นิสสัน โน้ต

นิสสัน โน้ต หรือชื่อในทางเทคนิค R35 เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ลำหน้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทนิสสันจากประเทศญี่ปุ่น จีที-อาร์ เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 6 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2007 ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2008 ส่วนประเทศอื่นๆ ในเดือน มีนาคม ปี ค.ศ. 2009 ได้รับการออกแบบโดย ชิโร นากามูระ (Shiro Nakamura) นิสสัน จีที-อาร์ จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นรถซูเปอร์คาร์ ไม่กี่คันที่มาจาก ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถเทียบชั้นได้กับ ซูเปอร์คาร์ยี่ห้อดังในยุโรปเช่น เฟอร์รารี่,ลัมโบร์กีนี,ปอร์เช่ เป็นต้น จึงทำให้ภาพพจน์รถยนต์ของญี่ปุ่นดูสูงขึ้นมาก เพราะนิสสันจีที-อาร์ เป็นรถคันเดียวของเยอรมันที่สามารถเป็นรถคูเป ที่เร็วที่สุดของโลกได้ เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่ รถจากญี่ปุ่นขึ้นชื่อเป็นรถราคาถูก ด้อยคุณภาพ ไม่สามารถเทียบชั้นได้กับ รถในสหรัฐ และ รถในยุโรป นิสสัน จีที-อาร์ ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊ค ปี ค.ศ. 2011 ว่า เป็นรถสี่ที่นั่งที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก (Fastest 0–60 mph acceleration by a four seater production car) แต่ถึงอย่างไรก็ดีปัจจุบันสถิตินี้ถูกลบไปแล้ว โดยเฟอร์รารี่ เอฟ12เบอร์ลิเนตต้า ที่เข้ามาครองอันดับ 1 แทนระหว่างปี 2512–2517 และระหว่างปี 2532–2545 นิสสันได้ผลิตรถที่มีสมรรถนะสูงที่ต่อยอดมาจากนิสสัน สกายไลน์ คูเป้ ได้ใช้ชื่อว่านิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ โดยรถคันนี้ได้พิสูจน์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของนิสสัน[4][5] และได้ประสบผลสำเร็จทางด้านชื่อเสียงและรางวัลมากมายไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรืออยู่ในสนามแข่ง นิสสัน จีที-อาร์ เป็นรุ่นที่ไม่ได้สร้างอยู่บนพื้นฐานของสกายไลน์อีกต่อไป แต่ได้การวิวัฒนาการมาจากนิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ (โดนนิสสัน สกายไลน์นั้น เปลี่ยนมาเป็นรถบ้านและได้ขายในชื่ออินฟินิตี้ จี35)

jumbo jili

ฉมผลิตจริง รุ่นโฉมผลิตจริง โฉมผลิตจริงของจีที-อาร์นั้น ได้เปิดตัวครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ปี ค.ศ. 2007 และเริ่มทำการตลาดในตลาดญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 เดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 หลังจากทำการตลาดที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 6 เดือน ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มทำการตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 ส่วนประเทศแคนาดาได้ทำการตลาดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 และประเทศฝั่งยุโรปได้ทำการตลาดเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2009 ด้านหลังของจีที-อาร์มีไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งได้รู้จักกันจากสกายไลน์ ซี110 ปี 1972
Shirō Nakamura หัวหน้าแผนกการออกแบบของนิสสัน ได้ทำให้จีที-อาร์รุ่นนี้มีลักษณะคล้ายไจแอนท์โรบอตจากการ์ตูนเรื่องกันดั้ม Nakamura ได้กล่าวไว้ว่า “จีที-อาร์เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากไม่ได้มีการลอกเลียนการออกแบบแบบรถสปอร์ตฝั่งยุโรป และรถรุ่นนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง” โพลีโฟนีดิจิตัล สตูดิโอผู้สร้างเกมแข่งรถ แกรนทัวริสโม ได้ถูกจ้างให้มีส่วนร่วมในการออกแบบหน้าจอมัลติฟังก์ชันของนิสสัน จีที-อาร์

