากคุณใช้ชีวิตแบบนี้ คงไม่มีเงินเก็บแน่นอน ฉะนั้นหากอยากมีเงินเก็บ งดปาร์ตี้บ้างก็ดี หรือนาน ๆ ทีค่อยสังสรรค์ก็ได้

  1. ติดช้อป

ไม่ว่าจะเป็นของจำเป็นใช้หรือไม่จำเป็นต้องใช้ หากขยันซื้อ ชอบจ่าย เป็นสายเปย์ เงินที่ถืออยู่จะหมดไปกับการจับจ่ายใช้สอยของเรา และบางคนอาจใช้เงินจนเกินตัว เงินสดไม่พอก็รูดบัตรเครดิตให้เป็นภาระหนี้ในเดือนถัดไปอีกต่างหาก ถ้าไม่ประหยัดเงินไว้บ้างมีหวังชีวิตลำบากตอนแก่แน่ ๆ

สล็อตออนไลน์

  1. ติดแฟชั่น

เวลาไปเดินตลาดนัดทีไร พอเห็นเสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแฟชั่นใหม่ ๆ วางขายสลับสับเปลี่ยนแบบไปทุกซีซั่นก็เผลอควักเงินออกจากกระเป๋าทุกที ทั้งที่เสื้อผ้าดี ๆ ก็ยังมีอยู่เต็มตู้ หรือบางคนพอไปเดินห้างสรรพสินค้า เห็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่มีฟีเจอร์เด็ดโดนใจ ก็รีบเอาเครื่องเก่าไปขายมือสองแบบไม่ต้องคิดแล้วซื้อเครื่องใหม่แทน ตามแฟชั่นขนาดนี้ จะมีเงินเก็บก็คงยากล่ะว่าไหม ?

  1. ติดการผ่อน

สมัยนี้บัตรกดเงินสด บัตรเครดิตทำง่าย สร้างโอกาสในการเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีโปรโมชั่น ได้สิทธิพิเศษให้ผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือน ยิ่งทำให้การตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะคิดว่าผ่อนเดือนละไม่กี่บาท แต่รู้ไหมว่าถ้าซื้อเงินผ่อนจนเพลิน รวมกันหลายชิ้นก็ตกหลายพันบาท แล้วถ้าเลือกจ่ายบัตรเครดิตแบบขั้นต่ำ หรือ 10% ของยอดค้างชำระ หายนะจากดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้คุณเป็นหนี้ก้อนโตอย่างคาดไม่ถึงเลย

jumboslot

  1. ติดสบาย

ทำงานได้เงินมาก ก็ให้รางวัลความเหนื่อยโดยการใช้จ่ายมากจนลืมที่จะแบ่งเงินที่ได้มาเก็บออมเอาไว้ใช้ยามเกษียณ เมื่อคุณอายุ 60 ปี ไม่มีงาน ไม่มีเงิน คุณจะกิน จะใช้อย่างไร จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายกันล่ะ

ถ้าลด ละ เลิก ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ได้ เชื่อว่าทุกคนจะเหลือเงินมาเก็บออมได้แน่ ๆ ค่ะ แต่ถ้าหากคิดว่าตัวเองเก็บเงินไม่อยู่จริง ๆ ลองใช้วิธีฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจะได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลสูงสุด 100% เริ่มออมง่าย ๆ ขั้นต่ำแค่ 50 บาท สะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะได้มีบำนาญช่วยให้ชีวิตสบายในบั้นปลาย ไม่ต้องลำบากยามชราด้วยนะคะ

slot

เมื่อถึง “เทศกาลวันแห่งความรัก” บรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ก็เริ่มที่จะตระเตรียมของขวัญฝากรักแทนใจเพื่อให้คนสำคัญ ได้ประทับใจมิรู้ลืม คุณยังนึกไม่ออกว่าปีนี้จะหาของขวัญอะไรดีน๊า ให้กับคนสำคัญของคุณ ลองอ่านบทความจาก www.kapook.com ที่จะมาแนะนำของขวัญที่สุดพิเศษ และยังช่วยให้เงินในกระเป๋าของคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อบอวลไปด้วย ความรัก ความสุข ความสดใสของหนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างพากันมองหาและมอบของขวัญแทนใจให้แก่กันและกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต ตุ๊กตา เสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนแต่ทำให้เงินในกระเป๋าของคุณลดลงทั้งน้านนนนน

สำหรับวาเลนไทน์ปีนี้ ใครที่ยังมองหาของขวัญให้กับคนรักแล้วละก็ เปลี่ยนเงินที่จับจ่ายซื้อของขวัญ มาเป็นตัวเงินที่เพิ่มขึ้นจากการออมกันดีกว่า ลองมองหาของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ผู้รับสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สร้างความสุข ความประทับใจไปยาว ๆ อย่างเช่น การเปิดบัญชีเงินฝากประจำให้เป็นของขวัญ ซื้อกองทุนรวม ซื้อสลากออมทรัพย์ในชื่อคนรัก