ขั้นตอนการเลือกกองทุนรวม

“กองทุนรวม” เป็นสินค้าทางการเงินที่เหมาะกับคนที่ทำงานประจำหรือเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะเราจำเป็นต้องแบ่งเวลามาทำงานของตัวเอง และก็คงจะไม่มีเวลามาดูแลเรื่องการลงทุนสักเท่าไหร่

jumbo jili

หลาย ๆ ครั้งก็มีการลงทุนบางประเภทที่เราก็เข้าไม่ถึง เช่น พันธบัตรรัฐบาล ที่โดยปกติต้องซื้อผ่านการประมูลและจำเป็นต้องใช้เงินหลายล้านบาท มนุษย์เงินเดือนแบบเรา ๆ ที่มีเงินเดือนหลักหมื่นคงไม่มีปัญญาเข้าถึง แต่เราก็สามารถลงผ่านกองทุนรวมได้ ซึ่งการลงทุนใน “กองทุนรวม” ก็มีมืออาชีพช่วยดูแลอีกทางนึงด้วย

สำหรับนักลงทุนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่อยู่นอกสายการเงินที่ไม่ค่อยมีเวลาศึกษาและติดตามเรื่องการลงทุนมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะสนใจกองทุนรวม แต่คำถามยอดฮิตที่พี่ทุยเจอ คือ กองทุนไหนน่าลงทุนที่สุด ? บทความนี้พี่ทุยจะพามาหาคำตอบกับขั้นตอนการเลือกกองทุนรวม ถึงแม้ว่าอาจจะเยอะหน่อย แต่พี่ทุยอยากให้อ่านจริง ๆ เพราะมันคุ้มค่ากับการเสียเวลาอ่านแน่นอน

  1. ก่อนซื้อ “กองทุนรวม” ต้องสำรวจตัวเองกันก่อน
    ว่าเราต้องการอะไรจากการลงทุน ลองถามตัวเองสำคัญที่สุด อย่าไปตามคนอื่น เช่น อยากลงทุนในสินทรัพย์อะไร หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ แล้วต้องการปันผลมั้ย ความเสี่ยงที่รับได้เป็นยังไง ? และระยะเวลาในการลงทุนจะลงนานแค่ไหน ?

และที่สำคัญ ถึงแม้จะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีมืออาชีพคอยดูแลอยู่ ก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในลักษณะของ “สินทรัพย์” ที่กำลังจะลงทุนด้วย เพราะอย่าลืมว่าถ้าสินทรัพย์ที่เรากำลังจะลงทุน อยู่ในจังหวะที่ไม่เหมาะต่อการลงทุนหรืออยู่ในช่วงขาลงก็ยากที่กองทุนรวมจะได้กำไรเช่นกัน

สล็อต

ขั้นตอนแรกจึงต้องเริ่มต้นสำรวจที่ความต้องการของเราก่อนเสมอ เราจะได้รู้ว่าเราควรเลือกดูกองทุนประเภทไหน แล้วจะได้หยิบจับกองทุนรวมที่น่าสนใจมาเปรียบเทียบกันได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

  1. ดูรายละเอียดผ่าน Fund Fact Sheet ทุกครั้ง
    ดูได้จากสิ่งที่มีชื่อเรียกเท่ ๆ ว่า “Fund Fact Sheet” แต่ไม่ต้องสับสนหรือตกใจว่ามันยาก เพราะใน Fund Fact Sheet นั้นบอกเราเกือบทุกอย่าง ว่ากองทุนนั้นมันเป็นยังไง ไม่ว่าจะนำเงินที่เราลงทุนไปลงทุนในอะไร ขนาดกองทุน จ่ายปันผลมั้ย ขั้นต่ำที่ซื้อได้ครั้งละเท่าไร แล้วก็พวกค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก็บอกด้วยทั้งหมดเช่นกัน

นอกจากนี้ก็ยังมีพวก อายุของกองทุน ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแค่ไหน สภาพคล่องของกองทุน บางกองก็ไม่สามารถขายได้ทันที ควรศึกษาให้ละเอียดหน่อย เพื่อสอดคล้องเป้าหมายการลงทุนของเรา พวกเอกสารก็โหลดได้จากหน้า Website ของ บลจ. ที่ดูแลกองทุนนั้นได้เลย ช่วงแรกอาจจะงง ๆ หน่อย สักพักเราจะอ่านได้คล่องมากขึ้นเอง

