เอ็มจีคาส์

รถยนต์เอ็มจี รถยนต์อันดับต้น ๆ ของมอร์ริส การาจส์ (Morris Garages) เป็นยี่ห้อของวิศวกรรมยานยนต์จดทะเบียนโดยบริษัทเอ็มจี คาร์ คอมแพนี จำกัด ซึ่งปิดกิจการไปแล้ว ณ ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถสปอร์ตอังกฤษเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1920 เป็นการขายที่เป็นงานพิเศษนอกเหนือจากการขายปลีก และการบริการที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford) ของดับเบิลยู.อาร์. มอร์ริส (W.R. Morris) โดยผู้จัดการธุรกิจ “ซีเซิล คิมเบอร์” (Cecil Kimber) ที่เป็นที่รู้จักกันจากรถยนต์เปิดประทุนสองที่นั่งของเขา บริษัทเอ็มจีก็ยังผลิตรถยนต์ซาลูน (Saloon) และคูเป้ (Coupé) อีกด้วย และคิมเบอร์ก็เป็นลูกจ้างของวิลเลียม มอร์ริส (William Morris)

jumbo jili

ธุรกิจเอ็มจีเป็นสิทธิครอบครองส่วนตัวของมอร์ริสจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1935 เมื่อเขาขายธุรกิจให้บริษัทมอร์ริส มอเตอร์ส จำกัด (Morris Motors Limited) ที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือครองใหม่ก่อนที่จะเผยแพร่มอร์ริส มอเตอร์ส ต่อสาธารณะในปี ค.ศ.1936 เอ็มจีได้ประสบพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายกับการเป็นเจ้าของ เริ่มตั้งแต่ที่มอร์ริสรวมเข้ากับออสติน (Austin) ในเดอะ บริทิช มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน จำกัด (The British Motor Corporation Limited) ในปี ค.ศ.1952 เอ็มจีได้เปลี่ยนมาเป็นเดอะ เอ็มจี ดีวิชัน ออฟ บีเอ็มซี (The MG Division of BMC) ในปี ค.ศ.1967 และเป็นส่วนประกอบของการรวมบริษัทที่สร้างบริทิช เลย์แลนด์ มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน (British Leyland Motor Corporation) เริ่มต้นด้วย 2000 MG เป็นส่วนหนึ่งของเอ็มจี โรเวอร์ กรุ๊ป (MG Rover Group) ที่เข้าร่วมการสั่งพิทักษ์ทรัพย์

สล็อต

ในปี ค.ศ.2005 สินทรัพย์และเอ็มจีได้ทำการซื้อโดยหนานจิง ออโตโมบายล์ กรุ๊ป (Nanjing Automobile Group) ที่เข้าร่วมกับเอสเอไอซี (SAIC) ในปีค.ศ.2008 เป็นจำนวนเงิน 53 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.1395 พันล้านบาท) การผลิตเริ่มต้นใหม่ในปีค.ศ.2007 ณ ประเทศจีน รถยนต์เอ็มจีรุ่นแรกใหม่ล่าสุดจากประเทศจีนเป็นเวลา 16 ปี เอ็มจี 6 (MG 6) เผยโฉมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ.2011 ปัจจุบัน​ MG จึงถือเป็นรถยนต์​จากประเทศ​จีน ทั้งวัสดุ​ วิศวกรรม​ การออกแบบไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Morris Garages อีกต่อไป รถยนต์ยี่ห้อเอ็มจีแบบดั้งเดิมถูกใช้ต่อมา ยกเว้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลา 56 ปีหลังจากการก่อตั้งในปีค.ศ.1923 การผลิตรถสปอร์ตสองที่นั่งอย่างเหนือกว่านั้นทำให้ดึงดูดความสนใจไปที่โรงงานในแอบิงดอน (Abingdon) ห่างจากอ๊อกซ์ฟอร์ดไปทางทิศใต้ประมาณ 10 ไมล์ (16 กิโลเมตร) เดอะ บริทิช มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน (BMC) ด้านการแข่งขันจะมีฐานอยู่ที่โรงงานในแอบิงดอน ผลิตรถแรลลี (Rally) และรถแข่ง จนกระทั่งโรงงานแอบิงดอนปิดตัวลง และการผลิตเอ็มจีบี (MGB) สิ้นสุดในฤดูใบไม้ผลิในปีค.ศ.1980

สล็อตออนไลน์

ระหว่างปีค.ศ.1982 และ 1991 ยี่ห้อเอ็มจีเคยให้วิศวกรออกแบบรถที่มีดีไซน์สปอร์ตกว่าเดิม คือ ออสติน โรเวอร์ส เมโทร (Austin Rover’s Metro) แมสโทร (Maestro) และ มอนเทโก (Montego) แต่ยี่ห้อเอ็มจีก็ยังไม่กลับมามีชีวิตชีวากว่าเดิม จนกระทั่งปีค.ศ.1992 ด้วยรถเอ็มจี อาร์วี 8 (MG RV8) รุ่นใหม่ล่าสุดของรถเปิดประทุนเอ็มจีบี (MGB Roadster) ด้วยเครื่องยนต์โรเวอร์ วี 8 (Rover V8) ที่ได้เปิดให้ชมที่งานมอเตอร์โชว์ที่เบอร์มิงแฮม (Birmingham Motor Show) เมื่อปีค.ศ.1992 ด้วยการซื้อขายที่มากตั้งต้นในปี 1993 การฟื้นฟูครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปีค.ศ.1995 เมื่อรถเอ็มจี เอ็ฟ (MG F) 2 ที่นั่งพร้อมเปิดประทุนได้เผยโฉมที่มีการซื้อขายมาก ยี่ห้อเอ็มจี มาพร้อมกับยี่ห้อโรเวอร์ เข้าร่วมในเดอะ เอ็มจี โรเวอร์ กรุ๊ป (The MG Rover Group) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2000 เมื่อบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) แตกกลุ่มจากเดอะ โรเวอร์ กรุ๊ป (The Rover Group) ซึ่งข้อตกลงก็ได้นำกลับมาสู่การผลิตรถยนต์เอ็มจีที่มีความสปอร์ตมากกว่าเดิม โดยมีฐานมาจากรถโรเวอร์ เช่น เอ็มจี แซดที (MG ZT) ในปีค.ศ.2001 พร้อมกับการปรับปรุงแก้ไขโมเดลเอ็มจี เอ็ฟ เป็นที่รู้จักกันในชื่อเอ็มจี ทีเอ็ฟ (MG TF) ในปีค.ศ.2002 อย่างไรก็ดี การผลิตทั้งหมดก็ยุติลงในเดือนเมษายน ปีค.ศ.2005 เมื่อเอ็มจี โรเวอร์ เข้าร่วมเป็นการบริหาร

