เมอร์เซเดส-เบนซ์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอล-คลา เป็นชื่อสายการผลิตรถยนต์นั่งประเภทหรูหราสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์หน้าลำ ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (FMR) 2 ประตู 2 หรือ 4 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ชื่อรุ่นว่า “เอสแอล” ซึ่งย่อมาจาก “สปอร์ต น้ำหนักเบา (Sport Leicht)” เอสแอล-คลาส 300เอสแอล เป็นคันแรกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใช้ “ประตูปีกนกนางนวล” (Gull-wing door) ซึ่งสามารถเปิดขึ้นลง แทนแบบปกติที่เปิดข้าง ซึ่งเป็นการใช้แค่โฉมแรกในรุ่นนั้นรุ่นเดียว และไม่เคยทำมาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้ออกรุ่น เอสแอลเอส เอเอ็มจี เมื่อปี ค.ศ. 2010 ก็ได้นำแบบประตูแบบนี้มาใช้อีกครั้งหนึ่ง

jumbo jili

ปัจจุบัน เอสแอล-คลาส ได้ออกโฉมต่าง ๆ มาทั้งหมดแล้ว 6 โฉม ดังต่อไปนี้
โฉมแรก (1954-1963) แบ่งเป็นสองรุ่นคือ “300เอสแอล โรสเตอร์” (300SL roadster) ซึ่งใช้ ประตูปีกนกนางนวลเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 ส่วน 190เอสแอล (190SL) ซึ่งผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ถึง 25,881 รถคันนี้ได้เริ่มการผลิต ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 จนถึงปี ค.ศ. 1963 ลักษณะตัวถังแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่เป็นรถหลังคาแข็ง 2 ประตู ซึ่งเป็นประตู ปีกนกนางนวล (กัลวิง) และ ชนิดที่ 2 คือ โรสเตอร์ หลังคาผ้าใบ (Soft top) ในลักษณะประตูปกติ และหลังจากโฉมนี้เป็นต้นไป ประตูแบบกัลวิง ก็จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ทำให้ โฉมแรกนี้ จึงดูเป็นโฉมที่มูลค่ามากกว่าโฉมไหนๆ ซึ่งปัจจุบัน ก็ได้จัดให้เป็นหนึ่งใน “รถยูโรคลาสสิก” และอยู่ในฐานะรถประมูลอีกด้วย 300เอสแอล กัลวิง ถือเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลกในเวลานั้น และยังถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการบัญญัติศัพท์ว่า “ซูเปอร์คาร์” ขึ้น ทำให้ 300เอสแอลกัลวิง ได้รับการยกย่องให้เป็นซูเปอร์คาร์คันแรกของโลก

สล็อต

รุ่นต่างๆ ของโฉมแรก
-300SL (“กัลวิง”): ค.ศ. 1954–1957, 3.0 ลิตร I6, กำลัง 215 hp (160 kW)
-300SL (Roadster): ค.ศ. 1957–1963 3.0 ลิตร I6, กำลัง 225 hp (168 kW)
-190SL: ค.ศ. 1955–1963, 1.9 ลิตร I4, กำลัง 105 hp (78 kW)
โฉมที่สอง (ค.ศ. 1963-1971)
โฉมที่ 2
ต่อจากโฉมแรก เอสแอล-คลาส ก็ได้ใช้ชื่อโฉมใหม่นี้ว่า “230SL” และใช้รหัสว่า “W113” ได้รับการออกแบบโดย นักออกแบบรถชาวฝรั่งเศส Paul Bracq มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ เครื่องยนต์ขนาด 2.3 ลิตร 6 สูบ (I6) และเปลี่ยนประตูจาก “กัลวิง” หรือที่เรียกว่า “ประตูปีกนกนางนวล” ไปเป็นรถเปิดประทุนหลังคาผ้าใบ (บางครั้งเรียกเป็นชื่อเล่นว่า Pagoda top) แทนทั้งหมด

สล็อตออนไลน์

รุ่นต่างๆ ของโฉมที่ 2
-230SL: ค.ศ. 1963–1967, 2.3 ลิตร I6, กำลัง 150 hp (112 kW)
-250SL: ค.ศ. 1966–1968, 2.5 ลิตร I6, กำลัง 150 hp (112 kW)
-280SL: ค.ศ. 1967–1971, 2.8 ลิตร I6, กำลัง 170 hp (127 kW)
โฉมที่สาม (ค.ศ. 1972-1989)
โฉมที่ 3
โฉมที่สาม นับเป็นโฉมที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังเป็นโฉมที่มีรหัสรโฉมถึง 2 รหัส ได้แก่ R107 หรือ SL ซึ่งเป็นลักษณะรถ 2 ประตู เปิดประทุนด้วยหลังคาผ้าใบ และ C107 หรือ SLC ซึ่งเป็นลักษณะรถ 2 ประตู คูเป้ ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 จนถึง ปี ค.ศ. 1989 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 300,175 คัน

jumboslot

รุ่นต่างๆ ของโฉมที่สาม
-350SL: ค.ศ. 1971–1980, 3.5 ลิตร V8
-450SL: ค.ศ. 1973–1980, 4.5 ลิตร V8
-280SL: ค.ศ. 1974–1985, 2.8 ลิตร I6
-300SL: ค.ศ. 1986–1989 เป็นรุ่นที่ใช้เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ แต่จำหน่ายน้อยมาก
-380SL: ค.ศ. 1980–1986, 3.8 ลิตร V8
-500SL: ค.ศ. 1980–1986, 5.0 ลิตร V8
-420SL: ค.ศ. 1986–1989, 4.2 ลิตร V8
-500SL: ค.ศ. 1986–1989, 5.0 ลิตร V8
-560SL: ค.ศ. 1986–1989, 5.6 ลิตร V8
สำหรับรุ่น 560SL จำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย เพียงเท่านั้น แต่ถึงจะเรียก 560SL ก็ยังคง ขนาดเครื่องยนต์ไว้ที่ 5.0 ลิตร เช่นเดียวกับ 500SL เนื่องจากติดที่กฎหมายเกี่ยวกับอัตราปล่อยมลพิษ ในทั้ง 4 ประเทศ
โฉมที่สี่ (1989-2002) โฉมที่สี่ ใช้รหัสว่า “R129” ได้รับการออกแบบโดย Johann Tomforde และ Bruno Sacco นับเป็นที่ไม่ต่างกับโฉมก่อนหน้านี้มากนัก แต่เป็นโฉมแรกของ เอสแอล-คลาส ที่ได้มีการติตตั้งเครื่องยนต์เสริม เอเอ็มจี (AMG) โฉมนี้ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 จนถึงปี ค.ศ. 2002 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 213,089 คัน
โฉมที่ห้า (2001-2008)
โฉมที่ 5 เอสแอล ได้ใช้ชื่อรหัสว่า “R230” เปิดตัวครั้งแรกที่งาน แฟรงเฟิร์ตมอเตอร์โชว์ ปี ค.ศ. 2002 ได้รับการออกแบบโดย Steve Mattin และ Bruno Sacco ในปี ค.ศ. 1997 เอสแอล

slot