  1. กองทุนที่ดีต้องให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ
    เคยซื้อหวยแล้วถูกบ้างมั้ย ? ตอนที่เราถูกเราคงรู้สึกว่าเราเนี้ยโชคดีสุด ๆ ไปเลย สำหรับพี่ทุยคิดว่ากองทุนรวมก็เหมือนกัน บางกองทุนผลตอบแทนอาจจะดีมากอยู่แค่ 1 ปี ถ้าเป็นลักษณะนี้ก็สรุปไม่ได้ว่ากองทุนรวมนั้นดีจริง เพราะอาจจะแค่โชคดีก็เป็นไปได้

สล็อตออนไลน์

สิ่งที่พี่ทุยดูเสมอคือ “ผลตอบแทนย้อนหลัง” ถ้ามันดีมาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นกองทุนที่น่าสนใจ และแน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้หาได้จาก Fund Fact Sheet ได้เช่นกัน

  1. ถึงจะเป็นกองทุนก็มีความเสี่ยง
    เมื่อขึ้นชื่อว่าการลงทุนแน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยง ความเสี่ยงที่การลงทุนจะทำผลตอบแทนไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งกองทุนรวมก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน

ตัวเลขที่เราสามารถวัดค่าความเสี่ยงได้คือ Standard Deviation หรือ S.D. ค่ายิ่งสูง แปลว่า ยิ่งเสี่ยง แต่การใช้ตัวเลขตัวนี้เหมาะกับการเปรียบเทียบกองทุนรวมที่ลงทุนในแหล่งเดียวกันเท่านั้น เช่น กองทุนรวมหุ้นเหมือนกัน หรือกองทุนตราสารหนี้เหมือนกัน

พี่ทุยขอแนะนำ Sharpe Ratio ความหมายง่าย ๆ คือ ยิ่งสูงยิ่งดี หากดูกองทุนที่ประเภทเดียวกันแล้วกองทุนกองไหน Sharpe Ratio สูงกว่า แสดงว่ากองทุนรวมนั้นสามารถทำผลงานได้น่าสนใจกว่า

jumboslot

  1. ตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง
    ถึงแม้การลงทุนผ่านกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้เราอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ห้ามลืมโดยเด็ดขาดเลยก็คือ “การตรวจสอบและติดตาม” กองทุนรวมที่เราลงทุนอย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่ากองทุนรวมที่เราเลือกลงทุนอยู่ยังเป็นกองทุนรวมที่ดีและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า “มาตรฐานการดำเนินงาน (Benchmark)” และกองทุนคู่แข่งอยู่เสมอ หรือถ้ามีผลการดำเนินงานที่ต่ำลง เราก็ควรไปเจาะลึกดูพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวมอีกครั้งนึงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้ววิเคราะห์ถึงสาเหตุนั้นว่าเป็นเพราะอะไร

ถ้าตรวจสอบแล้วยังเป็นกองทุนที่ดีก็สามารถถือลงทุนต่อได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่น่าไหว เราก็อาจจะขายแล้วเปลี่ยนไปเลือกกองทุนรวมที่ดี ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็คือ เราสามารถหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอ

slot

เห็นแล้วใช่มั้ยว่าการลงทุนใน “กองทุนรวม” ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนกองทุนรวมได้ คนเราแค่กลัวในสิ่งที่เราไม่รู้เท่านั้นเอง พออ่านถึงตรงนี้เราก็มีความรู้พร้อมที่จะไปลงทุนกองทุนรวมแล้ว เวลาเลือกซื้อของยังเลือกแล้วเลือกอีก เลือกลงทุนทั้งทีก็ต้องเปรียบเทียบให้เต็มที่เพื่อให้เราได้ของดีที่สุดนั่นเอง

แต่สำหรับบางคนอาจจะยังลังเลอยู่อีกว่า เราจะเลือก กองทุนรวมหรือหุ้นดีกว่ากัน แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตาม เราก็ยังจำเป็นต้องศึกษาเรื่องการลงทุนเอาไว้ให้มาก เพราะถ้าเรารู้และมีข้อมูลมากเพียงพอแล้ว เราก็จะเลิกกลัวและกลายเป็นนักลงทุนที่เก่งและประสบความสำเร็จกับการลงทุนอย่างแน่นอน