jumboslot

สินทรัพย์ของเอ็มจี โรเวอร์ ถูกขายให้กับบริษัทผลิตรถของประเทศจีน “หนานจิง ออโตโมบายล์” ในเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ.2005 และขายให้กับเอสเอไอซี (SAIC) ในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.2007 ตามลำดับ ที่ปัจจุบันมีสาขาในประเทศอังกฤษ “เอ็มจี มอเตอร์”โมเดลแรกสุดในปีค.ศ.1924 เอ็มจี 14/28 (MG 14/28) ประกอบด้วยหุ่นที่สปอร์ตเป็นโครงรถยนต์มอร์ริส อ็อกซ์ฟอร์ด (Morris Oxford Chassis) โมเดลรถมีหลากหลายรุ่นที่พัฒนา รถยนต์คันแรกที่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นเอ็มจีโฉมใหม่ แทนที่มอร์ริสที่แปลงโฉมแล้ว คือ เอ็มจี 18/80 (MG 18/80) ในปีค.ศ.1928 ด้วยโครงสร้างรถที่เป็นไปตามจุดประสงค์ และด้วยรูปลักษณ์ที่ตะแกรงหน้ารถเป็นเส้นตรงแบบใหม่ของเอ็มจี รถยนต์คันเล็กนี้ได้ออกมาเมื่อปีค.ศ.1929 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของเอ็ม ไทป์ (M-Type) ตามโครงสร้างของมอร์ริส ไมเนอร์ (Morris Minor) เอ็มจีสร้างชื่อขึ้นให้มันในเวลาต่อมาไม่นานในการแข่งขันรถยนต์นานาชาติ (International Automobile Racing) เริ่มขึ้นก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เอ็มจีได้ผลิตรถที-ซีรีส์ (T-Series) ขนาดเล็ก โดยก่อนที่จะเกิดสงครามก็ได้ส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย รวมถึงเอ็มจี ทีซี (MG TC) เอ็มจี ทีดี (MG TD) เอ็มจี ทีเอ็ฟ (MG TF) ทั้งหมดนี้มีฐานมาจากเอ็มจี ทีบี (MG TB) และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เอ็มจีเดินทางจากวาย-ไทป์ ซาลูน (Y-Type Saloon) และดีไซน์ก่อนสงคราม และปล่อยเอ็มจีเอ (MGA) ในปีค.ศ.1955 เอ็มจีบี (MGB) ปล่อยอกมาเมื่อปีค.ศ.1962 เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะทำรถสปอร์ตให้มีความทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้น ในปีค.ศ.1965 มีรถคูเป้ (FHC) ได้แก่ เอ็มจีบี จีที (MGB GT) กับการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ส่วนมากก็เพื่อทำตามความเข้มงวดของมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา เอ็มจีบีคันนี้ก็ได้ผลิตจนถึงปีค.ศ.1980 ระหว่างปีค.ศ.1967-1969 โมเดลเอ็มจีซี (MGC) ก็ถูกปล่อยออกมา ซึ่งก็มีฐานมาจากเอ็มจีบี แต่ใหญ่กว่า (และหนักกว่าด้วย) ด้วยเครื่องยนต์ 6 กระบอกสูบ และอะไรบางอย่างที่ทำให้การบังคับแย่ลง เอ็มจีก็ยังเริ่มผลิตรถยนต์คันเล็กในปีค.ศ.1961 ได้ออกแบบใหม่ให้กับรุ่นที่สอง “ออสติน เฮลี สไปรท์” (Austin Healey Sprite) เล็กน้อย ที่สร้างความตกอกตกใจนั่นก็คือ เอ็มจีบีในปีค.ศ.1974 นั้นเป็นโมเดลสุดท้ายที่กันชนสร้างจากโครเมียมเนื่องจากข้อบังคับของสหรัฐอเมริกา กลางปีค.ศ.1974 กันชนแผ่นยางหนาสีดำก็ได้มาประกอบอยู่บนตัวรถ ในปีค.ศ.1973 เอ็มจีบี จีที วี 8 (MGB GT V8) ถูกปล่อยออกมาโดยมีเครื่องยนต์บิวอิก โรเวอร์ วี 8 (Buick Rover V8 Engine) และผลิตขึ้นจนกระทั่งปีค.ศ.1976 จากรถเอ็มจีบีเป็นรถที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดจนกระทั่งโรงงานแอบิงดอนปิดตัวลงในเดือนตุลาคม ปีค.ศ.1980 หลังจากนั้นก็ยังประยุกต์ให้กับรุ่นของบีเอ็มซี ซาลูน (BMC Saloon) ประกอบไปด้วย บีเอ็มซี เอดีโอ 16 (BMC ADO16) ซึ่งก็มีในบริษัทไรลีย์ (Riley) แต่เอ็มจีก็จะเน้นย้ำไปที่ความสปอร์ตมากกว่า

slot

มินิมาร์กทรีและต่อไป : 1970–2000

มินิ เป็นยี่ห้อรถยนต์ของอังกฤษ ที่มีเจ้าของโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ขนาดเล็ก ต้นกำเนิดของมินิเป็นสายรถยนต์ขนาดเล็กที่โดดเด่นของประเทศอังกฤษที่ผลิตโดยบริติชมอเตอร์คอร์ปอเรชันจาก ค.ศ. 1959 จนถึง 2000 รูปแบบของมันครอบคลุมถึงมอร์ริสมินิ-ไมเนอร์ และออสตินเซเวน, คันทรีแมน, โมค, 1275 จีที และคลับแมน รุ่นที่ดำเนินการเหล่านี้ใช้ชื่อคูเปอร์ เนื่องด้วยเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของตำนานการแข่งรถอย่างจอห์น คูเปอร์ สำหรับรถมินิสองประตูแบบดั้งเดิมได้รับการผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2000 โดยการพัฒนาสืบทอดได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1995 และรถรุ่นใหม่ได้รับการเปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 การแบ่งประเภทของมินิในปัจจุบันรวมถึงฮาร์ดทอป/แฮทช์/คอนเวอร์ติเบิล (รถยนต์สามประตู), คลับแมน (เอสเตท), มินิคันทรีแมน (ครอสโอเวอร์ห้าประตู), คูเป/โรดสเตอร์, และเพซแมน (ครอสโอเวอร์สามประตูซึ่งอิงมาจากคันทรีแมน)

jumbo jili

มินิเดิมเป็นสินค้าของบริติชคอร์ปอเรชัน ซึ่งในปี ค.ศ. 1966 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริติชมอเตอร์โฮลดิง ซึ่งได้รวมเลย์แลนด์มอเตอร์ในปี ค.ศ. 1968 ไปเป็นรูปแบบบริติชเลย์แลนด์ ซึ่งมินิได้กลายเป็นยี่ห้อในสิทธิของตนเองในปี ค.ศ. 1969 ในคริสต์ทศวรรษ 1980 บริติชเลย์แลนด์ได้ยุติการร่วมมือ และในปี ค.ศ. 1988 ทางโรเวอร์กรุ๊ป รวมทั้งมินิ ได้ถูกซื้อโดยบริติชแอโรสเปซ ครั้นในปี ค.ศ. 1994 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ถูกซื้อโดยบีเอ็มดับเบิลยู ส่วนในปี ค.ศ. 2000 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ยุติความสัมพันธ์กับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ผูกขาดตราสินค้าของมินิเอาไว้ โดยมีโยเชน กอลเลอร์ แห่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารของส่วนมินิ

