
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส(Mercedes-Benz C-Class) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราระดับต้น ที่ผลิตโดยบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเริ่มผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 และยังมีรุ่นประกอบในประเทศไทยด้วย โดยประกอบที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย
โฉมนี้ตัวถังมีให้เลือก คือ4ประตูและ5ประตู ระบบเกียร์มีคือ 5 สปีดธรรมดา,4สปีดและ5สปีดอัตโนมัติ เครื่องยนต์มีตามรุ่น ดังตารางด้านล่าง ในปีพ.ศ. 2540 ได้มีการปรับโฉมเช่น เปลี่ยนกันชนหน้า-หลังเป็นต้น ส่วนด้านความปลอดภัยได้มี การใส่ระบบป้องกันล้อล็อก และ ถุงลมนิรภัยด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (เฉพาะรุ่นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538)และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เป็นอุปกรณ์เสริมต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ผลการทดสอบการชนได้แค่ 2 ดาว โฉมนี้ มีตัวถังให้เลือก คือ 2 ประตู,4 ประตูและ 5 ประตู ระบบเกียร์มีให้เลือกคือ 5 สปีดธรรมดา,6 สปีด และ 7 สปีด อัตโนมัติ โฉมนี้ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543-2549 โดยในปีพ.ศ. 2547 ได้ทำการปรับโฉมหรือ Facelift เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสโฉมนี้ทำยอดขายได้กว่าสองล้านคัน โดยสรุปยอดเมื่อปีพ.ศ. 2549
โฉมนี้ตัวถังมีให้เลือก คือ 2ประตู,4 ประตูและ 5 ประตู โฉมนี้ระบบเกียร์มีให้เลือก คือ 6 สปีดธรรมดา,5 สปีดและ7สปีด อัตโนมัติ ในปีพ.ศ. 2555 ยังติดอันดับ 1ใน10รถยนต์ขายดีในอังกฤษอีกด้วย โดยเป็นรุ่นแรกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์อีกด้วย ในปีพ.ศ. 2554 ได้ทำการFaceliftหรือปรับโฉม
โฉมนี้ตัวถังมีให้เลือก คือ 2ประตู,4 ประตูและ5 ประตู โฉมนี้ระบบเกียร์มีให้เลือก คือ 7สปีดและ9สปีด อัตโนมัติ ในปีพ.ศ. 2559 เปิดตัว Mercedes Benz C-Class Coupe 2017 สปอร์ตคูเป้ เข้าประกอบไทย ราคาใหม่ใน Motor Expo 2016 แย้ม Mercedes Benz C-Class Coupe 2017 เพิ่มเติมมีรุ่นย่อยสุดแรง Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-Benz C 300 Cabriolet 2017 ขณะที่ The C 350 e นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในตระกูล The new C-Class ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ต่อจากรุ่น C 300 BlueTEC Hybrid และยังเป็นรถยนต์รุ่นที่สองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดอีกด้วย โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ซึ่งทั้งสองดีไซน์ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร
ใช้เครื่องยี่ห้อ อิลมอร์ (Ilmor Engineering) ขนาด 6.0L ถึง 6.9L ซึ่งสามารถให้กำลังได้ถึง 612 PS (450 kW; 604 hp) และแรงบิดที่ 775 N·m (572 lb·ft) ทางค่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อ้างว่ารถสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 km/h (62 mph) ได้ในเวลา 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 344 km/h (214 mph) เยอรมนีเป็นประเทศที่อยู่ตรงยุโรปกลางทำให้เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของทวีปยุโรปมีพรมแดนทางทิศเหนือติดทะเลเหนือ เดนมาร์ก และทะเลบอลติก ทิศตะวันออกติดโปแลนด์และเช็กเกีย ทิศใต้ติดออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ ทิศตะวันตกติดฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และยังมีพรมแดนติดกับทะเลสาบโบเดินที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ3ในทวีปยุโรป