ไลฟ์สไตล์แบบนี้เหมาะกับกองทุนรวม

กองทุนรวม คือ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คน โดยมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งผู้จัดการกองทุน แล้วนำเงินที่ได้มาจากการระดมทุนนั้นมาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ตามนโยบายของกองทุน เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้นและนำผลกำไรที่ได้มาเฉลี่ยคืนให้กับนักลงทุนตามหน่วยลงทุนที่ถือไว้

jumbo jili

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
ซึ่งกองทุนรวมแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ตามความเสี่ยง ได้แก่

  1. กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ
  2. กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ
  3. กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล
  4. กองทุนรวมตราสารหนี้
  5. กองทุนรวมผสม
  6. กองทุนรวมตราสารทุน
  7. กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม
  8. กองทุนรวมทางเลือก

ซึ่งแต่ละกองทุนลงทุนในอะไรบ้าง? เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน? พี่ทุยจะอธิบายให้ฟังเอง

สล็อต

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
เริ่มต้นด้วยกองทุนความเสี่ยงระดับที่ 1 คือ “กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี มีความเสี่ยงต่ำที่สุด

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสี่ยงหรือคนที่มีระยะเวลาในการลงทุนน้อย อาจจะมีอายุเยอะ ใกล้เกษียณแล้ว หรือมีแผนที่จะต้องถอนเงินลงทุนมาใช้ในอนาคตอันใกล้ ทำให้ไม่สามารถที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมาก ๆ ได้

แต่ถ้ายังอยากลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากธนาคารนิดหน่อย ก็สามารถนำเงินมาพักไว้ที่กองทุนรวมตลาดเงินได้ แถมมีสภาพคล่องที่ดี เพราะสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการคล้ายกับบัญชีออมทรัพย์ ที่สามารถเบิกถอนได้ตลอด โดยเมื่อขายหน่วยลงทุน เราจะได้รับเงินในวันทำการถัดไป (T+1) เช่น หากขายหน่วยลงทุนในวันจันทร์ จะได้รับเงินในวันอังคาร แต่หากขายในวันศุกร์ จะได้รับเงินวันจันทร์ เป็นต้น

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 2 นั่นคือ “กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี แต่อาจมีการลงทุนในต่างประเทศบางส่วน จึงทำให้มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมา แต่โดยปกติกองทุนประเภทนี้มักจะมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้

สล็อตออนไลน์

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ เหมาะกับคนสไตล์เดียวกันกับกองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ เพียงแต่ต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 3 คือ “กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 1 ปีขึ้นไป จึงมีความผันผวนมากกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนสูง ขอแค่ดีกว่าการฝากเงินกับธนาคาร มีระยะเวลาในการลงทุนน้อย เช่น มีอายุเยอะ ใกล้เกษียณแล้ว เลยต้องระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น มีความมั่นใจในการลงทุนกองทุนรวมพันธบัตรจากความมั่นคงของรัฐบาล

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 4 คือ “กองทุนรวมตราสารหนี้” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้เอกชน ซึ่งมีทั้งกองที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี) และตราสารหนี้ระยะยาว (อายุเฉลี่ยมากกว่า 1 ปี)

jumboslot

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมตราสารหนี้ เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก แต่คาดหวังผลตอบแทนที่แน่นอน สม่ำเสมอ ลงทุนได้ทั้งระยะสั้น ระยะยาว รวมถึงผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 5 คือ “กองทุนรวมผสม” เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น หรืออื่นๆ ซึ่งสัดส่วนการลงทุนจะระบุไว้ในนโยบายของกองทุน

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมผสม เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง อยากได้ผลตอบแทนดี ลงทุนได้ทั้งระยะกลางและยาว ไม่ชอบจัดพอร์ตเอง เน้นสบาย กระจายความเสี่ยง แต่ไม่อยากซื้อกองทุนหลายกอง เลยซื้อแบบผสมทีเดียว เป็นคนไม่มีเวลาในการปรับสัดส่วนกองทุนหรือหุ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมาก

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 6 คือ “กองทุนรวมตราสารทุน” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงกองทุน SSF และ RMF ที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมตราสารทุน เหมาะกับคนที่มีมีอายุน้อย หรือมีระยะเวลาในการลงทุนที่ยาว มากกว่า 5-10 ปีขึ้นไป อยากลงทุนเพื่อเกษียณ หรือเพื่อเป็นอิสระภาพทางการเงิน ด้วยเหตุนี้เลยสามารถลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงได้ และต้องรับความเสี่ยงได้สูงเช่นกัน เน้นชอบการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ให้เงินทำงานแทน แต่ไม่มีเวลาบริหารการลงทุนเอง

slot

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 7 คือ “กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น แต่เจาะจงอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น หุ้นธนาคาร หุ้นสื่อสาร หุ้นโรงพยาบาล ฯลฯ แต่กองทุนประเภทนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมตราสารทุนทั่วไป เนื่องจากมีการลงทุนแบบกระจุกตัว

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรมเหมาะกับคนสไตล์เดียวกันกับกองทุนรวมตราสารทุน เพียงแต่ต้องมีความรู้ในอุตสาหกรรมนั้นเป็นอย่างดี

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
กองทุนความเสี่ยงระดับที่ 8 คือ “กองทุนรวมทางเลือก” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในทางเลือกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสินทรัพย์พื้นฐาน เช่น ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ

เหมาะกับคนสไตล์แบบไหน ?

กองทุนรวมทางเลือก เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูง เป็นคนมีความมั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย และต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวม แต่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับทางเลือกนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น

ไลฟ์สไตล์แบบนี้ เหมาะกับ “กองทุนรวม” แบบไหน ?
สำหรับใครไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนที่กองทุนรวมประเภทไหนดี พี่ทุยแนะนำว่าลองดูที่ “ระยะเวลาการลงทุน” ที่เราสามารถลงทุนได้ ยิ่งลงทุนได้นานมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้นได้

ส่วนกองทุนรวมประเภทที่ 7 และ 8 พี่ทุยอาจจะไม่แนะนำให้มือใหม่ลงทุนมากนัก เพราะว่าต้องใช้ความเข้าใจค่อนข้างเฉพาะด้าน เจาะจงในแต่ละสินทรัพย์พอสมควร ทำให้ไม่อาจจะสามารถใช้ระยะเวลาการลงทุนเข้ามาเป็นปัจจัยในการคัดเลือกได้

สุดท้าย “ระยะเวลา” เป็นเพียงตัวช่วยคัดเลือกประเภทของกองทุนในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังไงก็ต้องอย่าลืมศึกษาเรื่อง “การลงทุนผ่านกองทุนรวม”เพิ่มเติมด้วย เพราะกองทุนในแต่ละประเภทก็มีหลายสิบ หรือบางประเภทอาจจะมีหลายร้อยกองทุนให้เราเลือกลงทุนเลยก็เป็นไปได้ เราจะต้องรู้วิธีการคัดเลือกกองทุนที่ดี ผู้จัดการกองทุนที่เก่งด้วย

สำหรับใครที่รู้แล้วสนใจเลือกกองทุนประเภทไหน ก็สามารถเข้าดูวิธีการคัดเลือกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ 5 ขั้นตอนการเลือก “กองทุนรวม” แบบเจาะลึกสำหรับมือใหม่

กองทุนหุ้นเวียดนาม

ณ เวลานี้ต้องบอกว่าไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งการเติบโตแห่งตลาดเวียดนาม หรือที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นมังกรตัวใหม่แห่งเอเชียได้เลย

jumbo jili

ซึ่งความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่จับตามองในภูมิภาคเอเชีย แต่ยังเป็นที่หมายตาจากทุกมุมโลก ก้าวสู่การเป็นเป้าหมายในการลงทุนที่มีคุณภาพและผลักดันการเติบโตต่อเนื่องของเวียดนามในอนาคต

พรินซิเพิลจึงอยากจะพาทุกท่านได้ทำความรู้จักและเปิดประตูรับโอกาสการลงทุนครั้งสำคัญ กับกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ Principal Vietnam Equity Fund (PRINCIPAL VNEQ) กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนที่ดี โดยสามารถสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี2021 (พฤษภาคม 2564) ได้ 41.78% (Benchmark : 45.51%) ในเบื้องหลังมีปัจจัยสำคัญใดมาสนับสนุนบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในโพสต์นี้