สล็อต

มินิแฮทช์, ฮาร์ดทอป, คลับแมน, คอนเวอร์ติเบิล, คูเป และโรดสเตอร์ จะประกอบที่โรงงานแพลนต์ออกซฟอร์ดของบีเอ็มดับเบิลยูในคาวเลย์ ประเทศอังกฤษ และคันทรีแมนกับเพซแมนจะได้รับการประกอบโดยมักนาชไตร์ ในประเทศออสเตรีย โดยมียอดรวมจำหน่ายรถมินิทั่วโลกที่ 301,526 คันในปี ค.ศ. 2012 ยานพาหนะมินิยังเป็นที่สนใจในการแข่งแรลลี โดยมินิ คูเปอร์ เอส ยังชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลีได้ถึงสามครั้งในปี ค.ศ. 1964, 1965 และ 1967 นอกจากนั้น รถมินิยังได้เข้าร่วมรายการเวิลด์แรลลีแชมเปียนชิพตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 ผ่านทีมโปรไดรฟ์ ดับเบิลยูอาร์ซี เดือนเมษายน 1959 มินิรุ่นแรกได้ออกสู่สาธารณชนเป็นการแนะนำสู่สื่อ ต่อมาเดือนสิงหาคม ก็ได้มีการผลิตออกมาหลายพันคันสำหรับการขาย คำว่า “มินิ” ยังไม่ได้เป็นชื่อแรกที่ปรากฏในทันที โดยรุ่นแรกอยู่ภายใต้แบรนด์ของบีเอ็มซีที่ชื่อว่า ออสตินและมอร์ริส รุ่นออสตินเซเว่น (บางครั้งเขียนว่า SE7EN ในช่วงแรกที่ออก) ได้รับความนิยมสำหรับออสตินเซเว่นในยุคทศวรรษ 1920 และ 1930 ต่อมาในปี 1967 ในสหราชอาณาจักร (รวมถึงออสเตรเลีย) ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “มอริส มินิ ไมเนอร์” เพื่อให้ดูเหมือนเป็นการเล่นคำ

สล็อตออนไลน์

จนกระทั่งในปี 1962 ได้ออกรุ่น ออสติน 850 และ มอร์ริส 850 ในอเมริกาเหนือและฝรั่งเศส และในเดนมาร์กในชื่อ ออสติน พาร์ตเนอร์ (ถึงปี 1964) และมอร์ริส มาสค็อต (ถึงปี 1981) จากนั้นออสตินเซเว่นได้ออกใหม่ในชื่อออสตินมินิ บริษัทรถชาร์ปสคอมเมอร์เชียลส์ (ต่อมาใช้ชื่อ บอนด์คาร์ส) ได้ใช้ชื่อ มินิคาร์ สำหรับรถ 3 ล้อ ตั้งแต่ปี 1949 แต่อย่างไรก็ตามในทางกฎหมายก็เลี่ยงไปได้ และบีเอ็มซีใช้คำว่า “มินิ” ให้นึกถึงว่ารถมีชีวิต ในปี 1964 ระบบกันสะเทือนเปลี่ยนมาใช้ระบบการออกแบบของโมลตัน คือระบบ hydrolastic ทำให้ขับรถได้นิ่มขึ้นแต่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นรวมถึงค่าผลิตที่ตามมา จากนั้นเดือนตุลาคม 1965 การออกแบบเสริม ระบบขับเคลื่อน 4 สปีด เข้าไป ออกแบบโดย ออโตโมทีฟโปรดักส์ (เอพี)
มาร์กวันมียอดขายที่แข็งแรงขึ้นมากกว่ารุ่นไหนในยุค 1960 มียอดขายรวม 1,190,000 คัน แต่รายได้รุ่นทั่วไปต่ำกว่าที่คาดไว้ มินิไม่ได้ทำเงินตามที่ขายได้ และเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแข่งขันกับคู่แข่ง แต่ก็มีข่าวลือว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดของเรื่องการบัญชี กำไรมาจากรุ่นหรู ๆ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ที่รัดเข็มขัด กระจกประตูและวิทยุ ที่จำเป็นต่อรถรุ่นใหม่จากปี 1967 ถึง 1970 อิซซิโกนิซ ได้ทดลองออกแบบรถมินิที่มีรูปทรงใหม่ที่เรียกว่า 9X ที่สั้นลงและมีกำลังมากกว่ามินิ แต่เนื่องจากเรื่องการเมืองในบริติชเลย์แลนด์ (ที่ได้รวมกับบริษัทแม่บีเอ็มซี บริติชมอเตอร์โฮล์ดิงส์แอนด์เดอะเลย์แลนด์มอเตอร์คอโปเรชัน) ทำให้รถไม่ได้รับการผลิตขึ้นมา ที่จะน่าทึ่งไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า ซึ่งหลายคนคาดว่าจะมีคู่แข่งทำในทศวรรษ 1980

jumboslot

ตะแกรงหน้ารถของ รถมินิมาร์กทู ได้รับการออกแบบใหม่ หน้าต่างข้างใหญ่ขึ้น สิ่งเติมแต่งก็เปลี่ยนไป รถมาร์กทูผลิตขึ้นเป็นจำนวน 429,000 คัน รถมินิที่หลากหลายผลิตขึ้นใน Pamplona ในสเปน โดยบริษัท Authi ตั้งแต่ปี 1968 ส่วนใหญ่ภายใต้แบรนด์มอร์ริส หลังจากนั้นมินิก็โด่งดังสุด ๆ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง The Italian Job ในปี 1969 ที่มีฉากหนึ่งที่มีการแข่งรถ โดยโจรในเรื่องขับรถมินิ 3 คันลงบันไดผ่านท่อระบายน้ำบนตึก จากนั้นก็ขับมาด้านหลังของรถบัส ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกทำมาทำใหม่ในปี 2003 โดยใช้รถนิวมินิโวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต (Wolseley Hornet) และ ไรลี เอลฟ์ (Riley Elf) (1961-69) เป็นมินิเวอร์ชันที่ดูหรูหราขึ้น ทั้ง 2 รุ่นมีปีกข้างที่ยาวขึ้นเล็กน้อย กระโปรงหลังใหญ่ขึ้น ที่ทำให้เหมือนรถมีฝาประตูด้านหลังเหมือนรถทั่วไป ส่วนหน้าซึ่งออกแบบตะแกรงที่มีตรายี่ห้อไว้ด้วย และยังไม่แสดงถึงการใช้สอยจากรูปลักษณ์ภายนอก ฝาครอบล้อโครเมียมมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า ออสตินและมอร์ริส มินิ ส่วนกันชนก็ทำจากโครเมี่ยม แผงหน้าปัดไม้ ไรลี เอลฟ์จะราคาแพงกว่าโวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต คำว่า โวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต ใช้ครั้งแรกในรถสปอร์ตช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่ เอลฟ์ มาจากรถโบราณไรลี สไปรต์ และรถสปอร์ต ในยุค 1930 เช่นกัน รถทั้ง 2 ชนิดออกมา 3 รุ่น เริ่มแรกเครื่องขนาด 848 ซีซี เปลี่ยนมาใช้คาบูเรตเตอร์ ในรุ่นคูเปอร์ 998 ซีซี ในมาร์กทู ในปี 1963 หน้าตาของมาร์กทรี ในปี 1966 หน้าต่างสามารถให้ลมผ่านได้ และยังซ่อนบานพับประตูก่อนที่จะเห็นในมินิทั่วไป ไรลี เอลฟ์ผลิตมาทั้งสิ้น 30,912 คัน ส่วนโวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต ผลิตมา 28,455 คัน