สล็อต

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เปิดตัวรถสปอร์ตตัวแม่ GT-R ใหม่ โมเดล 2017 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน New York International Auto Show (NYIAS) Nissan GT-R เปิดซูปเปอร์คาร์สู่ตลาดในปี 2007 ดีไซน์ภายนอกสำหรับ นิสสัน GT-R ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็มีเค้าเดิมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ กระโปรงและกระจังหน้าเงาด้านแบบวีโมชั่นใหม่ใหญ่ขึ้นเพื่อระบายความร้อน เปลี่ยนลายกระจังเป็นช่องถี่มากขึ้น ส่วนล่างของกันชนทั้งด้านหน้าและหลัง ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ได้กลิ่นรถแข่งมาแต่ไกล โครงสร้างตัวถังการออกแบบให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น มีช่องระบายอากาศด้านข้าง ถัดไปจากปลายท่อไอเสีย โดยไฟท้ายแบบนิสสันรูปวงแหวน 4 ดวง ถูกต้องตามหลักแอร์โรไดนามิกส์ สำหรับเครื่องยนต์ใส่วี 6 ขนาด 3.8 ลิตร กำลัง 565 แรงม้า ม้าเพิ่มมา 20 ตัว จากรุ่นก่อน GT-R 2016 ที่มี 545 แรงม้า และระบบเทอร์โบคู่ ระบบเกียร์แบบดูอัลคลัทช์ 6 สปีด ระบบระบายไอเสียเป็นท่อไอเสียใช้ไทเทเนียม ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร GT-R 2017 แผงคอนโซลหน้าและหน้าปัดใช้วัสดุหนังชั้นดี ตัดเย็บด้วยความประณีตโดยทีมช่างฝีมือ Takumi สไตล์ Horizontal Flow มีระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่ หน้าจอดีสเพลย์แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ปรับลดสวิตช์ปุ่มเหลือเพียง 11 ปุ่ม ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงแพดเดิ้ลชิฟท์ที่พวงมาลัย