เกี่ยวกับกองทุน Principal VNEQ
รู้จักกับ PRINCIPAL VNEQ
โดย ณ ปัจจุบันเน้นการลงทุนหุ้นซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตระยะยาวตามเศรษฐกิจเวียดนาม ตัวอย่างเช่น กลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งเป็นพื้นฐานสนับสนุนเงินทุน/ การลงทุน รวมถึงอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของสังคมเมือง ซึ่งกองทุนนี้มีจุดเด่น 4 ด้านด้วยกัน คือ

สล็อต

ลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงโดดเด่นในภูมิภาค
กลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Actively Management ใช้กลยุทธ์ Core-Satellite Port เน้นผลตอบแทนระยะยาวและมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางกลุ่มมาลงทุนระยะสั้นตามสภาวะตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงตลาดลงทุน
ใช้ VN30 เป็น benchmark ที่มีมาตรฐานผลตอบแทนที่สูง
มีทีมบริหารกองทุนและนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเวียดนาม
เหตุผลที่กองทุน PRINCIPAL VNEQ 2021 น่าลงทุน
เหตุผลที่ทำให้เวียดนามกลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองก็ได้แก่ 4 เหตุผลด้วยกัน
1.คาดการณ์ GDP เติบโตทั้งปี 7.6%

สล็อตออนไลน์

การบริโภคภายในประเทศเติบโตจากการบริโภคของประชากรวัยแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีการเพิ่มของรายได้และการใช้จ่ายสูง อีกทั้งประชาชนยังมีความมั่นคงทางการเงิน

ในภาคการผลิตเน้นที่สินค้าอุตสาหกรรม การบริการ ค้าปลีกและการก่อสร้าง และจะมีการเติบโตจากการบริโภคและส่งออกมากขึ้นอีก ซึ่งมีปัจจัยเสริมคือค่าแรงที่ถูก เป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญทั้งเอเชียและต่างชาติ เนื่องจากสิทธิพิเศษทางภาษีในการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงโอกาสการขยายความเจริญจากเมืองสู่ชนบทโดยรอบได้มาก

2.เป้าหมายเป็นประเทศมีรายได้สูงในปี 2045

เมื่อถึงปี 2045 เวียดนามตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีรายได้ระดับสูง กระบวนทัศน์เน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรม และความทันสมัย การพัฒนาวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมและทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง ในการขับเคลื่อนสู่การเป็นฐานการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น มากกว่าจะเป็นฐานการผลิตด้วยแรงงานราคาถูก

เหตุผลที่กองทุน PRINCIPAL VNEQ 2021 น่าซื้อ
3.เกิดการลงทุนตรงจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะ Manufacturing Sector

jumboslot

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคอุตสาหกรรม แปรรูป และเขตนิคมอุตสาหกรรม เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุน และยังได้รับประโยชน์จากภาวะสงครามการค้า ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต ประกอบกับเวียดนามได้ทำข้อตกลงทางการค้าจำนวนมาก รวมถึงต้นทุนค่าแรงต่ำตามข้างต้น จึงเกิดกระแสไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (Foreign Direct Investment: FDI) โดยเฉพาะ Manufacturing sector ที่เป็นสัดส่วนถึง 57%

4.“หุ้นเวียดนาม” มีการเติบโตของกำไรสูง ในขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก

นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจตลาดหุ้นเวียดนาม เพราะถือเป็นตลาดที่ดีตลาดหนึ่ง มีราคาเหมาะสม จากกราฟจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีมูลค่าถูกตลาดหนึ่งในเอเชีย มี Forward P/E ใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 13.9 เท่า ในขณะที่มีการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 19.2% ต่อปี สูงกว่ากลุ่มประเทศ TIP (ไทย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์)