slot

มินิคลับแมนและ 1275GT: 1969-80

ในปี 1969 ภายใต้กรรมสิทธิ์ของบริทิชเลย์แลนด์ รถมินิ ได้ปรับแต่งรูปโฉม ออกแบบโดยรอย เฮย์นส ที่เคยทำงานให้กับฟอร์ดมาก่อน การออกแบบครั้งนี้เรียกว่า มินิคลับแมน ที่มีรูปแบบเหลี่ยมกว่าในส่วนของด้านหน้า ใช้ส่วนต่าง ๆ ประกอบเหมือนกันอย่าง ไฟข้าง คล้ายกับ ออสตินแม็กซี เดิมทีผู้ผลิตตั้งใจจะให้มินิคลับแมนแทนที่รถของกลุ่มคนมีรายได้สูงอย่าง ไรเลย์ และ วูลส์ลีย์ รถรูปแบบใหม่นี้ได้รับการตั้งชื่อว่า 1275GT และตั้งใจว่าจะมาแทนที่ มินิคูเปอร์ รุ่น 998 ซีซี (มินิคูเปอร์เอส 1275 ซีซี ยังคงเทียบเท่ากับ 1275GT เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 1971) คลับแมนเอสเตด เข้ามาแทนที่คันทรีแมนและแทรเวลเลอร์ที่ออกไป

jumbo jili

มักมีการกล่าวอย่างผิด ๆ ว่า 1275GT คือ “มินิคลับแมน 1275GT” ซึ่งจริงๆ แล้วชื่ออย่างเป็นทางการคือ “มินิ 1275GT” และมันก็ไม่เกี่ยวกัน ซึ่งแตกต่างจากคลับแมน (ถึงแม้ว่า ส่วนหน้าจะเหมือนกัน มินิคลับแมน และออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน) ในปี 1920 มินิคูเปอร์เอส รุ่น 1275 ซีซี เลิกผลิตในสหราชอาณาจักร เหลือแต่เพียง มินิ 1275GT รุ่นเดียวของมินิสปอร์ต ออกขายจนทิ้งสิ้นทศวรรษนั้น ในอิตาลี อินโนเซนติยังคงออกมินิคูเปอร์เวอร์ชันของตัวเองในบางครั้ง และในออสเตรเลียตั้งแต่กลางปี 1971 ถึง ปลายปี 1972 ได้มีการผลิตคลับแมนจีทีในท้องถิ่น ที่ประกอบด้วยส่วนบอดี้ในลักษณะของคูเปอร์เอสแบบคลับแมน มีดิสก์เบรก 7 1/2″ เหมือนกัน, ถังน้ำมันคู่, และคาร์บูเรเตอร์คู่ แบบคูเปอร์เอส รุ่น 1275 ซีซี ขณะที่ในสหราชอาณาจักร 1275GT ผลิตออกมาไม่ได้ใกล้เคียงและเร็วเท่า 1275 มินิคูเปอร์เอส มันราคาถูกกว่า และยังเป็นมินิรุ่นแรกที่มีเครื่องมือวัดความเร็ว และยังมีเกียร์ close-ratio รุ่นมาตรฐาน

สล็อต

สมรรถนะของ 1275GT ด้านความเร็วที่สามารถเร่งจาก 0–60 ไมล์ต่อชั่วโมง ใน 12.9 วินาที และกำลังมิดค่ากลางดีเลิศ อยู่ที่ 30–50 ไมล์ต่อชั่วโมง และถ้าเกียร์สูงสุดได้เร็วภายใน 9 วินาที และเครื่องสามารถแตะถึง 90 ไมล์ต่อชั่วโมง (14 กม./ชม.) ส่วนเครื่องรุ่น 1275 ซีซี ซีรีส์เอ มีราคาถูกและหมุนเคลื่อนง่ายกว่า อีกทั้งริ้วประตู “sidewinder” ติดตาย ซึ่งหมายถึงว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ “สำหรับเด็กนักแข่ง” ตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1970 ถึง 1980 มินิ (อังกฤษ: MINI) เป็นยี่ห้อรถยนต์ของอังกฤษ ที่มีเจ้าของโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ขนาดเล็ก ต้นกำเนิดของมินิเป็นสายรถยนต์ขนาดเล็กที่โดดเด่นของประเทศอังกฤษที่ผลิตโดยบริติชมอเตอร์คอร์ปอเรชันจาก ค.ศ. 1959 จนถึง 2000 รูปแบบของมันครอบคลุมถึงมอร์ริสมินิ-ไมเนอร์ และออสตินเซเวน, คันทรีแมน, โมค, 1275 จีที และคลับแมน รุ่นที่ดำเนินการเหล่านี้ใช้ชื่อคูเปอร์ เนื่องด้วยเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของตำนานการแข่งรถอย่างจอห์น คูเปอร์ สำหรับรถมินิสองประตูแบบดั้งเดิมได้รับการผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2000 โดยการพัฒนาสืบทอดได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1995 และรถรุ่นใหม่ได้รับการเปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 การแบ่งประเภทของมินิในปัจจุบันรวมถึงฮาร์ดทอป/แฮทช์/คอนเวอร์ติเบิล (รถยนต์สามประตู), คลับแมน (เอสเตท), มินิคันทรีแมน (ครอสโอเวอร์ห้าประตู), คูเป/โรดสเตอร์, และเพซแมน (ครอสโอเวอร์สามประตูซึ่งอิงมาจากคันทรีแมน)

สล็อตออนไลน์

มินิเดิมเป็นสินค้าของบริติชคอร์ปอเรชัน ซึ่งในปี ค.ศ. 1966 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริติชมอเตอร์โฮลดิง ซึ่งได้รวมเลย์แลนด์มอเตอร์ในปี ค.ศ. 1968 ไปเป็นรูปแบบบริติชเลย์แลนด์ ซึ่งมินิได้กลายเป็นยี่ห้อในสิทธิของตนเองในปี ค.ศ. 1969 ในคริสต์ทศวรรษ 1980 บริติชเลย์แลนด์ได้ยุติการร่วมมือ และในปี ค.ศ. 1988 ทางโรเวอร์กรุ๊ป รวมทั้งมินิ ได้ถูกซื้อโดยบริติชแอโรสเปซ ครั้นในปี ค.ศ. 1994 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ถูกซื้อโดยบีเอ็มดับเบิลยู ส่วนในปี ค.ศ. 2000 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ยุติความสัมพันธ์กับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ผูกขาดตราสินค้าของมินิเอาไว้ โดยมีโยเชน กอลเลอร์ แห่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารของส่วนมินิ มินิแฮทช์, ฮาร์ดทอป, คลับแมน, คอนเวอร์ติเบิล, คูเป และโรดสเตอร์ จะประกอบที่โรงงานแพลนต์ออกซฟอร์ดของบีเอ็มดับเบิลยูในคาวเลย์ ประเทศอังกฤษ และคันทรีแมนกับเพซแมนจะได้รับการประกอบโดยมักนาชไตร์ ในประเทศออสเตรีย โดยมียอดรวมจำหน่ายรถมินิทั่วโลกที่ 301,526 คันในปี ค.ศ. 2012 ยานพาหนะมินิยังเป็นที่สนใจในการแข่งแรลลี โดยมินิ คูเปอร์ เอส ยังชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลีได้ถึงสามครั้งในปี ค.ศ. 1964, 1965 และ 1967 นอกจากนั้น รถมินิยังได้เข้าร่วมรายการเวิลด์แรลลีแชมเปียนชิพตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 ผ่านทีมโปรไดรฟ์ ดับเบิลยูอาร์ซี เมืองวินเชสเตอร์ เป็นเมืองหลวงของมลฑลแฮมป์เชอร์ในภาคการปกครองตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ วินเชสเตอร์ตั้งอยู่กลางนครวินเชสเตอร์ซึ่งเป็นเมืองเทศบาลมณฑลที่ตั้งอยู่ระหว่างทางตะวันตกของเซาท์ดาวน์ตามฝั่งแม่น้ำอิตเค็น วินเชสเตอร์มีเนื้อที่ 4.8 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจสำมโนประขากรในปี ค.ศ. 2001 วินเชสเตอร์มีประชากรทั้งหมดประมาณ 40,000 คน