สล็อตออนไลน์

Nissan GT-R 2017 ภายในเพิ่มความหรูหราด้วยการใช้หนัง Nappa หุ้มแดชบอรด์ ห้องโดยสารมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ น้ำตาล ราคุดา แทน, แดง แอมเบอร์ เรด และ ครีม ไอวอรี่ สำหรับกำหนดการส่งมอบ Nissan GT-R 2017 ประมาณช่วงกลางปี 2020 ไม่นานเกินรอ นิสสัน เปิดตัว NISSAN GT-R NISMO ปี 2017 สู่ความเหนือชั้นอีกระดับ พร้อมพิสูจน์อีกขีดขั้นของสมรรถนะที่สนาม เนือร์บวร์คริง ประเทศเยอรมนี (27 พฤษภาคม 2559) – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยวันนี้ว่า ทางนิสสัน มอเตอร์ สปอร์ต หรือ NISMO ได้เปิดตัว Nissan GT-R NISMO ใหม่ เวอร์ชันปี 2017 เป็นครั้งแรกที่สนามเนือร์บวร์คริง ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสนามที่มีชื่อเสียง และได้ชื่อว่าเป็นสนามที่มีระยะทางต่อรอบยาวที่สุด และยังท้าทายที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งที่นิสสัน ใช้ในการทดสอบ ปรับแต่ง และพัฒนา GT-R ให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับรุ่นปกติ Nissan GT-R NISMO ใหม่ เวอร์ชันปี 2017 นั้น ได้รับการปรับแต่งรายละเอียดทั้งภายใน ภายนอก โดยรูปลักษณ์ภายนอกส่วนหน้าของ GT-R NISMO ได้รับการปรับให้โฉมเฉี่ยวขึ้น โดยมีไฮไลท์อยู่ที่กันชนและกระจังหน้าใหม่แบบ V-Motion ที่เป็นโครเมียมรมดำซึ่งถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรับและระบายอากาศได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมในเชิงอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ และยังช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานอย่างเต็มสมรรถนะ สำหรับฝากระโปรง ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความแข็งแกร่งขึ้นนั้น สร้างความมั่นใจในการขับขี่ในย่านความเร็วสูง โดยจะไม่เกิดการบิดตัวหรือเสียรูป และทำให้ตัวรถคงลื่นไหลไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้ในทุกระดับความเร็ว อย่างไรก็ตามความแตกต่างใน Nissan GT-R NISMO ใหม่ คือ กันชน และ สเกิร์ตหน้า ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ อย่างพิถีพิถันและมีความละเอียด โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า TAKUMI ซึ่งชั้นของเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ จะถูกวางทับและเหลื่อมซ้อนกันอย่างระมัดระวังและลงตัว เพื่อให้มาซึ่งความแข็งแกร่ง มากที่สุด โดยการเสริมด้วยชุดแต่งรอบคันของ NISMO ทั้งหมดนี้ จะเพิ่มการไหลของกระแสอากาศรอบคัน พร้อมเพิ่มแรงกด (Downforce) และ ปรับปรุงการไหลของอากาศที่ซุ้มล้อ ทำให้รถมีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยในภาพรวมนั้น รูปทรงของรถที่ได้ถูกปรับปรุงนี้ สามารถสร้างแรงกดได้มากกว่ารถยนต์ในสายการผลิตรุ่นอื่นๆ ของ Nissan เท่าที่เคยมีมา ทำให้การทรงตัวดีขึ้นอย่างยิ่งยวด ในช่วงความความเร็วสูง ด้านรูปลักษณ์ภายใน ห้องโดยสารของ GT-R NISMO ใหม่ยังคงได้รับการปรับปรุงตามแบบที่รุ่นปกติของ GT-R เวอร์ชันปี 2017 ด้วยสัมผัสและความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผงหน้าปัด พวงมาลัย และพนักวางแขนตรงกลาง ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการใช้วัสดุชั้นดีคุณภาพสูงอย่างหนัง Alcantara สำหรับการจัดวางรายละเอียดต่างๆ บนแผงคอนโซลกลาง ได้รับการปรับปรุงใหม่ที่เน้นความเรียบง่าย ด้วยการรวมระบบนำทางและระบบเครื่องเสียง (ลดจำนวนของปุ่มและสวิทช์จากเดิม 27 เหลือเพียงแค่ 11 ปุ่มเท่านั้น) และหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แสดงผล Icon ของระบบต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ง่ายต่อการมองเห็นและใช้งาน สำหรับปุ่มควบคุมในระบบ Display Command ที่อยู่บนแผงคอนโซลกลางผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์

