
รามเกียรติ์ 139
หนุมานเข้าประคองร่างผู้เป็นน้าพาเหาะกลับสู่พลับพลา กราบทูลทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนหนีรอดมาได้ พระรามกริ้วยิ่งนักที่พ่ายแพ้กลับมา “เสียแรงที่เป็นถึงลูกพระอาทิตย์ กลศึกตื้นๆก็ไม่พิจารณาให้รอบคอบซะก่อน อย่างนี้เราจะไว้ใจให้นำทัพจับศึกใหญ่ต่อไปได้อย่างไร ดีนะที่หนุมานตามไปช่วยทัน ป่านนี้พวกยักษ์เล็กใหญ่คงพากันหัวเราะ ใจรำพองไปตามๆกัน เจ้าทำเสียเกียรติแห่งเราและเสียวงศ์กระบี่ทั้งสองนคร หากไม่มีความชอบแต่ครั้งก่อนโทษของเจ้าคงถึงประหารชีวิต…”
สุครีพได้แต่หมอบกราบ เจ็บกายไม่ว่าแต่จ็บใจที่เสียรู้กุมภกรรณนี่สิน่าอับอายยิ่งนัก จึงทูลขอพระราชทานอภัยโทษ
บัดนั้น พญาสุครีพกระบี่ศรี
ความกลัวเพียงสิ้นชีวี จึ่งสนองวาทีพระทรงฤทธิ์
ซึ่งข้าทำการด้วยประมาท ให้ขายเบื้องบาทนั้นโทษผิด
ควรที่ถึงสิ้นชีวิต หากพระจักรกฤษณ์เมตตา
พระคุณล้ำลบภพไตร จะเปรียบสิ่งใดก็เบากว่า
ขอเอาพระเดชเดชา ปกเกล้าเกศาวานร
พระรามยิ้มอย่างสบายใจว่าสุครีพยอมรับว่าตนผิดที่เสียรู้กุมภกรรณ จึงรับสั่งชมเชยหนุมานว่ามีความสามารถยิ่งสมควรแล้วที่ทรงไว้วางใจ
กุมภกรรณมาถุงราชฐานชั้นใน แต่ก็ยังงอยู่ว่าใครจู่โจมจากด้านหลังทั้งไม่รู้ตัว พอตั้งหลักได้หันกลับไปเห็นหนุมานพาสุครีพเหาะหนีไปซะแล้ว รู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก ร้องด่าสารพัด “ไอ้ขี้ขลาด มาปองร้ายข้าจากด้านหลัง…” จึงรีบเข้าเฝ้าทศกัณฐ์เพื่อกราบทูลผลงาน แต่ยังมิทันจะรายงาน ทศกัณฐ์ต้องสะดุ้งแปลกใจว่าเพราะเหตุใดสภาพน้องถึงเป็นอย่างนี้ สายข่าวก็รายงานว่าน้องได้รับชัยชนะ “นี่กุมภกรรณน้องพี่ เหตุใดเลือดจึงอาบทั้วใบหน้าของเจ้า…จงบอกพี่มา” กุมภกรรณจึงรายงานตามจริงว่า “อันตัวหม่อมฉัน ได้ยกพลไปค่ายมนุษย์ตามพระบัญชา และได้จับพญาสุครีพได้ด้วยอุบาย หมายจะหนีบพญาลิงมาถวายพระองค์ แต่พอถึงหน้าประตูเมืองเจ้าหนุมานเข้าช่วยชิงตัวสุครีพไป ตัวน้องสู้เพียงผู้เดียวจึงเสียทีไอ้ลิงทั้งสอง ข้าเจ็บใจยิ่งนัก” ทศกัณฐ์ลดตัวจากบัลลังก์แก้วเข้าสวมกอดน้องที่คลานตามกันมา “โถ แก้วตาพี่อย่าเสียใจไปเลย เราเกิดเป็นลูกผู้ชายมีแพ้ มีพลาด ยิ่งคราวนี้หนุมานมาชิงตัวสุครีพอย่างลอบกัด เจ้าอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นทุกข์ ศึกคราหน้ายังอีกและใหญ่หลวงกว่านี้นัก จงเก็บแรงเจ้าไว้ พี่มั่นใจว่าน้องพี่คือผู้ชนะทั้งสิบทิศ”
กุมภกรรณได้ฟังคำปลอบใจก็ยิ่งฮึดสู้ แค้นเคืองเหล่ามนุษย์และวานรมากขึ้น ประกาศทั้งน้ำตาก้องท้องพระโรงว่า “น้องรับพระดำรัสที่สั่งสอนด้วยเกล้า ข้าขอประกาศว่าจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และวานรให้สิ้นโลก… จากนี้น้องขอลาพระเชษฐาไปขอหอกโมกขศักดิ์ที่ฝากไว้กับองค์พรหม เพื่อจะนำมาด้วยชัยชนะเหนือมนุษย์และวานรอย่างเด็ดขาด” ทศกัณฐ์ประคองกอดน้องรัก ลูบหลังอวยพรให้ทำการสำเร็จ
จากนั้นกุมภกรรณถีบทะยานขึ้นสวรรค์ถึงชั้นพรหม ตรงดิ่งเข้าเฝ้าท้าวมหาพรหมอย่างคนสนิท กราบทูลความจำเป็น “ขณะนี้ลงกา นครแห่งหน่อเนื้อเชื้อพรหมมียุคเข็นจากการรุกรานของศัตรู ข้าบาทจะมาขอหอกโมกขศักดิ์ที่ฝากไว้ เพื่อไปกำจัดไพรีให้พ้นลงกา” พระพรหมเสกเรียกหอกโมกขศักดิ์มาอยู่ในพระหัตถ์ทันที แล้วตรัสอย่างสงสัยว่า “ปกติหอกโมกขศักดิ์ จะเงาวับจับคมทั้งเล่ม แต่ทำไมตอนนี้ดูเกรอะกรังไปด้วยสนิม กุมภกรรณ….ช่วงนี้เจ้าไม่ได้ตั้งอยู่ในพิศในธรรมแล้วหรือ”