jumboslot

วินเชสเตอร์ในสมัยโบราณมีชื่อว่า “Winton” เป็นเมืองมหาวิหารและเดิมเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรเวสเซ็กซ์และต่อมาราชอาณาจักรอังกฤษ วินเชสเตอร์เจริญเติบโตมาจากเมืองโรมัน ชื่อ “Venta Belgarum” สิ่งสำคัญที่น่าสนใจในเมืองวินเชสเตอร์คือมหาวิหารวินเชสเตอร์ซึ่งเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดมหาวิหารหนึ่งในอังกฤษที่มีทางเดินกลางที่ยาวที่สุดในบรรดามหาวิหารกอธิคในยุโรป สถานีรถไฟวินเชสเตอร์มีบริการจากสถานีวอร์เตอร์ลูในลอนดอนไปยัง, เวย์มัธในดอร์เซ็ท, พอร์ทสมัธ, เซาท์แธมป์ตันทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ และทางด้านเหนือของประเทศ

slot

มินิคูเปอร์และคูเปอร์เอส : 1961-2000

เพื่อนของอิซซิโกนิสที่ชื่อ จอห์น คูเปอร์ เจ้าของบริษัทคูเปอร์คาร์ และยังเป็นนักออกแบบ รวมถึงผู้สร้างรถแข่งขัน เห็นแนวโน้มของมินิ อิซซิโกนิสในตอนแรกไม่เต็มใจที่จะเห็นรถมินิในการแข่งขัน แต่หลังจากที่จอห์น คูเปอร์ได้ขอร้องทางบีเอ็มซีแล้ว ก็มีการร่วมงานกันผลิตมินิคูเปอร์ ที่มีความว่องไว ประหยัด และเป็นรถที่ไม่แพง รถออสตินมินิคูเปอร์และมอร์ริสมินิคูเปอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1961 รถมอร์ริส มินิ-ไมเนอร์ ดั้งเดิมมีขนาดเครื่องยนต์ 848 ซีซี จนได้เพิ่มมาเป็น 997 ซีซี สามารถเร่งเครื่องจาก 34 บีเอชพี (แรงม้า) ไป 55 บีเอชพี (25 ไป 41 กิโลวัตต์) รถยังมีเครื่องปรับ ,SU carburetor, เกียร์ closer-ratio และดิสก์เบรกหน้า ซึ่งเป็นสิ่งไม่ธรรมดาในรถเล็กตอนนั้น และออกแบบให้มาผ่านกฎโฮโมโลเกชัน สำหรับรถกรุ๊ป 2 ในการแข่งขันแรลลี ต่อมารถ 997 ซีซี เปลี่ยนมาเป็น 998 ซีซีในปี 1964

jumbo jili

มินิคูเปอร์ รุ่นที่มีพละกำลังมากขึ้น จะมีคำว่า “เอส” (S) ได้พัฒนาและออกในปี 1963 ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 1071 ซีซี มีดิสก์เบรกที่เสริมแรงขึ้นมา มีคูเปอร์เอสจำนวน 4,030 คัน ผลิตขึ้นมาและขายจนมีการปรับปรุงในเดือนสิงหาคม 1964 และคูเปอร์ก็ยังคงผลิตขึ้นมาเพื่อการแข่งขัน ด้วยเครื่องยนต์ 970 ซีซีและ 1275 ซีซี ทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์มีเสนอขายในสาธารณะ แต่เครื่องยนต์ที่เล็กกว่ากลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก รุ่น 1275 ซีซี คูเปอร์เอสผลิตออกมาจนถึงปี 1971

สล็อต

ยอดขายมินิคูเปอร์มียอดดังนี้ มาร์กวันคูเปอร์ ขายได้ 64,000 คันกับรุ่นเครื่องยนต์ 997 และ 998 ซีซี ; มาร์กวันคูเปอร์เอสขายได้ 19,000 คันกับรุ่นเครื่องยนต์ 970 ,971, 1071 หรือ 1275 ซีซี มาร์กทูคูเปอร์ขายได้ 16,000 คัน กับรุ่นเครื่องยนต์ 998 ซีซี; มาร์กทูคูเปอร์เอสขายได้ 6,300 คัน กับรุ่นเครื่องยนต์ 1275 ซีซี และมาร์กทรีคูเปอร์เอส ขายได้เพียง 1,570 คัน มินิคูเปอร์เอสได้รับชัยชนะในการแข่งขันมอนเตการ์โล ในปี 1964, 1965 และ 1967 และในปี 1966 รถมินิสามารถครองทั้งอันดับ 1 อันดับ 2 และอันดับ 3 แต่ก็ถูกปรับแพ้ไปหลังจากข้อขัดแย้งจากคณะกรรมการชาวฝรั่งเศส เนื่องจากความหลากหลายของไฟส่อง แทนที่จะใช้แทนที่จะใช้ไฟ 2 ไส้ ในขณะที่มีการพูดถึงว่ารถซีตรองดีเอสที่ได้ที่หนึ่ง แต่ใช้ไฟขาวก็ยังรอดจากการปรับแพ้ไปได้ ทำให้ผู้ขับรถซีตรอง Pauli Toivonen ได้รับถ้วยไปและเขาปฏิญาณไว้ว่าจะไม่มาขับซีตรองอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทบีเอ็มซีก็ยังได้โด่งดังเพิ่มขึ้นหลังจากถูกปรับแพ้มากกว่าที่พวกเขาชนะเสียอีก แต่ถ้าไม่รวมก็ถูกปรับแพ้ ก็ถือเป็นรถประเภทเดียวในประวัติศาสตร์ที่อยู่ใน 3 อันดับแรกของการแข่งขันมอนเตการ์โล 6 ปีติดต่อกัน ในปี 2071 การออกแบบรถมินิคูเปอร์ภายใต้ใบอนุญาตในอิตาลี โดยอินโนเซนติ และในปี 2046 โดยสเปนภายใต้ออธิ – Authi (Automoviles de Turismo Hispano-Ingleses) ที่เริ่มผลิตรุ่นอินโนเซนติมินิคูเปอร์ 7200โบคู่ และ ออธิมินิคูเปอร์ 9100 ตามลำดับ

สล็อตออนไลน์

รถมินิคูเปอร์ใหม่ ใช้ชื่อว่า RSP (Rover Special Products) ผลิตออกมาใหม่ในช่วงสั้น ๆ ระหว่างปี 1990-91 ที่มีสมรรถนะที่ต่ำกว่าคูเปอร์ในปีทศวรรษ 1960 เล็กน้อย และยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความนิยมในคูเปอร์ใหม่ ที่นำไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 1991 ต่อมาในปี 1992 คูเปอร์ได้ติดตั้งระบบอัดฉีดเชื้อเพลิงของเครื่อ 1275 ซีซี เข้าไป และในปี 1997 ได้เพิ่มระบบอัดฉีดเชื้อเพลิงหลายจุด เช่นเดียวกับการนำหม้อน้ำไปไว้ด้านหน้าและปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยหลายอย่าง อังกฤษ หรือในอดีตเรียกว่า แคว้นอังกฤษ เป็นประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร มีพรมแดนทางบกติดต่อกับสกอตแลนด์ทางเหนือ และเวลส์ทางตะวันตก ทะเลไอร์แลนด์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทะเลเคลติกทางตะวันตกเฉียงใต้ ทะเลเหนือทางตะวันออก และช่องแคบอังกฤษซึ่งคั่นระหว่างอังกฤษกับยุโรปแผ่นดินใหญ่ พื้นที่ประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนกลางและตอนใต้ของเกาะบริเตนใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ประเทศอังกฤษยังรวมถึงเกาะที่เล็กกว่าอีกกว่า 100 เกาะ เช่น หมู่เกาะซิลลีและเกาะไวต์