ประเทศเยอรมนีมีขนาด357,021 ตารางกิโลเมตรโดยแบ่งเป็นพื้นดิน349,223 ตารางกิโลเมตรและพื้นน้ำ7,798 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ในทวีปยุโรปและใหญ่เป็นอันดับ 62 ของโลกและด้วยพรมแดนมีความยาวทั้งหมดรวม 3,757 กิโลเมตรมีประเทศเพื่อนบ้านถึง 9 ประเทศ ทำให้เยอรมนีเป็นประเทศที่มีประเทศเพื่อนบ้านมากที่สุดในทวีปยุโรป เยอรมนีมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันไปจากทางตอนเหนือถึงทางตอนใต้ โดยมีทั้งที่ราบทางตอนเหนือและเทือกเขาทางตอนใต้ เยอรมนียังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แร่เหล็ก, ถ่านหิน, โพแทช, ไม้, ลิกไนต์, ยูเรเนียม, ทองแดง, ก๊าซธรรมชาติ, เกลือ, นิกเกิล, พื้นที่เพาะปลูกและน้ำ
ประเทศเยอรมนีไม่มีฤดูแล้งและฤดูหนาวจะมีอากาศที่เย็นถึงหนาวจัดและฤดูร้อนจะมีความอบอุ่นโดยอุณหภูมิจะไม่เกิน 30 ° C ในปี 2008 อาณาเขตของประเทศเยอรมนีสามารถแบ่งสภาพพื้นดินได้โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทำกิน (34%) ป่าไม้ (30.1%) ทุ่งหญ้าถาวร 11.8%พืชและสัตว์ในเยอรมนีส่วนใหญ่เป็นพืชและสัตว์ในยุโรปกลางโดยต้นไม้ส่วนใหญ่ก็จะเป็น เบิร์ช, โอ๊กและต้นไม้ผลัดใบอื่น ๆ ที่พบตามพื้นก็จะเป็น มอสส์, เฟิร์น, คอร์นฟลาวเวอร์, เห็ดรา สัตว์ป่าก็จะเป็น กวาง, หมูป่า, แพะภูเขา, หมาจิ้งจอกแดง, แบดเจอร์ยุโรป,กระต่ายป่าและอาจมีบีเวอร์บริเวณชายแดนประเทศโปแลนด์ด้วย ซึ่งคอร์นฟลาวเวอร์สีฟ้าเคยเป็นดอกไม้ประจำชาติด้วย การรวมประเทศในปี 1990 นั้น เสมือนเป็นการผนวกประเทศเยอรมนีตะวันออกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันตก ดังนั้นระบบระเบียบการปกครองทั้งหมดในประเทศเยอรมนีใหม่นี้ จึงยึดเอาระบบระเบียบเดิมของเยอรมนีตะวันตกมาทั้งหมด กฎหมายสูงสุดหรือรัฐธรรมนูญของประเทศเยอรมนีเรียกว่า กรุนด์เกเซ็ทท์ (Grundgesetz) หรือแปลอย่างตรงตัวได้ว่า “กฎหมายพื้นฐาน” ถูกบัญญัติขึ้นในปี 1949 เพื่อใช้เป็นรัฐธรรมนูญของประเทศเยอรมนีตะวันตก การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้จำเป็นต้องได้รับเสียงอย่างน้อยสองในสามจากที่ประชุมร่วมสองสภาและ อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐาน, การแยกใช้อำนาจ, โครงสร้างสหพันธ์ และสิทธิในการต่อต้านความพยายามล้มล้างมิอาจถูกแก้ไขได้
รัฐสมาชิกตามรัฐธรรมนูญ ประเทศเยอรมนีประกอบด้วยสิบหก รัฐ ในจำนวนนี้ เบอร์ลินและฮัมบวร์ค มีสถานะเป็นนครรัฐ ในขณะที่ เบรเมิน เป็นรัฐที่ประกอบด้วยสองนครรัฐคือเบรเมินและเบรเมอร์ฮาเฟิน ในขณะที่อีกสิบสามรัฐที่เหลือ มีสถานะเป็นรัฐเฉพาะถิ่น ทุกรัฐมีรัฐบาลท้องถิ่นเป็นของตนเอง สามารถตรากฎหมายและจัดเก็บภาษีเองตามกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธ์ฯ