jumboslot

ช่วยให้การใช้งานทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องละมือมาสัมผัสที่หน้าจอซึ่งสะดวกในกรณีที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ในรุ่น NISMO ความโดดเด่นจะอยู่ที่เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีต ของ Recaro ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิเศษเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มีการเสริมความสวยงามด้วยหนัง Alcantara สีแดงในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ NISMO ในด้านสมรรถนะนั้นถือว่าเยี่ยมยอดโดย GT-R NISMO ใหม่ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนสำคัญมาจากโครงสร้างตัวถังที่เสริม ความแข็งแกร่ง (Reinforced Body) ทำให้ทีมวิศวกรสามารถเลือกใช้โช้กอัพ สปริง และเหล็กกันโคลงสำหรับ GT-R NISMO เพื่อเพิ่มแรงกดได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถที่ดีเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถเห็นได้จากการขับแบบสลา-ลอม และการเข้าโค้ง นอกจากนี้ระบบโช้กอัพแบบปรับระดับได้ของ Bilstein รุ่น DampTronic ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการปรับระดับความหนืดของโช้กอัพให้สอดคล้องกับการขับขี่หลากหลายแบบ ที่ถูกนำมาใช้กับ GT-R นั้น ยังคงมีอยู่ในเวอร์ชัน NISMO แต่มีการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้รองรับกับ สมรรถนะของเครื่องยนต์ ให้สามารถถ่ายทอดลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่ ขุมพลังของ GT-R NISMO ยังคงใช้เครื่องยนต์ VR38DETT แบบ วี 6 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ 6 จังหวะ ปรับแต่งในรายละเอียดแบบเดียวกับการแข่งขันของ GT3 ถือเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่ NISMO ได้สั่งสมจากประสบการณ์ของเวทีมอเตอร์สปอร์ตที่ผ่านมา แต่ละบล็อกจะได้รับการประกอบด้วยมือตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสิ้นภายในห้องพิเศษที่ใช้ประกอบเครื่องยนต์ระดับสูง จากช่างฝีมือระดับสูงสุดของนิสสัน (ที่เรียกว่า TAKUMI) ซึ่งที่ด้านหน้าเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะมีป้ายอะลูมิเนียมแสดงชื่อ TAKUMI ผู้ที่ประกอบเครื่องยนต์นี้อีกด้วย ด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น GT-R NISMO ใหม่ ยังได้รับการยกระดับในด้านอื่นๆให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถขับขี่ หรือตอบสนองบนเส้นทางที่คดเคี้ยวได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงการขับในสนามแข่ง ซึ่งนายฮิโรชิ ทามูระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของโครงการพัฒนา GT-R NISMO และ GT-R กล่าวว่า “GT-R NISMO ได้เน้นย้ำความเป็นตัว ‘R’ ที่สื่อถึงการแข่งขัน (Racing) โดยตัวรถสามารถตอบสนองได้ทุกสนามแข่ง สร้างความตื่นเต้นและความเร้าใจในระดับสูงสุดให้กับผู้ขับ ทำให้ GT-R เวอร์ชัน NISMO รุ่นปี 2017 กลายเป็นรถสปอร์ตที่มีสมดุลที่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่ด้านสมรรถนะของรถเท่านั้น แต่ยังให้สัมผัสในทุกๆ ด้านด้วยระดับสูงสุด และนี่คือผลสำเร็จที่ตอบแทนความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนของเราที่จะส่งผ่านความพึงพอใจในระดับสูงสุด ของประสบการณ์ให้แก่ผู้ขับขี่” GT-R NISMO รุ่นปี 2017 มีจำหน่ายด้วยกัน 5 สี โดยได้รับการประกอบที่โรงงานนิสสันใน เมืองโตชิกิ ประเทศญี่ปุ่น ส่วนเครื่องยนต์ นั้นประกอบด้วยมือของยอดฝีมือช่าง ทาคูมิ จากโรงงานนิสสันที่ เมือง โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค (สำหรับ EUR spec) เครื่องยนต์ VR38DETT แบบ V6 DOHC ปริมาตรกระบอกสูบ : ซีซี 3,800 แรงม้าสูงสุด 441kW(600PS)/6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 652 นิวตัน-เมตร(66.5 กก.- ม.) / 3,600-5,600 รอบต่อนาที ขนาดและน้ำหนัก ความยาวทั้งหมด 4690 mm ความกว้างทั้งหมด (ไม่รวมกระจกมองข้าง) 1895 mm ความสูง 1370 mm ระยะฐานล้อ 2780 mm สำหรับ NISMO เป็นชื่อย่อของ Nissan Motorsports ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา นิสสันได้ใช้แบรนด์ นิสโม ในการทำกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม เช่น การกวาดชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกเมื่อปี 2558 รวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่นิสสันสามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT500 และ GT300 นิสโมมีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ของนิสสันให้แข็งแกร่ง ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้น เร้าใจ โดยหน้าที่หลักของนิสโมคือ พัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะสำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต และพัฒนา Road Cars หรือรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะรถของนิสสันมีความเหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งด้านการดีไซน์ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะ นิสสัน ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวนำ Nissan GT-R 50th Anniversary มาจัดแสดง ณ Motor Expo 2019 โดยราคาจะอยู่ที่ 11,300,000 บาท มาพร้อมความหรูหราและสปอร์ต ขนาดเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม. ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 50 ปี ของรหัสแรง GT-R