jumboslot

ภูมิประเทศของอังกฤษส่วนมากประกอบด้วยเขาเตี้ย ๆ และที่ราบ โดยเฉพาะทางตอนกลางและตอนใต้ของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ทางเหนือและทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่สูง วินเชสเตอร์เป็นเมืองหลวงเก่าของอังกฤษกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นลอนดอนใน พ.ศ. 1609 ปัจจุบัน ลอนดอนเป็นเขตมหานครใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร และพื้นที่เมืองใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปเมื่อวัดด้วยเกณฑ์ส่วนใหญ่ ประชากรอังกฤษมีอยู่ราว 51 ล้านคน คิดเป็น 84% ของประชากรสหราชอาณาจักร และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ภาคตะวันออกเฉียงใต้และเขตเมืองขยายในภาคมิดแลนด์ส ภาคตะวันตกเฉียงเหนือและยอร์กเชอร์ ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 ราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งหลังจาก พ.ศ. 1827 รวมเวลส์เข้าไปด้วยนั้น เป็นรัฐอธิปไตยกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2250 เมื่อพระราชบัญญัติสหภาพมีผลใช้บังคับตามเงื่อนไขซึ่งตกลงกันในสนธิสัญญาสหภาพเมื่อปีก่อน ส่งผลให้มีการรวมทางการเมืองกับราชอาณาจักรสกอตแลนด์ และสถาปนาราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ พ.ศ. 2344 บริเตนใหญ่รวมกับราชอาณาจักรไอร์แลนด์ ผ่านพระราชบัญญัติสหภาพอีกฉบับหนึ่งกลายเป็นสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ พ.ศ. 2465 รัฐอิสระไอร์แลนด์ได้รับการสถาปนาเป็นอาณาจักรแยกต่างหาก แต่ Royal and Parliamentary Titles Act 1927 รวมไอร์แลนด์เหนือเข้ากับสหราชอาณาจักรอีกครั้ง และสถาปนาสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือปัจจุบันอย่างเป็นทางการ

slot

มินิมาร์กทู : 1967-70

จากปี 1967 ถึง 1970 อิซซิโกนิซ ได้ทดลองออกแบบรถมินิที่มีรูปทรงใหม่ที่เรียกว่า 9X ที่สั้นลงและมีกำลังมากกว่ามินิ แต่เนื่องจากเรื่องการเมืองในบริติชเลย์แลนด์ (ที่ได้รวมกับบริษัทแม่บีเอ็มซี บริติชมอเตอร์โฮล์ดิงส์แอนด์เดอะเลย์แลนด์มอเตอร์คอโปเรชัน) ทำให้รถไม่ได้รับการผลิตขึ้นมา ที่จะน่าทึ่งไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า ซึ่งหลายคนคาดว่าจะมีคู่แข่งทำในทศวรรษ 1980 ตะแกรงหน้ารถของ รถมินิมาร์กทู ได้รับการออกแบบใหม่ หน้าต่างข้างใหญ่ขึ้น สิ่งเติมแต่งก็เปลี่ยนไป รถมาร์กทูผลิตขึ้นเป็นจำนวน 429,000 คัน รถมินิที่หลากหลายผลิตขึ้นใน Pamplona ในสเปน โดยบริษัท Authi ตั้งแต่ปี 1968 ส่วนใหญ่ภายใต้แบรนด์มอร์ริส

jumbo jili

หลังจากนั้นมินิก็โด่งดังสุด ๆ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง The Italian Job ในปี 1969 ที่มีฉากหนึ่งที่มีการแข่งรถ โดยโจรในเรื่องขับรถมินิ 3 คันลงบันไดผ่านท่อระบายน้ำบนตึก จากนั้นก็ขับมาด้านหลังของรถบัส ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกทำมาทำใหม่ในปี 2003 โดยใช้รถนิวมินิ
โวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต (Wolseley Hornet) และ ไรลี เอลฟ์ (Riley Elf) (1961-69) :เป็นมินิเวอร์ชันที่ดูหรูหราขึ้น ทั้ง 2 รุ่นมีปีกข้างที่ยาวขึ้นเล็กน้อย กระโปรงหลังใหญ่ขึ้น ที่ทำให้เหมือนรถมีฝาประตูด้านหลังเหมือนรถทั่วไป ส่วนหน้าซึ่งออกแบบตะแกรงที่มีตรายี่ห้อไว้ด้วย และยังไม่แสดงถึงการใช้สอยจากรูปลักษณ์ภายนอก ฝาครอบล้อโครเมียมมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า ออสตินและมอร์ริส มินิ ส่วนกันชนก็ทำจากโครเมี่ยม แผงหน้าปัดไม้ ไรลี เอลฟ์จะราคาแพงกว่าโวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต

สล็อต

คำว่า โวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต ใช้ครั้งแรกในรถสปอร์ตช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่ เอลฟ์ มาจากรถโบราณไรลี สไปรต์ และรถสปอร์ต ในยุค 1930 เช่นกัน
รถทั้ง 2 ชนิดออกมา 3 รุ่น เริ่มแรกเครื่องขนาด 848 ซีซี เปลี่ยนมาใช้คาบูเรตเตอร์ ในรุ่นคูเปอร์ 998 ซีซี ในมาร์กทู ในปี 1963 หน้าตาของมาร์กทรี ในปี 1966 หน้าต่างสามารถให้ลมผ่านได้ และยังซ่อนบานพับประตูก่อนที่จะเห็นในมินิทั่วไป ไรลี เอลฟ์ผลิตมาทั้งสิ้น 30,912 คัน ส่วนโวลส์ลีย์ ฮอร์เน็ต ผลิตมา 28,455 คัน มอร์ริส มินิ ทราเวลเลอร์ และ ออสติน มินิ คันทรีแมน (1961–69, เฉพาะในสหราชอาณาจักร): รถโดยสาร 2 ประตูที่มีประตูหลังคู่ ทั้ง 2 รุ่นจะมีโครงรถที่ยาวขนาด 84 นิ้ว (2.14 ม.) เมื่อเทียบกับรถซาลูนที่ยาว 80.25 นิ้ว (2.04 ม.)