กองทุนเวียดนาม
ตัวอย่างของ กองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ – 2021 ถือครอง
ตัวอย่างของหุ้นคุณภาพที่กองทุนเข้าไปถือครองในฐานะ “นักลงทุนต่างชาติ Foreign ownership limit (FOL)” เต็มเพดาน ได้แก่

slot

“FPT Corporation (FPT)” ผู้นำในธุรกิจด้าน IT Outsourcing (Software Development, IT Solutions) ในปี 2563 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13% (ที่มา: fpt.com.vn/en, ข้อมูล ณ วันที่ 29 ม.ค. 2564) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หรือ “Techcombank (TCB)” แบงก์เอกชนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่มีบริการที่หลากหลายตลอดจน Digital Banking Platform ที่ดีที่สุด เป็นแบงก์ที่มี ROE สูงประมาณ 18-20%, NPL ต่ำ มีเงินทุนสำรองที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มนี้ ในปีที่ผ่านมาทำกำไรเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จะเห็นว่าหุ้นทั้ง 2 บริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้ดี มีการเติบโตในท่ามกลาง COVID-19 ในปีที่ผ่านมาทั้งคู่ (ที่มา: techcombank.com. ข้อมูล ณ วันที่ 29 ม.ค. 2564)

รายละเอียดกองทุน กองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ-A
รายละเอียดกองทุน กองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ-A
ประเภทกองทุน: Vietnam Equity
ความเสี่ยงกองทุน: 6 – กองทุนรวมตราสารทุน
นโยบายการจ่ายปันผล: ไม่จ่าย
เงินลงทุนขั้นต่ำในการลงทุน PRINCIPAL VNEQ-A: 1,000 บาท

วันและวลาซื้อขายกองทุน: สัปดาห์ละ 1 ครั้งในวันแรกของสัปดาห์ ก่อน 12.00 น.

ผลการดำเนินงานของ PRINCIPAL VNEQ-A ติดอันดับ 1 กองทุนที่มีผลการดำเนินย้อนหลังดีเยี่ยม ผลตอบแทนย้อนหลัง Year to date 41.78% และ 1 ปี 96.84% ดัชนีชี้วัด VN30TR Index ที่ให้ผลตอบแทน 45.51% และ 58.72% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม 2564)

วิธีเลือกกองทุนรวม

คิดว่าใครหลายๆ คนก็ทราบถึงกองทุนรวม หรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่า Mutual Fund ว่าเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ลงทุนสามารถที่จะเลือกความกองทุนที่เหมาะกับลักษณะการลงทุนของตนเองได้ เช่นรับความเสี่ยงได้น้อย ควรเลือกกองทุนแบบนี้ หรือถ้ารับได้มาก ก็ควรไปลงกองทุนนั้น

jumbo jili

แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่ากองทุนไหนที่เราควรจะเลือก 10 หัวข้อที่ควรจะต้องดู

  1. นโยบายหลัก
    นโยบายหลัก หมายถึง กองทุนรวมนั้นนำเงินของนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ไหน โดยสินทรัพย์หลักที่กองทุนรวมไปลงทุนมี 6 ประเภท คือ ตลาดเงิน ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ และแบบผสมของกองทุนที่กล่าวมา
  2. นโยบายรอง
    นโยบายรอง หมายถึง กองทุนรวมนั้นมีลักษณะการลงทุนที่พิเศษนอกเหนือไปจากนโยบายหลักอย่างไรบ้าง ซึ่งนโยบายรองเหล่านี้มักนำมาซึ่งผลตอบแทนที่แตกต่างกันในกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน

สล็อต

  1. เงื่อนไขทางภาษี
    อันนี้ก็สำคัญ สำหรับพนักงานเงินเดือนที่ต้องเสียภาษี กองทุนบางอย่างเราสามารถนำไปหักภาษีได้ ช่วยให้ได้รับเงินคืน เช่นพวกที่อยู่ใน LTF หรือ RMF
  2. พอร์ตการลงทุน
    สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ ดูพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตัวกองทึนรวมที่เราสนใจด้วย เพราะมันจะบอกได้ว่ากองทุนรวมนั้นมีโอกาสได้กำไร หรือขาดทุน นักลงทุนควรทำความรู้จักว่ากองทุนรวมที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์อะไรอยู่บ้าง และสินทรัพย์นั้นมีแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร
  3. ค่าธรรมเนียม
    ค่าธรรมเนียมกองทุนนั้นถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมากในการลงทุน เพราะมีส่วนกำหนดผลตอบแทนในอนาคต:

สล็อตออนไลน์

กองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมมาก > ผลตอบแทนที่นักลงทุนควรจะได้รับต่ำลง เพราะต้องแบ่งเงินบางส่วนออกไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียม

เพราะฉนั้นนักลงทุนควรเลือกกองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน

  1. ตอบแทนย้อนหลัง
    การดูผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลาดไม่ได้ เพราะมันสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มว่ากองทุนรวมนั้นๆ จะมีโอกาสทำกำไรหรือไม่ โดยส่วนใหญ่นิยมเปรียบเทียบผลตอบแทนกับดัชนีที่เหมาะสมเป็นหลักซึ่งต่างไปในแต่ละสินทรัพย์ เช่น

กองทุนรวมตราสารเงิน : ค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด 3 ธนาคารของประเทศ
กองทุนรวมตราสารหนี้ : ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล

  1. ความเสี่ยง
    ดูความเสี่ยงก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ ถึงแม้จะจับต้องได้ยากเพราะต้องอาศัยการประเมินและประสบการณ์ หากนักลงทุนเข้าใจสินทรัพย์การลงทุนได้ดี นักลงทุนก็จะเข้าใจถึงปัจจัยความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง

jumboslot

หนึ่งในปัจจัยที่ใช้ดูเรื่องความเสี่ยงคือ Sharp Ratio ซึ่งเป็นค่าทางสถิติที่คำนวณมาจากผลตอบแทนย้อนหลังเปรียบเทียบกับความผันผวนย้อนหลัง

  1. นโยบายจ่ายปันผล

ขึ้นอยู่ความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในระหว่างการลงทุน เช่น หากต้องการกระแสเงินสดเพื่อนำไปใช้จ่ายต่อ ก็ควรเลือกกองทุนที่มีการจ่ายค่าปันผล แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือเอาเงินปันผลไปลงทุนอยู่ดี ก็ดูกองทุนที่ไม่มีจ่ายเงินปันผล

อนึ่งการที่ยังไม่รับเงินปันผล จะสามารถประหยัดค่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปได้ กองทุนที่มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผลจะประหยัดภาษีกว่ากองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ยกเว้น กรณีที่นักลงทุนสามารถขอคืนภาษีได้ทั้งหมด

  1. เงื่อนไขการซื้อ

แน่นอนว่าแต่ละกองทุนมีการบริหารจัดการจากคนละบริษัท นโยบายจึงแตกต่างกันไปด้วย โดยเรื่องหลักๆ ที่ต้องดูมรดังนี้

slot

จำนวนขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรก
จำนวนขั้นต่ำในการซื้อครั้งถัดไป
สถานที่ซื้อ เช่น บลจ.โดยตรง ธนาคารที่เป็นนายหน้า ออนไลน์
วิธีการซื้อ เช่น จ่ายเงินสด ตัดบัตรเครดิต ตัดบัญชีแบบอัตโนมัติ
ราคาอ้างอิงของหน่วยลงทุนที่จะได้

  1. เงื่อนไขการขายคืน
    เงื่อนไขการขายคืนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราอาจจะได้กำไรระหว่างทาง แต่พอตอนขายคืนกลับกลายเป็นขาดทุนจากการขายคืน สรุปจากได้กำไรกลายเป็นขาดทุน โดยเรื่องที่ต้องดูหลักมีดังนี้

เงื่อนไขในการขายคืน > แบบเปิด vs แบบปิด
จำนวนขั้นต่ำในการขายคืน
สถานที่ขายคืน เช่น บลจ.โดยตรง ธนาคารที่เป็นนายหน้า ออนไลน์
วิธีการได้รับเงิน เช่น รับเป็นเงินสด รับเป็นเงินเข้าบัญชีธนาคาร รับเป็นเช็ค
ราคาอ้างอิงของหน่วยลงทุนที่จะได้
จำนวนวันที่จะได้รับเงินคืน
นอกจาก 10 หัวข้อข้างต้นแล้ว นักลงทุนยังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับราคาซื้อขายของกองทุน หรือที่เรียกว่า NAV หรือ Net Asset Value ที่เกิดจากการคำนวณทรัพย์สินรวมของกองทุนเพื่อตีเป็นราคาในการซื้อขาย

กองทุนรวมถือเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้มีเวลาหรือความสนใจในการจะศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อจะลงทุนได้ด้วยตนเอง กองทุนรวมก็จะช่วยทุ่นแรงในการหาผู้จัดการกองทุนมาช่วยลงทุนและดูแลเงินของนักลงทุนให้