slot

นิสสัน นาวารา

นิสสัน นาวารา เป็นรถกระบะขนาดกลางที่ผลิตโดยนิสสัน เมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยมาทดแทนรถกระบะรุ่นเก่าคือ นิสสัน บิ๊กเอ็ม ซึ่งนิสสัน นาวาราเคยมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า นิสสัน ฟรอนเทียร์ ด้วย ในประเทศไทยเริ่มมีการจำหน่ายครั้งแรกใน พ.ศ. 2541 ซึ่งได้รับความนิยม และยังมีขายจนถึงปัจจุบั รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2540-2546)
นิสสัน นาวารา รุ่นที่ 1 แต่ใช่ในชื่อ FRONTIER
รุ่นที่ 1 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2540-2547 แต่ในประเทศไทย ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2541-2550 ใช้รหัสว่า D22 โดยมีเครื่องยนต์ 6 ขนาด คือ 2.4 ,2.5 ,2.7 ,3.0 ,3.2 และ 3.3 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.7 และ 3.0 ลิตรเท่านั้น และมีเกียร์ 3 แบบคือ เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ,เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในประเทศไทย รุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์มีชื่อว่า นิสสัน บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์ หลังจากไมเนอร์เชนจ์แล้วจึงได้ใช้ชื่อ นิสสัน ฟรอนเทียร์ รุ่นนี้ แม้จะผลิตในตลาดโลกช่วงปี พ.ศ. 2540-2546 แต่ในไทยนั้นผลิตช่วงปี พ.ศ. 2541-2550

jumbo jili

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2547-2557)
นิสสัน นาวารา รุ่นที่ 2
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา
รุ่นที่ 2 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2547-2557 แต่ในประเทศไทย ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2557 ใช้รหัสว่า D40 โดยมีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 2.5 ,3.0 และ 4.0 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร และมีเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และมีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมากกว่ารุ่น D22 และมีการปรับโฉม (Minorchange) เมื่อปี พ.ศ. 2554 นอกจากนี้ นิสสันยังเคยผลิตภายใต้แบรนด์ซูซูกิสำหรับจำหน่ายในตลาดอเมริกาในชื่อ ซูซูกิ อีควอเตอร์ อีกด้วย
รุ่นนี้ แม้จะผลิตในตลาดโลกเมื่อปี พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน แต่ในไทยนั้นผลิตช่วงปี พ.ศ. 2550-ปัจจุบัน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสยามกลการและนิสสัน กว่าที่นิสสันจะเข้ามาซื้อหุ้นและลงทุนเองได้ก็คือเมื่อปี พ.ศ. 2546 และเตรียมเปลี่ยนโฉมในปี พ.ศ. 2557 เมื่อครบ 11 ปีในการทำตลาดพอดี โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่านิสสันและมิตซูบิชิจะพัฒนารถกระบะร่วมกัน แต่ปัจจุบันได้ยุติความร่วมมือในการพัฒนารถกระบะแล้ว คงเหลือแต่ความร่วมมือในการผลิตรถ K-Car และการผลิตรถซีดานขนาดใหญ่สำหรับตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น

สล็อต

รุ่นที่ 3 (พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน)
โฉมที่สาม (D23)
เรียกอีกชื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส
นิสสัน เอ็นพี300
นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา
เรโนลท์ อลาสคัน
เริ่มผลิตเมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2557–ปัจจุบัน
แหล่งผลิต ประเทศไทย: สมุทรปราการ
สเปน: บาร์เซโลนา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2558)
เม็กซิโก: อากวัสกาเลียนเตส
อาร์เจนติน่า: คอร์โดบา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2560)
ผู้ออกแบบ มาโมรุ เอากิ (พ.ศ. 2556)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภท รถปิกอัพขนาดกลาง
โครงสร้าง
เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนล้อหลัง / ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
2.5 L QR25DE I4 (เบนซิน)
2.3 L YS23DDT I4-T (ดีเซล)
2.3 L YS23DDTT I4-TT (ดีเซล)
2.5 L YD25DDTi I4-T (ดีเซล)
ระบบเกียร์
7 จังหวะ-อัตโนมัติ
6 จังหวะ-ธรรมดา
มิติ
ระยะฐานล้อ 3,150 mm (124 in)
ความยาว 5,255 mm (207 in)
ความกว้าง 1,850 mm (73 in)
ความสูง 1,820 mm (72 in)

