
พอร์เชอ บ็อคชเตอร์ เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์กลางลำท้าย ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RWD) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ขนาด 6 สูบ (H6) ผลิตโดยบริษัท พอร์เชอ จากเยอรมนี ภาพรวมของบ็อคชเตอร์มีความคล้ายคลึงทุกประการกับเคย์แมน เพียงแค่เป็นรุ่นเปิดประทุน นอกจากนี้ยังถือเป็นชื่อรุ่นโรดสเตอร์รุ่นที่สองของค่ายพอร์เชอ นับตั้งแต่ พอร์เชอ 550 เป็นต้นมา และเป็นรุ่นเดียวของพอร์เชอ ที่ออกแบบมาเพื่อเปิดประทุนโดยเฉพาะ โมเดลแรกของ พอร์เชอ บ็อคชเตอร์ (ใช้รหัสว่า 986) ได้นำมาจำหน่าย ในปี ค.ศ. 1996 ตั้งแต่โมเดลแรกจนถึงปัจจุบัน พอร์เชอ บ็อคชเตอร์ ได้ออกโฉมมาแล้วทั้งหมด 4 โฉม ได้แก่ 986 987 981 และ 718
986 (ปี ค.ศ. 1996 – 2004)
บ็อคชเตอร์ 986 เป็นโฉมแรกของรุ่นนี้ เปิดตัวในปี ค.ศ. 1996 ซึ่งเป็นรุ่นที่มาแทนพอร์เชอ 968 ออกแบบโดยนักออกแบบชาวดัตซ์ ฮาร์ม แลกเกย์ (Harm Lagaay) ซึ่งได้แรงบรรดาลใจมาจาก พอร์เชอ 356 และพอร์เชอ 550 สไปเดอร์ บ็อคชเตอร์ 986 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบ (H6) ขนาด 2.5 ลิตร, 2.7 ลิตร และ 3.2 ลิตร เกียร์ 5 จังหวะ และ 6 จังหวะทั้งระบบอัตโนมัติ และกึ่งอัตโนมัติ ด้านอัตราเร่ง 0-100 อยู่ในช่วง มากสุด 7.6 และต่ำสุดที่ 5.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ในช่วง 240 – 260 กม./ชม. บ็อคชเตอร์รุ่นจำกัดที่มีชื่อว่า “550 Spyder 50th Anniversary Edition” ซึ่งผลิตมาเพียง 1953 คัน เท่านั้น โดยที่ทุกคันใช้สีเงินเมทาลิก (GT Silver Metallic) ซึ่งเป็นสีเดียวกับ พอร์เชอ คาเรร่า จีที และตกแต่งภายในด้วยหนังสัตว์ สีน้ำตาล โกโก้ บางคันตกแต่งด้วยงานสีพิเศษ ตามความต้องการของลูกค้า
987 (ปี ค.ศ. 2005 – 2011) บ็อคชเตอร์ 987 เป็นโฉมที่สองของพอร์เชอ บ็อซเตอร์ เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ พอร์เชอ 997 ในปี ค.ศ. 2004 ที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ และจำหน่ายในปี ค.ศ. 2005 นับเป็นโฉมที่มีรุ่นเสริมมากที่สุดของ บ็อคชเตอร์ นอกจากนี้ บ็อคชเตอร์ 987 ยังแบ่งโฉมย่อยเป็นอีก 2 โฉม โดยโฉมที่ 2 เปิดตัวในปี ค.ศ. 2008 ที่งาน นานาชาติ ลอสแอนเจลิส มอเตอร์โชว์ และจำหน่ายในปี ค.ศ. 2009 ใช้คำลงท้ายว่า บ็อคชเตอร์ เอส
ในรูปลักษณ์ที่ปรากฏ ไม่ต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก โดยมีรูปลักษณ์คล้ายกับพอร์เชอ เคย์แมน รุ่นแรกมาก ความแตกต่างระหว่าง 986 กับ 987 คือ มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย มีการเปลี่ยนไฟหน้ารถ ซึ่งใช้รูปแบบเหมือนกับ พอร์เชอ คาเรร่า จีที มีการเปลี่ยนยางเป็น 19 นิ้ว เป็นต้น
บ็อคชเตอร์ 987 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบ (H6) ขนาด 2.7 ลิตร, 2.9 ลิตร, 3.2 ลิตร และ 3.4 ลิตร เกียร์ 5 จังหวะ, 6 จังหวะและ 7 จังหวะทั้งระบบอัตโนมัติ, กึ่งอัตโนมัติและระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ (PDK) ด้านอัตราเร่ง 0-100 อยู่ในช่วง มากสุด 6.5 และต่ำสุดที่ 4.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ในช่วง 256 – 272 กม./ชม.
