
รามเกียรติ์ 226
หนุมานผู้บัดนี้ตัวใหญ่เท่าภูเขามีสี่หน้าแปดกรฆ่าสมุนมารตายเรียบ บัดนี้เหลือเพียงท้าวสหัสเดชะเพียงองค์เดียวในสนามรบ สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนูเข้าปักทั่วร่างหนุมาน แต่วายุบุตรกลับมิรู้สึกระคายผิว ดึงลูกธนูออกเล่นดั่งถูกหนามตำ สหัสเดชะเข้าประชิดตัวใช้ด้ามศรฟาดที่กลางหลังหนุมานจนเซไป พญาลิงลมทรงกายไว้ได้หันกลับมาตอบโต้ จ่วงแทงตรีเพชรเข้าที่ร่างของราชาอสูร ชิงอาวุธได้จากทั้งสองพันหัตถ์
บัดนี้พญายักษ์เจ็บไปทั่วกาย ไร้ทางสู้ หมดพลังที่จะยันกายลุกขึ้นสู้อีกครั้ง นอนนิ่งมิไหวติง พญามารรู้สึกเสียเกียรติเสียดายชีวิตยิ่ง แต่เพื่อมิให้ชื่อเสียงมัวหมอง พญาสหัสเดชะรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายทะลึ่งขึ้นหักยอดเขา หมายทุ่มสังหารวานรเผือกอย่างสุดแรง แต่หนุมานปัดหินใหญ่ได้ด้วยมือทั้งสี่
ใช้ตรีเพชรจ้วงฟันร่างอันใหญ่โตของสหัสเดชะจนเลือดโชกทั่งกาย จากนั้นหนุมานเสกหางให้ยาวพอที่จะรัดร่างพญามารไว้อย่างแน่นหนา สหัสเดชะจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดมีแต่จะบีบรัดรต่างกายมากขึ้น จนร่างกายพญาอสูรแทบจะแหลกละเอียดจากแรงบีบรัด สหัสเดชะได้แต่ร้องไห้ รำพันอาลัยต่อจุดจบที่ตกต่ำของตน
โอ้อนิจจาแก่ตัวกู เสียแรงรู้พระเวทรังสรรค์
เสียแรงเรืองฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ อาวุธครบครันสองพันกร
เชื้อชาติบุรุษอาชาชาญ แกล้วกล้าชำนาญในการศร
เลื่องชื่อลือเดชขจายจร ฤทธิรอนปราบได้ทั้งแดนไตร
ควรหรือหลงลมแก่ลิงป่า มาลวงเอาคทาไปได้
จนเสียตนเสียชีพชีวาลัย ใครเลยจะนับว่าดี
เป็นที่อัปยศอดสู แก่หมู่เทวาทุกราศี
ทั้งมนุษย์ครุฑนาคี ร่ำพลางอสุรีก็โศกาฯ พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 1