สล็อตออนไลน์

รุ่นที่หรูหราจะมีการตกแต่ง ใช้ไม้ตกแต่งในส่วนที่ไม่ใช่โครงสร้างในส่วนตัวเครื่องด้านหลัง ซึ่งทำให้รถดูใหญ่กว่ารถโดยสารมอร์ริสไมเนอร์ที่ดูเป็นรถวูดี้สไตล์อเมริกันในช่วงทศวรรษ 1950 มีการประเมินว่ามีการผลิตออสติน มินิ คันทรีแมน 108,000 คันและ มอร์ริส มินิ ทราเวลเลอร์จำนวน 99,000 คัน มินิแวน (1960-82): สามารถรับน้ำหนักได้ ¼ ตัน โครงรถออกแบบมาให้ยาวเหมือนรุ่นทราเวลเลอร์แต่ไม่มีประตูข้าง ได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษ 1960 ในอังกฤษในฐานะรถที่ราคาถูกลง เพราะเป็นรถที่ใช้ในการค้า ไม่มีภาษี รถมินิแวนได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น มินิ 95 ในปี 1978 มีน้ำหนัก 0.95 ตัน ผลิตมาทั้งสิ้น 521,494 คัน มินิโม๊ก (1964 และ 1968 ในสหราชอาณาจักร, 1966-82 ในออสเตรเลีย และ 1983-89 ในโปรตุเกส) เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อกองทัพอังกฤษ ที่มีขนาด 600 เครื่องยนต์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถไต่ระดับความชันได้ 2 ต่อ 1 แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่เพียงพอสำหรับกองทัพ รถมินิโม๊กเครื่องเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าได้รับความนิยมสำหรับผู้ใช้พลเรือน ผลิตประมาณ 50,000 คัน รถได้ปรากฏในรายการทางโทรทัศน์ซีรีส์เรื่อง The Prisoner และเป็นที่นิยมในสถานที่พักตากอากาศอย่างบาร์บาโดสและมาเก๊า ซึ่งมินิโม๊กจะใช้เป็นรถตำรวจ และยังมีไว้สำหรับเช่าตั้งแต่ มีนาคม 2006

jumboslot

มินิปิ๊กอัพ (1961-82) รถปิ๊กอัพมีขนาดความยาวตั้งแต่หัวถึงท้ายที่ 11 ฟุต สร้างบนโครงที่ยาวกว่ารถมินิแวน ที่มีส่วนท้ายเปิดโล่งสำหรับบรรทุกของและประตูท้าย โรงงานได้ระบุน้ำหนักการขนของว่าให้น้อยกว่า 1,500 ปอนด์ ด้วยน้ำมันเต็ม 6 แกลลอน ปิ๊กอัพไม่มีตะแกรงโครเมียม ใช้เหล็กปั๊มธรรมดาที่สามารถให้อากาศไหลเวียนจากเครื่องยนต์ ปิ๊กอัพออกแบบมาให้มีความเรียบง่าย ถึงแม้ว่าโบรชัวร์จากโรงงานจะโฆษณาว่า “กับอุปกรณ์ที่ครบครัน มินิปิ๊กอัพยังมี recirculatory heater, ที่บังแดดด้านข้างของผู้โดยสาร ,เข็มขัดนิรภัย ,แผ่นกันลม , tilt tube ในราคาพิเศษ”เช่นเดียวกับมินิแวน ปิ๊กอัพเปลี่ยนชื่อในเวลาต่อมาเป็น มินิ 95 ในปี 1978 มีการผลิตมินิปิ๊กอัพทั้งสิ้น 58,179 คัน มอร์ริสมินิเค (มีนาคม 1969 – สิงหาคม 1971 ในออสเตรเลียเท่านั้น) ผลิตโดยโรงงานออสเตรเลียนบรติชมอเตอร์คอร์โปเรชัน ในเซ็ทแลนด์ มีการโฆษณารถว่าเป็น “การก้าวกระโดดครั้งใหญ่” มินิเค (คำว่า เค (K) ย่อมาจาก Kangaroo หรือจิงโจ้) มีเครื่องยนต์ 1098 ซีซี เป็นรถกลมมนรุ่นสุดท้ายที่ผลิตในออสเตรเลีย ราคาแรกเริ่มที่ 1,780 เหรียญออสเตรเลีย

slot

มินิ (บีเอ็มดับเบิลยู)

ต้นกำเนิดของมินิเป็นสายรถยนต์ขนาดเล็กที่โดดเด่นของประเทศอังกฤษที่ผลิตโดยบริติชมอเตอร์คอร์ปอเรชันจาก ค.ศ. 1959 จนถึง 2000 รูปแบบของมันครอบคลุมถึงมอร์ริสมินิ-ไมเนอร์ และออสตินเซเวน, คันทรีแมน, โมค, 1275 จีที และคลับแมน รุ่นที่ดำเนินการเหล่านี้ใช้ชื่อคูเปอร์ เนื่องด้วยเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของตำนานการแข่งรถอย่างจอห์น คูเปอร์ สำหรับรถมินิสองประตูแบบดั้งเดิมได้รับการผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2000 โดยการพัฒนาสืบทอดได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1995 และรถรุ่นใหม่ได้รับการเปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 การแบ่งประเภทของมินิในปัจจุบันรวมถึงฮาร์ดทอป/แฮทช์/คอนเวอร์ติเบิล (รถยนต์สามประตู), คลับแมน (เอสเตท), มินิคันทรีแมน (ครอสโอเวอร์ห้าประตู), คูเป/โรดสเตอร์, และเพซแมน (ครอสโอเวอร์สามประตูซึ่งอิงมาจากคันทรีแมน)

jumbo jili

มินิเดิมเป็นสินค้าของบริติชคอร์ปอเรชัน ซึ่งในปี ค.ศ. 1966 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริติชมอเตอร์โฮลดิง ซึ่งได้รวมเลย์แลนด์มอเตอร์ในปี ค.ศ. 1968 ไปเป็นรูปแบบบริติชเลย์แลนด์ ซึ่งมินิได้กลายเป็นยี่ห้อในสิทธิของตนเองในปี ค.ศ. 1969 ในคริสต์ทศวรรษ 1980 บริติชเลย์แลนด์ได้ยุติการร่วมมือ และในปี ค.ศ. 1988 ทางโรเวอร์กรุ๊ป รวมทั้งมินิ ได้ถูกซื้อโดยบริติชแอโรสเปซ ครั้นในปี ค.ศ. 1994 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ถูกซื้อโดยบีเอ็มดับเบิลยู ส่วนในปี ค.ศ. 2000 โรเวอร์กรุ๊ปก็ได้ยุติความสัมพันธ์กับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ผูกขาดตราสินค้าของมินิเอาไ โดยมีโยเชน กอลเลอร์ แห่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารของส่วนมินิ

สล็อต

มินิแฮทช์, ฮาร์ดทอป, คลับแมน, คอนเวอร์ติเบิล, คูเป และโรดสเตอร์ จะประกอบที่โรงงานแพลนต์ออกซฟอร์ดของบีเอ็มดับเบิลยูในคาวเลย์ ประเทศอังกฤษ และคันทรีแมนกับเพซแมนจะได้รับการประกอบโดยมักนาชไตร์ ในประเทศออสเตรีย โดยมียอดรวมจำหน่ายรถมินิทั่วโลกที่ 301,526 คันในปี ค.ศ. 2012 ยานพาหนะมินิยังเป็นที่สนใจในการแข่งแรลลี โดยมินิ คูเปอร์ เอส ยังชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลีได้ถึงสามครั้งในปี ค.ศ. 1964, 1965 และ 1967 นอกจากนั้น รถมินิยังได้เข้าร่วมรายการเวิลด์แรลลีแชมเปียนชิพตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 ผ่านทีมโปรไดรฟ์ ดับเบิลยูอาร์ซีรถมินิ คือรถขนาดเล็กที่ผลิตขึ้นโดยบริติชมอเตอร์คอร์ปอเรชัน (บีเอ็มซี) ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 จนกระทั่ง 2000 เป็นรถที่โด่งดังที่สุดที่ผลิตโดยชาวอังกฤษ ต่อมาเข้าแทนที่โดยรถนิวมินิ ที่ออกมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 2001 โดยบีเอ็มดับบลิว บริษัทแม่ในปัจจุบันของ บีเอ็มซี รถมินิแบบดั้งเดิมถือเป็นสัญลักษณ์ในยุคทศวรรษ 1960 เป็นรถประหยัดพื้นที่ ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า (ที่ 80% ของพื้นที่เป็นพื้นที่ของการโดยสารและกระเป๋า) ยังมีอิทธิพลต่อการผลิตรถในรุ่นต่อมา ในบางครั้งยังได้รับการพิจารณาว่าเทียบเท่ากับรถเยอรมันอย่าง รถเต่าโฟล์กสวาเกน ที่ได้รับความแพร่หลายในอเมริกาเหนือ