สล็อตออนไลน์

ด้านหลัง ในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557 นิสสันได้เผยโฉมนาวารารุ่นที่สาม (รู้จักกันในชื่อ เอ็นพี300 นาวารา) ใช้รหัสตัวถังว่า D23 โฉมนี้จะไม่มีสายการผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่จะมีสายการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรปราการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 และจะเริ่มส่งมอบเมื่อเดือนสิงหาคม โฆษกนิสสันอเมริกาเหนือ นายแดน บีดอร์ ได้กล่าวไว้ว่ารุ่นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโฉมกับฟรอนเทียร์โฉม D40 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับรุ่นยุโรปได้ใช้เครื่องยนต์ 2.3 ลิตรจากนิสสัน เอ็นวี400
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เผยโฉมรถกระบะต้นแบบ 2 คันชื่อว่า “เอ็กซ์-คลาส” โดยเอ็กซ์-คลาสจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับนิสสัน นาวาราโฉมนี้ และจะได้ขึ้นสายผลิตในโรงงานที่ประเทศสเปน (บาร์เซโลนา) และที่ประเทศอาเจนติน่า (คอร์โดบา) เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส จะไม่มีการทำตลาดในประเทศไทย

jumboslot

ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม เช่น การกวาดชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกเมื่อปี 2558 รวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่นิสสันสามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT500 และ GT300 นิสโมมีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ของนิสสันให้แข็งแกร่ง ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้น เร้าใจ โดยหน้าที่หลักของนิสโมคือ พัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะสำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต และพัฒนา Road Cars หรือรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะรถของนิสสันมีความเหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งด้านการดีไซน์ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะ นิสสัน ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวนำ Nissan GT-R 50th Anniversary มาจัดแสดง ณ Motor Expo 2019 โดยราคาจะอยู่ที่ 11,300,000 บาท มาพร้อมความหรูหราและสปอร์ต ขนาดเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม. ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 50 ปี ของรหัสแรง GT-R

slot

นิสสัน นาวารา

นิสสัน นาวารา เป็นรถกระบะขนาดกลางที่ผลิตโดยนิสสัน เมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยมาทดแทนรถกระบะรุ่นเก่าคือ นิสสัน บิ๊กเอ็ม ซึ่งนิสสัน นาวาราเคยมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า นิสสัน ฟรอนเทียร์ ด้วย ในประเทศไทยเริ่มมีการจำหน่ายครั้งแรกใน พ.ศ. 2541 ซึ่งได้รับความนิยม และยังมีขายจนถึงปัจจุบั รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2540-2546)
นิสสัน นาวารา รุ่นที่ 1 แต่ใช่ในชื่อ FRONTIER
รุ่นที่ 1 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2540-2547 แต่ในประเทศไทย ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2541-2550 ใช้รหัสว่า D22 โดยมีเครื่องยนต์ 6 ขนาด คือ 2.4 ,2.5 ,2.7 ,3.0 ,3.2 และ 3.3 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.7 และ 3.0 ลิตรเท่านั้น และมีเกียร์ 3 แบบคือ เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ,เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในประเทศไทย รุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์มีชื่อว่า นิสสัน บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์ หลังจากไมเนอร์เชนจ์แล้วจึงได้ใช้ชื่อ นิสสัน ฟรอนเทียร์ รุ่นนี้ แม้จะผลิตในตลาดโลกช่วงปี พ.ศ. 2540-2546 แต่ในไทยนั้นผลิตช่วงปี พ.ศ. 2541-2550