981 (ปี ค.ศ. 2012 – 2016)บ็อคชเตอร์ 981เป็นโฉมที่สามและเป็นโฉมล่าสุดของพอร์เชอ บ็อซเตอร์ เปิดตัวครั้งแรก ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่งานเจนีวาออโต้โชว์ และจำหน่ายก่อนช่วงซัมเมอร์ปี 2012 นับเป็นโฉมที่มีความแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้มากที่สุด ทั้งรูปลักษณ์ภายในและภายนอก หลังคาซึ่งเป็นแม็กนีเซียมหุ้มด้วยผ้า ซึ่งแข็งแรงและเบา สามารถพับเก็บได้ มีความยาวเพิ่มขึ้น แต่ความสูงต่ำลง มีสปอยเลอร์พับเก็บได้
บ็อคชเตอร์ 981 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบ (H6) ขนาด 2.7 ลิตร และ 3.4 ลิตร เกียร์ 6 จังหวะ และ 7 จังหวะทั้งระบบกึ่งอัตโนมัติและระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ ด้านอัตราเร่ง 0-100 อยู่ในช่วง มากสุด 5.8 และต่ำสุดที่ 4.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ในช่วง 262 – 279 กม./ชม.
718 (ปี ค.ศ. 2016 – ปัจจุบัน) 718 บ็อคชเตอร์ 982 พอร์เชอ 718 บ็อคชเตอร์/บ็อคชเตอร์ เอส เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2016 โฉม 718 ได้นำเสนอเครื่องยนต์แบบใหม่ คือเครื่องยนต์ระบบ 4 สูบ (H4) ขนาด 2.0 และ 2.5 ลิตร ซึ่งสามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดมากขึ้น แต่ลดการใช้พลังงานลง ต่างจากโฉมก่อนหน้าที่ใช้เครื่อง H6 และขนาดเครื่องที่ลดลงไปมาก
เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กของบีเอ็มดับเบิลยู โดยเริ่มผลิตตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 โฉมด้วยกันคือรุ่นที่ 1 (E87 พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2556) บีเอ็มดับเบิลยู 1 ซีรีส์ รุ่นที่ 1 หรือ E87 เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 โดยมี 3 ประตู และ 5 ประตู แฮทช์แบคให้เลือก และมี 2 ประตูคูเป้ตามมาในปี พ.ศ. 2550 ในประเทศไทยเปิดตัวเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 โดยจำหน่ายในรุ่น 120i 5 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 1,995 ซีซี พร้อมระบบ Double VANOS และ Valvetronic 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 แรงบิดสูงสุด 20.38 กก.-ม.ที่ 3,600 รอบ/นาที แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงยกเลิกทำตลาดไป แต่ก็ได้กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง ในรุ่น 120d 2 ประตูคูเป้ พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร N47D20 บล็อก 4 สูบเรียง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกันจึงยุติการทำตลาดไปในที่สุด บีเอ็มดับเบิลยู 1 ซีรีส์ รุ่นที่ 2 หรือ F20 เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยยังมี 3 ประตู และ 5 ประตู แฮทช์แบคให้เลือกเช่นเคย ส่วน 2 ประตูคูเป้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น 2 ซีรีส์ ในประเทศไทย รุ่นนี้เปิดตัวในงาน Motor Expo 2013 โดยได้ทำตลาดดังนี้