เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที (C109) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์หน้าลำ ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (FMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง พัฒนาโดย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี บริษัททำเครื่องยนต์พิเศษของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รถได้รับการออกแบบภายนอกเช่นเดียวกับเอสแอลเอสโดย มาร์ก แฟเทอร์สัน (Mark Fetherston) และภายในโดยแจน คอล (Jan Kaul) เปิดเผยครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2014 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2014 ที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อแทนสายการผลิต เอสแอลเอส ที่ได้หยุดการผลิตลงในปี ค.ศ. 2014 นอกจานี้ยังถือเป็นสายการผลิตที่ 2 ที่ผลิตจากค่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี

jumbo jili

รถประกอบด้วยอะลูมิเนียมโดยรวมคิดเป็น 93% โดยที่เหลือเป็นแม็กนีเซียม ในช่วงฐานล่างบริเวณด้านหน้ารถ ในส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นเกียร์ดูอัล-คลัทซ์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7 จังหวะ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ได้ออกรุ่นย่อยเป็น 2 รุ่น คือ เอเอ็มจี จีที (AMG GT) และ เอเอ็มจี จีที เอส (AMG GT S) ซึ่งมีสมรรถนะภาพสูงกว่ารุ่นมาตราฐานเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ดีสมรรถนะภาพโดยรวมถือว่าต่ำกว่ารุ่นเอสแอลเอส ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก โดยเอเอ็มจี จีที ใช้เครื่องขนาด 4.0 ลิตร M178 twin-turbo จำนวน 8 ลูกสูบ V8 (340–375 kW) ในขณะที่เอสแอลเอส ใช้เครื่องขนาด 6.2 ลิตร ซึ่งเหตุผลที่ลดสมรรถนะภาพลงเพื่อจำหน่ายในตลาดที่ต่ำลงมา และเพื่อเทียบชั้นกับรุ่นที่ใกล้เคียงจากค่ายอื่นๆ เช่น ปอร์เช่ 911 เป็นต้นเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที ซี (AMG GT C) และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที อาร์ (AMG GT R) ได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ราคา 16,800,000 บาท (AMG GT C) และ ราคา 17,400,000 บาท (AMG GT R)

สล็อต

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที อาร์ รุ่นปรับโฉม (AMG GT R Facelift) ได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ราคา 17,900,000ในปี 1938 หลังเยอรมนีผนวกบ้านพี่เมืองน้องอย่างออสเตรียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน ในที่สุด ฮิตเลอร์ส่งกองทัพเข้ายึดประเทศออสเตรียและประเทศเชโกสโลวาเกียโดยไม่สนคำครหา กลิ่นของสงครามเข้าปกคลุมทั้งทวีปยุโรป สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสต้องการเลี่ยงสงครามจึงได้จัดการประชุมมิวนิกกับเยอรมนีในเดือนกันยายน เพื่อเป็นหลักประกันว่าเยอรมนีจะไม่รุกรานดินแดนใดไปมากกว่านี้และจะไม่ก่อสงคราม แต่ขณะเดียวกัน ต่างฝ่ายก็ต่างสั่งสมกำลังเพื่อเตรียมเข้าสู่สงคราม ในปี 1939 การบุกยึดโปแลนด์ของเยอรมนีได้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น ตามด้วยการบุกครองประเทศอื่น ๆ ในยุโรปและยังทำกติกาสัญญาไตรภาคีเป็นพันธมิตรกับอิตาลีและญี่ปุ่น เขตอิทธิพลของนาซีเยอรมันได้แผ่ไพศาลที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเยอรมันในปี 1942 ครอบคลุมส่วนใหญ่ของยุโรปภาคพื้นทวีป ในปี 1943 ฮิตเลอร์เปลี่ยนชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของเยอรมนีจาก “ไรช์เยอรมัน” (Deutsches Reich) เป็น “ไรช์เยอรมันใหญ่” (Großdeutsches Reich)

สล็อตออนไลน์

หลังความล้มเหลวในปฏิบัติการบาร์บารอสซาที่สหภาพโซเวียต เยอรมันก็ถูกรุกกลับอย่างรวดเร็วจากทั้งสองด้าน เมื่อกองทัพแดงบุกถึงกรุงเบอร์ลินในเดือนเมษายน 1945 ฮิตเลอร์ปฏิเสธที่จะหนีออกจากกรุงเบอร์ลินและตัดสินใจยิงตัวตาย หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เยอรมนีก็ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร เยอรมนีตะวันออกและตะวันตก (ค.ศ. 1945–1990)
หลังเยอรมนียอมจำนนแล้ว ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้แบ่งกรุงเบอร์ลินและประเทศเยอรมนีออกเป็น 4 เขตในยึดครองทางทหาร เขตฝั่งตะวันตกซึ่งควบคุมโดยฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหรัฐ ได้รวมกันและจัดตั้งขึ้นเป็นประเทศที่ชื่อว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี” เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 ส่วนเขตทางตะวันออกซึ่งอยู่ในควบคุมของสหภาพโซเวียตได้จัดตั้งขึ้นเป็นประเทศที่ชื่อว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ทั้งสองประเทศนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “ประเทศเยอรมนีตะวันตก” มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงบ็อน และ “ประเทศเยอรมนีตะวันออก” มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเบอร์ลินตะวันออก

jumboslot

เยอรมนีตะวันตกมีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐภายใต้รัฐสภากลาง และใช้ระบบเศรษฐกิจการตลาดเพื่อสังคม (Social Market Economy) เยอรมนีตะวันตกรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจำนวนมากตามแผนมาร์แชลล์เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมของตน เศรษฐกิจของเยอรมนีตะวันตกฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนถูกเรียกว่า “ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ” (Economic miracle) เยอรมนีตะวันตกเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในปี 1955 และเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC) ในปี 1957 เยอรมนีตะวันออกเป็นรัฐในกลุ่มตะวันออก (Eastern Bloc) ซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองและทางทหารของสหภาพโซเวียต และยังเป็นรัฐร่วมภาคีในกติกาสัญญาวอร์ซอ และแม้ว่าเยอรมนีตะวันออกจะอ้างว่าตนเองปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่อำนาจทางการเมืองการปกครองทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของโปลิตบูโรแห่งพรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี (SED) ซึ่งมีหัวแบบคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้ พรรคฯยังมีการหนุนหลังจาก “กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ “หรือที่เรียกว่า “ชตาซี” (Stasi) อันเป็นหน่วยงานรัฐขนาดใหญ่ที่ควบคุมเกือบทุกแง่มุมของสังคม เยอรมนีตะวันออกใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ อันเป็นระบบเศรษฐกิจที่ทุกอย่างถูกวางแผนโดยรั ที่หน้าประตูบรันเดินบวร์ค ผู้คนออกมาชุมนุมยินดีต่อการพังทลายลงของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989
ชาวเยอรมันตะวันออกจำนวนมากพยายามข้ามไปยังเยอรมนีตะวันตกเพื่ออิสรภาพและชีวิตที่ดีกว่า ทำให้เยอรมนีตะวันออกตัดสินใจสร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นมาเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 1961 กำแพงแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็นระหว่างฝ่ายเสรีกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ การพังทลายลงของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ นำมาซึ่งการรวมประเทศเยอรมนีในปีถัดมา ก่อนที่จะตามมาด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปีให้หลัง

slot