jumbo jili

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2547-2557)
นิสสัน นาวารา รุ่นที่ 2
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา
รุ่นที่ 2 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2547-2557 แต่ในประเทศไทย ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2557 ใช้รหัสว่า D40 โดยมีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 2.5 ,3.0 และ 4.0 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร และมีเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และมีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมากกว่ารุ่น D22 และมีการปรับโฉม (Minorchange) เมื่อปี พ.ศ. 2554 นอกจากนี้ นิสสันยังเคยผลิตภายใต้แบรนด์ซูซูกิสำหรับจำหน่ายในตลาดอเมริกาในชื่อ ซูซูกิ อีควอเตอร์ อีกด้วย
รุ่นนี้ แม้จะผลิตในตลาดโลกเมื่อปี พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน แต่ในไทยนั้นผลิตช่วงปี พ.ศ. 2550-ปัจจุบัน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสยามกลการและนิสสัน กว่าที่นิสสันจะเข้ามาซื้อหุ้นและลงทุนเองได้ก็คือเมื่อปี พ.ศ. 2546 และเตรียมเปลี่ยนโฉมในปี พ.ศ. 2557 เมื่อครบ 11 ปีในการทำตลาดพอดี โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่านิสสันและมิตซูบิชิจะพัฒนารถกระบะร่วมกัน แต่ปัจจุบันได้ยุติความร่วมมือในการพัฒนารถกระบะแล้ว คงเหลือแต่ความร่วมมือในการผลิตรถ K-Car และการผลิตรถซีดานขนาดใหญ่สำหรับตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น

สล็อต

รุ่นที่ 3 (พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน)
โฉมที่สาม (D23)
เรียกอีกชื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส
นิสสัน เอ็นพี300
นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา
เรโนลท์ อลาสคัน
เริ่มผลิตเมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2557–ปัจจุบัน
แหล่งผลิต ประเทศไทย: สมุทรปราการ
สเปน: บาร์เซโลนา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2558)
เม็กซิโก: อากวัสกาเลียนเตส
อาร์เจนติน่า: คอร์โดบา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2560)
ผู้ออกแบบ มาโมรุ เอากิ (พ.ศ. 2556)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภท รถปิกอัพขนาดกลาง
โครงสร้าง
เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนล้อหลัง / ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
2.5 L QR25DE I4 (เบนซิน)
2.3 L YS23DDT I4-T (ดีเซล)
2.3 L YS23DDTT I4-TT (ดีเซล)
2.5 L YD25DDTi I4-T (ดีเซล)
ระบบเกียร์
7 จังหวะ-อัตโนมัติ
6 จังหวะ-ธรรมดา
มิติ
ระยะฐานล้อ 3,150 mm (124 in)
ความยาว 5,255 mm (207 in)
ความกว้าง 1,850 mm (73 in)
ความสูง 1,820 mm (72 in)

สล็อตออนไลน์

ด้านหลัง ในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557 นิสสันได้เผยโฉมนาวารารุ่นที่สาม (รู้จักกันในชื่อ เอ็นพี300 นาวารา) ใช้รหัสตัวถังว่า D23 โฉมนี้จะไม่มีสายการผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่จะมีสายการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรปราการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 และจะเริ่มส่งมอบเมื่อเดือนสิงหาคม โฆษกนิสสันอเมริกาเหนือ นายแดน บีดอร์ ได้กล่าวไว้ว่ารุ่นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโฉมกับฟรอนเทียร์โฉม D40 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับรุ่นยุโรปได้ใช้เครื่องยนต์ 2.3 ลิตรจากนิสสัน เอ็นวี400
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เผยโฉมรถกระบะต้นแบบ 2 คันชื่อว่า “เอ็กซ์-คลาส” โดยเอ็กซ์-คลาสจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับนิสสัน นาวาราโฉมนี้ และจะได้ขึ้นสายผลิตในโรงงานที่ประเทศสเปน (บาร์เซโลนา) และที่ประเทศอาเจนติน่า (คอร์โดบา) เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็กซ์-คลาส จะไม่มีการทำตลาดในประเทศไทย

jumboslot

ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม เช่น การกวาดชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกเมื่อปี 2558 รวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่นิสสันสามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT500 และ GT300 นิสโมมีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ของนิสสันให้แข็งแกร่ง ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้น เร้าใจ โดยหน้าที่หลักของนิสโมคือ พัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะสำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต และพัฒนา Road Cars หรือรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะรถของนิสสันมีความเหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งด้านการดีไซน์ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะ นิสสัน ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวนำ Nissan GT-R 50th Anniversary มาจัดแสดง ณ Motor Expo 2019 โดยราคาจะอยู่ที่ 11,300,000 บาท มาพร้อมความหรูหราและสปอร์ต ขนาดเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม. ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 50 ปี ของรหัสแรง GT-R

slot