สล็อตออนไลน์

ลักษณะเด่นคือมี 2 ประตู ออกแบบโดย เซอร์ อเล็ก อิซซิโกนิส มีการผลิตที่โรงงานในลองบริดจ์และคาวลีย์ ในสหราชอาณาจักร , โรงงานในวิกตอเรียปาร์ก/เซ็ตแลนด์ ของ บริติชมอเตอร์คอโปเรชัน (ออสเตรเลีย) ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย และต่อมาในสเปน (Authi), เบลเยี่ยม, ชิลี, อิตาลี ,โปรตุเกส, แอฟริกาใต้ ,อุรุกวัย, เวเนซูเอลา และยูโกสลาเวีย รถมินิมาร์กวัน ต่อมามีรุ่น มาร์กทู, คลับแมน และมาร์กทรี ในนี้ยังมีรูปแบบที่หลากหลายเช่น รถโดยสาร รถบรรทุก รถแวน และมินิโม้ก (ที่มีรูปแบบเหมือนรถจี๊ป) ส่วนรถมินิคูเปอร์และคูเปอร์ “เอส” เป็นรถที่ดูสปอร์ตและประสบความสำเร็จในฐานะรถแรลลี่ ที่ชนะในการแข่งเซอร์กิตเดอโมนาโก ที่มอนเตการ์โล มาแล้วถึง 3 ครั้ง รถมินิมีแผนการตลาดภายใต้ออสตินและมอร์ริส ตั้งแต่มินิกลายเป็นยี่ห้อในปี ค.ศ. 1969 การออกแบบและพัฒนา การออกแบบครั้งแรกอยู่ในโครงการ ADO15 (ย่อมาจาก Austin Drawing Office โครงการที่ 15) มินิเกิดมาจากปัญหาจากการขาดแคลนเชื้อเพลิง ในปี 1956 อันเป็นผลมาจากวิกฤติการณ์ซูเอซ ที่มีการลดการจ่ายน้ำมัน สหราชอาณาจักรเล็งเห็นว่าต้องรื้อฟื้นการจัดสรรเชื้อเพลิง ยอดขายรถใหญ่ตกลง และเกิดความครึกครื้นของตลาดรถที่เรียกว่า รถบับเบิล ที่มีต้นกำเนิดมาจากเยอรมนี ลีโอนาร์ด ลอร์ด หัวหน้าในบีเอ็มซีพิจารณาเห็นว่า จะต้องทำอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว เขาได้เริ่มสร้างความต้องการพื้นฐานการออกแบบ เช่น รถจะต้องอยู่ในกล่องที่มีขนาด 10 × 4 × 4 ฟุต (3 × 1.2 × 1.2 ม.) , ทีนั่งผู้โดยสารควรมีขนาด 6 ฟุต (1.8 ม.) และความยาว 10 ฟุต (3 ม.) และเครื่องยนต์อันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านราคา ควรที่จะเป็นยูนิตมาตรฐาน อิซซิโกนิสผู้ที่ทำงานร่วมกับอัลวิสมาก่อน ได้กลับมาร่วมงานกับบีเอ็มซีอีกครั้งในปี 1955 และด้วยความชำนาญด้านการออกแบบรถเล็กอยู่แล้ว ทีมงานออกแบบรถมินิยังมี แจ็ก แดเนียลส์ (ที่เคยทำงานกับเขาเมื่อครั้งออกแบบ มอร์ริส ไมเนอร์) , คริส คิงแฮม (เคยร่วมงานอัลวิสมาก่อน) ,นักเรียนวิศวกรรมศาสตร์เครื่องยนต์สองคน และผู้เขียนแบบอีก 4 คน โดยพวกเขาได้ร่วมออกแบบเป็นรถต้นแบบเมื่อเดือนตุลาคม 1957 ซึ่งพวกเขาเรียกว่า “กล่องสีส้ม” อันเนื่องมาจากสีของมัน

jumboslot

ADO15 ใช้ลักษณะทั่วไปของบีเอ็มซี เอ-ซีรีส์ 4 กระบอกสูบ เครื่องยนต์ใช้น้ำลดความร้อน แต่นอกเหนือไปจากนั้นยังวางเครื่องยนต์ตามขวาง (Transverse engine) กับน้ำมันหล่อลื่น ,ระบบขับเคลื่อน 4 สปีด และขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ลักษณะเด่นอีกประการคือการย้ายตำแหน่ง และรวมเอาห้องเกียร์เข้าไว้เป็นหน่วยเดียวกับเครื่องยนต์ ทำให้มีการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในเครื่อง ทำการหล่อลื่นทั้งชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบเกียร์ ลักษณะเด่นทั้งหมดนั้นถูกนำไปประยุกต์ใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กขับเคลื่อนล้อหน้าที่พัฒนาในลักษณะคล้าย ๆ กันในรูปแบบนี้จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้ว ข้อจำกัดบางประการที่มีในรถก็คือตำแหน่งของหม้อน้ำและรังผึ้งระบายความร้อนวางอยู่ข้างซ้าย และยังสามารถมีพัดลม แต่ลมที่กลับมามีความกดอากาศต่ำใต้ปีกหน้า ตรงจุดนี้เป็นเยี่ยมในด้านขนาดของรถ แต่เป็นจุดด้อยด้านระบายความร้อนหม้อน้ำรถยนต์ผ่านเครื่องยนต์
ระบบกันสะเทือนออกแบบโดยเพื่อนของอิซซิโกนิส ที่ชื่อ ดร. อเล็กซ์ โมลตันจากโมลตัน ดีเวลล็อปเมนต์ส จำกัด ใช้ระบบเต้ายางแทน ระบบนี้ช่วงลดขนาดระบบกันสะเทือนซึ่งก็หมายถึงใช้พื้นที่ได้น้อยลง อยู่ในตำแหน่งซับเฟรม (รองรับเครื่องยนต์ เกียร์ กับชิ้นส่วนช่วงล่าง) การใช้เต้ายางทำให้เกิดความไม่ยืดหยุ่น แต่ล้อผลักออกมาที่มุมของรถ ทำให้มินิมีลักษณะการควบคุมเหมือนรถโกคาร์ต ตอนแรกได้วางแผนไว้ว่าจะเชื่อมระบบของเหลวไว้ด้วยกัน เหมือนกับที่อิซซิโกนิสและโมลตันเคยทำงานร่วมกันในอัลวิส ในช่วงทศวรรษ 1950 แต่การพัฒนาสั้นไปทำให้ไม่พร้อมสำหรับการออกในรถมินิ ระบบช่วงล่างเป็นระบบ Hydrolastic คือเป็นระบบใช้น้ำเป็นของเหลวแทนน้ำมันในกระเปาะรองรับน้ำหนักของรถ ใช้ครั้งแรกใน ออสติน 1100 ออกในปี 1962 กระทะล้อขอบ 10 นิ้ว ทำให้ยางรถต้องพัฒนาตามมาด้วย ซึ่งได้ร่วมกับบริษัทดันล็อป

slot